ยูโอบี ระบุแผนปี 50 มุ่งขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัยเต็มสูบ ปูพรมอัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายตั้งแต่ปลายปี 49 พร้อมระดมเงินฝากปีหน้าเพิ่ม 30,000 ล้านบาท บัตรเครดิต 100,000 บัตร ระบุปรับเพดานดอกเบี้ยเป็น 20% ไม่กระทบลูกค้า-ยอดการใช้จ่าย ผ่านบัตร
นายธนชัย ธนชัยอารีย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้าธนาคารตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัย 18,000 ล้านบาท โดยเติบโตกว่าปีนี้ที่ปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 13,000 ล้านบาท และมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างที่ 45,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เมื่อต้นปีเล็กน้อยเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคาน้ำมันและดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อบ้านช้าลง อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาธนาคารได้มีการออกโปรโมชั่นเพื่อให้ลูกค้ามีโอกาสซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้ามีเงินดาวน์ 50,000 บาท สามารถขอสินเชื่อซื้อบ้านได้ 2.5 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ในปีหน้าเชื่อว่าสินเชื่อบ้านจะปล่อยได้เพิ่มขึ้น
“การแข่งขันสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีหน้ายังมีความรุนแรงต่อเนื่อง แต่ธนาคารเชื่อว่าในปีหน้าจะปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้า เนื่องจากการออกโปรโมชั่นในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ในปีหน้าเชื่อว่าสินเชื่อบ้านจะปล่อยได้เพิ่มขึ้น” นายธนชัย กล่าว
สำหรับในปีหน้าธนาคารมีเป้าหมายในการระดมเงินฝาก 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 200% จากปีนี้ที่การระดมเงินฝากเพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาท โดยธนาคารจะเน้นระดมเงินฝากทั้งจากลูกค้ารายเก่าและรายใหม่ ขณะที่ในปัจจุบันธนาคารมีเงินฝากลูกค้ารายย่อย 130,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝากบัญชีออมทรัพย์ 45% และเงินฝากประจำ 55% ขณะเดียวกันในไตรมาสแรกปีหน้าธนาคารยังจะเตรียมออกผลิตภัณฑ์เงินฝากสำหรับผู้สูงวัย โดยรายละเอียดและรูปแบบของเงินฝากดังกล่าวขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมการอยู่นอกจากนี้ในปีหน้าธนาคารยังมีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 155 สาขาทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด
นอกจากนี้ในปีหน้าธนาคารยังมีแผนที่จะขยายฐานบัตรเครดิตเพิ่มอีก 100,000 บัตร หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากปีนี้ที่มีอัตราการเติบโตที่ 80,000 บัตร ขณะที่ในปัจจุบันธนาคารมีฐานบัตรเครดิตที่ประมาณ 400,000 บัตร ขณะที่เอ็นพีแอลจากธุรกิจบัตรเครดิตปัจจุบันอยู่ที่ 5-6%สำหรับหนี้เสียจากธุรกิจบัตรเครดิตปัจจุบันอยู่ที่ 5-6%
นายธนชัย กล่าวต่อว่าสำหรับกรณีการปรับดอกเบี้ยบัตรเครดิตจาก 18% เป็น 20% ว่าขณะนี้ในส่วนของลูกค้าเก่าจะยังไม่ทำการปรับดอกเบี้ยไปจนถึงวันที่ 1 ก.ค.50 แต่ในส่วนของลูกค้าใหม่ที่สมัครบัตรเครดิตหลังวันที่ 1 ธ.ค.จะเรียกเก็บดอกเบี้ยบัตรเครดิตในอัตรา 20%เลย ซึ่งธนาคารเชื่อว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตขึ้นอีก 2%จะไม่กระทบต่อลูกค้า และไม่ส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรลดลง โดยปัจจุบันสัดส่วนการผ่อนชำระขั้นต่ำอยู่ที่ 60% และจ่ายเต็มอยู่ที่ 40%
“แม้ว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตขึ้นอีก 2%เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการใช้จ่ายผ่านบัตรของลูกค้า ขณะเดียวกันการปรับดังกล่าวก็ไม่ได้ช่วยทำให้ต้นทุนการทำงานของธนาคารลดลงมากเท่าไหร่และไม่ได้ทำให้มีกำไรจากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เพียงแต่ช่วยทำให้การดำเนินธุรกิจพออยู่ได้ต่อไป” นายธนชัยกล่าว
|