เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ ห้องรัตนโกสินทร์ โรงแรมรีเจนท์ วิโรจน์
ภู่ตระกูล ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ "โมงยามอันล้ำค่าในห้วงเวลาของคาร์เทียร์"
ที่ทางบริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัดเป็นผู้จัดขึ้น
แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกระซิบบอกมาว่า ครั้งนี้ถือเป็นการออกงานครั้งแรกของวิโรจน์
ภู่ตระกูล หลังการเข้ามาร่วมงานกับบริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ในฐานะประธานกรรมการบริหารเลยทีเดียว
บรรยากาศในค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติที่เข้ามาร่วมชมนิทรรศการ
และที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือวันชัย จิราธิวัฒน์ พี่ใหญ่ในกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งกล่าวกับ
"ผู้จัดการ" ด้วยน้ำเสียงแสดงความยินดีว่า ดีใจที่ได้คนเก่งอย่างวิโรจน์
ภู่ตระกูลมาร่วมงาน
"คุณวิโรจน์กับเรารู้จักกันมานาน พอรู้ว่าเขาจะเกษียณก็มีการทาบทาม
ซึ่งผมเป็นคนเจรจาเอง" วันชัยกล่าวย้ำด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
นอกเหนือจากการเป็นประธานเปิดงานนิทรรศการดังกล่าวแล้ว หลังจากเข้าดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารที่เซ็นทรัลเทรดดิ้ง
ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านตัวแทนจัดจำหน่าย วิโรจน์กล่าวว่ากำลังอยู่ในช่วงศึกษาเพื่อจัดหมวดหมู่สินค้าใหม่
คาดว่าอาจจะเป็นงานชิ้นแรกหลังจากเข้าบริหารงาน เนื่องจากปัจจุบันสินค้าที่เซ็นทรัลเทรดดิ้งดูแลอยู่มีจำนวนมาก
ปัจจุบันนอกเหนือจากงานในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารที่เซ็นทรัลเทรดดิ้งแล้ว
วิโรจน์ ภู่ตระกูล ยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา
จำกัด ตลอดจนกรรมการบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด
ล่าสุดยังเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัทบุญรอด เอเชีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่สันติ
ภิรมย์ภักดีและวิโรจน์ ภู่ตระกูลร่วมกันจัดตั้งขึ้นมาใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อดำเนินธุรกิจใหม่
ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมของบุญรอดฯ
"สำหรับบุญรอด เอเชีย เราจะดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านอาหาร นิคมอุตสาหกรรม การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่จะไม่ใช่เรื่องเบียร์หรือเหล้าแน่
ๆ" วิโรจน์ในฐานะประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วนบริษัท บุญรอด เอเชีย
กล่าวกับ "ผู้จัดการ" โดยมีการกำหนดขอบข่ายของธุรกิจออกเป็น 10
แนวทาง
เบื้องหลังของการตัดสินใจเข้าร่วมงานกับตระกูลจิราธิวัฒน์ และตระกูลภิรมย์ภักดี
ของนักบริหารมืออาชีพผู้นี้ คือ เป็นสิ่งที่เขาต้องการจะทำมานาน ซึ่งเป็นธุรกิจที่แตกต่างจากที่เคยทำ
โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำประสบการณ์ในอดีตที่สั่งสมมาใช้ก่อให้ความเป็นเลิศกับธุรกิจใหม่ที่ตนยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน
"มันเป็นความใฝ่ฝัน ผมฝันมานานที่ต้องการจะทำงานแบบนี้ เมื่อมีโอกาสก็เลยตอบตกลง"
วิโรจน์กล่าวโดยเชื่อมันว่าการรับหน้าที่ประธานกรรมการบริหารใน 3 บริษัทจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น
เนื่องจากรูปแบบการดำเนินธุรกิจจะมีความแตกต่างกันอยู่
วิโรจน์ ภู่ตระกูล นับเป็นนักบริหารมืออาชีพชั้นปรมาจารย์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและประสบความสำเร็จอย่างสูงในวิชาชีพ
จึงไม่แปลกที่หลังจากวิโรจน์เกษียณอายุการทำงานในฐานะประธานกรรมการบริหารบริษัทลีเวอร์
บราเธอร์ (ประเทศไทย) จำกัดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา คนในวงการต่างจับตาก้าวย่างต่อไปของเขาว่า
หลังเกษียณอายุการทำงานวิโรจน์จะเลือกเส้นทางชีวิตอย่างไร
ผลงานตลอดระยะเวลา 36 ปีของวิโรจน์ที่ยึดลีเวอร์ฯ เป็นเวทีสร้างสมประสบการณ์
นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ทำให้เขากลายเป็นมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับ และกลายเป็นที่หมายปองของบรรดาบริษัทชั้นนำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เส้นทางชีวิตการทำงานของนักบริหารมืออาชีพผู้นี้กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ใครจะรู้บ้างว่าวิโรจน์
ต้องใช้ระยะเวลาถึง 20 ปีในการพิสูจน์ฝีมือ จากจุดเริ่มต้นในหน้าที่ผู้จัดการฝึกหัดปี
2502 สู่การเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย ผู้จัดการเขตปฏิบัติการ ผู้จัดการทั่วไป
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ซักล้าง กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายขายรองประธานกรรมการ
ความที่เชื่อมั่นว่าตัวเองเป็นเสือที่ไม่เคยตาย ทำให้ปี 2519 วิโรจน์ตัดสินใจรับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของยูนิลีเวอร์
ที่อังกฤษ ทำหน้าที่หลักคือประสานงานกับบริษัทของยูนิลีเวอร์ใน 10 ประเทศ
เพื่อขาย IDEA และ VISON
ปี 2522 วิโรจน์เดินทางกลับสู่ประเทศไทย พร้อมกับได้รับความไว้วางใจจากยูนิลีเวอร์
บริษัทแม่ในอังกฤษมอบหมายให้นั่งในตำแน่งสูงสุดคือประธานกรรมการบริหารของลีเวอร์
บราเธอร์ (ประเทศไทย) ในปี 2522 เป็นต้นมาจนเกษียณอายุการทำงาน
บทบาทและภาระหน้าที่ของวิโรจน์ ภู่ตระกูล ในวันนี้ การที่เขารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารทั้งเซ็นทรัลเทรดดิ้ง
เซ็นทรัลพัฒนา และบุญรอด เอเซีย ดูจะเป็นงานที่เหนื่อย แต่กลับยิ่งทำให้นักบริหารผู้นี้กลับตื่นเต้นเพราะเป็นสิ่งใหม่ที่ท้าทาย
วิโรจน์กล่าวว่าทุกวันนี้เขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทให้กับการศึกษางานในแต่ละบริษัท
เพื่อให้รู้ก่อนว่าอะไรเป็นอะไร อยู่ในยุทธศาสตร์ไหน และจะทำอย่างไรเพื่อก่อให้เกิดความเป็นเลิศทางธุรกิจทั้ง
3 บริษัท
บางครั้งเขายังต้องร่วมเดินทางไปกับกลุ่มผู้บริหารของจิราธิวัฒน์ เพื่อศึกษาโลเกชั่น
ดูความต้องการตลาด ตามต่างจังหวัดอีกด้วย เมื่อว่างเว้นจากงานประจำเขายังเหลือเวลาส่วนหนึ่งให้กับงานทางวิชาการเพื่อสังคม
โดยรับสอนให้กับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งจะเป็นอาจารย์สอนในหลักสูตรพิเศษ
สอนหนังสือเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์ศึกษาการค้าอาเซียน
หรือแม้แต่การเป็นตัวเชื่อมระหว่างคณะกับนักอุตสาหกรรมในการดำเนินกิจกรรมต่าง
ๆ
นับจากวันนี้เป็นต้นไป เซ็นทรัลเทรดดิ้ง เซ็นทรัลพัฒนา และบุญรอด เอเซีย
จะกลายเป็นม้าในสายตาของวงการธุรกิจเมืองไทยที่คงต้องเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของขุนพลใหญ่อย่างวิโรจน์
ภู่ตระกูล ว่าจะสามารถนำวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและประสบการณ์ที่คร่ำหวอดมานานถึงกว่า
3 ทศวรรษ สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงเช่นเดียวกับที่สร้างให้ลีเวอร์ฯ กลายเป็นบริษัทผู้นำในวงการสินค้าอุปโภค-บริโภคบ้านเราได้สำเร็จหรือไม่