สถานการณ์ในปัจจุบันในเชิงธุรกิจของบริษัท ฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด
(มหาชน) ดูจะสดใสอย่างมากในระยะนี้เหตุหลักน่าจะมาจากภาวะราคาของกระดาษและเยื่อกระดาษโลกที่เข้าสู่รอบราคาขาขึ้น
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เนื่องเพราะการสอดประสานที่ลงตัวของงานบริหารที่นำโดย
พี. เค. พอล กรรมการผู้จัดการ
ผลประกอบการล่าสุดของบริษัท จากการแถลงข่าวของทีมผู้บริหาร ทำให้ทราบว่า
9 เดือนแรกของปีนี้ (2538) บริษัทมีกำไรสุทธิสูงถึง 1,012.28 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นกำไรที่มากเป็นประวัติการณ์
สำหรับบริษัท และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 56.5%
"การที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่สูงมากใน 9 เดือนแรกปีนี้ เป็นเพราะฝ่ายบริหารมีการตัดสินใจลงทุนที่ตรงกับแนวโน้มตลาด"
พี. เค. พอล กล่าว
มองถึงอนาคต จากการเป็นผู้ผลิตเยื่อกระดาษรายใหญ่ของไทย ที่มีลูกค้าทั้งในประเทศและทั่วโลก
ในอัตราส่งออกเยื่อกระดาษปีละราว 100,000 ตัน และแหล่งผลิตเยื่อกระดาษทั่วโลกที่ใช้วัตถุดิบจากป่าดงดิบหรือป่าธรรมชาติ
กำลังจะพับฐานไป ทั้งจากกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือป่าธรรมชาติซึ่งเป็นวัตถุดิบถูกทำลายจนหมด
แผนงานบริหารในเรื่องของการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงาน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลงลงอย่างต่อเนื่อง
สวนทางกับราคาเยื่อกระดาษที่ตรึงอยู่ในระดับสูง หรือถึงคราวราคาเยื่อกระดาษอยู่ในขาลง
ก็คงส่งผลไม่มากนัก
ฐานะการเงินที่อยู่ในขั้นดี แหล่งเงินทุนที่ใช้ในการขยายกิจการเป็นเงินกู้ระยะยาว
และได้ชำระหนี้สินในส่วนของโรงงานฟินิคซ 1 ได้ครบถ้วนแล้ว
และแม้ว่าบริษัทผลิตกระดาษและเยื่อกระดาษรายใหญ่อย่าง "แอ๊ดวานซ์
อะโกร" ของกิตติ ดำเนินชาญวริชย์ จะใกล้เปิดดำเนินการ แต่ยักษ์ใหญ่รายนี้ก็จะกลายสภาพเป็นลูกค้ารายหนึ่งของ
ฟินิคซ พัลพฯ ไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจ ทั้งนี้ตามคำยืนยันของ พี. เค. พอล
จากสิ่งที่ได้รับรู้ น่าจะสรุปได้ว่า บริษัท ฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์
เป็นองค์กรที่เลิศหรูไม่น้อย
แต่อาจกล่าวได้ว่า ยิ่งองค์กรแห่งนี้มีผลงานที่โดดเด่นและผลกำไรมหาศาล
ยิ่งกลับเผชิญมรสุมจากความไม่ลงรอยระหว่างผู้ถือหุ้น ที่มีปัญหามานานปี
ทุกวันนี้กลุ่มนันทาภิวัฒน์ กับกลุ่มโกลเบ็กซ์ คือ กลุ่มหลักของสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งยึดกลุ่มอำนาจบริหารไว้ได้ แต่เมื่อ สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญและรั้งตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของฟินิคซฯ
ได้เสียชีวิตลง จึงทำให้กระแสการก้าวเข้ายึดกุมอำนาจของโกลเบ็กซ์ ร้อนแรงขึ้น
และครั้งนี้ ดูเหมือนว่ากลุ่มโกลเบ็กซ์ ใกล้บรรลุจุดประสงค์มากที่สุด มากกว่าหลาย
ๆ ครั้งที่ผ่านมา
จอร์จ เดวิดสัน รองประธานกรรมการบริหาร รักษาการประธาน ได้กล่าวยืนยันอย่างหนักแน่นว่า
"ได้ร่วมกับคุณสมบูรณ์ เมื่อ 20 ปี ที่แล้วเพื่อสร้างโรงงานฟินิคซ
1 และก็แนบแน่นกันมาตลอด ถ้าตระกูลนันทาภิวัฒน์จะเปลี่ยนแปลงอะไร คงต้องปรึกษาผมก่อนแน่นอน"
ส่วน พี. เค. พอล ได้ตอกย้ำอีกว่า "กับน้องชายคุณสมบูรณ์ คุยกันแล้ว
ก็บอกว่าไม่มีความคิดที่ขายหุ้นเพราะธุรกิจยังดีอยู่ ในอนาคตอันใกล้ไม่มีการขายแน่นอน"
16 ธันวาคม 2538 เป็นวันที่หมู่ญาติกำหนดไว้ว่าจะเป็นวันปลงศพ ของสมบูรณ์
นันทาภิวัฒน์ และหลังจากนั้นจึงจะเลือกประธานกรรมการบริหารคนใหม่
ที่สำคัญกว่านั้น หลังทุกอย่างเสร็จสิ้น ให้จับตาดูว่า การเทกโอเวอร์ ฟินิคซ
พัลพฯ โดยโกลเบ็กซ์ ด้วยเงินราว 9,000 ล้านบาท จะมีขึ้นจริงหรือไม่
และคำพูดของ "เถาวัลย์ นันทาภิวัฒน์" ในตอนนั้น จะมีน้ำหนักไม่น้อย
ถึงวันนั้น ทีมบริหารที่ช่ำชองโดยมี พี. เค. พอล นำทีมอาจไม่ปรากฏชื่อในฟินิคซ
พัลพฯ อีกต่อไป