นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้น ITV รอลุ้นผลศาลปกครองสูงสุดตัดสินกรณีค่าปรับผิดสัมปทานเกือบแสนล้านวันนี้ โบรกฯประสานเสียงแนะเลี่ยงเข้าลงทุน ระบุประเมินผลกระทบยาก ชี้หากศาลฯตัดสินให้จ่ายค่าปรับล่อถึงขั้นล้มละลาย ระบุกระทบการดำเนินธุรกิจแน่นอน ด้านครม.ยังไม่ได้พิจารณากรณีพนักงานเรียกร้องให้ทบทวนค่าปรับ
วันนี้(13 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดนัดฟังตัดสินกรณีพิพาทระหว่างสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) กับบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV กรณีการทำผิดสัญญาสัมปทานและค่าปรับกรณีการปรับผังรายการจากสัญญาเดิม ซึ่งมูลค่าปรับขณะนี้สูงถึงเกือบ 1 แสนล้าน โดยคำตัดสินในวันนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อบมจ.ไอทีวีค่อนข้างมากเนื่องจากสินทรัพย์รวมของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส3/49 อยู่ที่ 3,697 ล้านบาท ซึ่งหากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดกลับคำตัดสินของศาลปกครองกลางจะทำให้บริษัทต้องรับภาระหนี้ทั้งหมดซึ่งจะส่งผลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ1. บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN สัดส่วน 52.93% อันดับ 2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด สัดส่วน 3.03% อันดับ 3. SOMERS (U.K.) LIMITED สัดส่วน 2.31% อันดับ 4. นายณฤทธิ์ เจียอาภา สัดส่วน 2.04% อันดับ 5. NORTRUST NOMINEES LTD. สัดส่วน 1.91%
สำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น ปัจจุบันกลุ่มเทมาเสกซึ่งเป็นกองทุนจากสิงคโปร์เข้ามาถือหุ้นผ่านบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 1,742,407,239 หุ้น หรือ 54.53% และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด จำนวน 1,334,354,825 หุ้น หรือ 41.76%
**เก็งกำไรลุ้นผลวันนี้
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบมจ.ไอทีวี หรือ ITV วานนี้ (12 ธ.ค.) ราคาปิดที่ 2.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท หรือ 6.87% โดยระหว่างวันราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นไปสูงสุดที่ 3 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 237.40 ล้านบาท สวนการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศซึ่งเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆก่อนปิดที่ 738.25 จุด ลดลง 2.69 จุด หรือ 0.36% โดยระหว่างวันจุดสูงสุดอยู่ที่ 741.87 จุดและจุดต่ำสุดอยู่ที่ 736.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 13,330.72 ล้านบาท
นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่าสาเหตุที่ราคาหุ้นบมจ.ไอทีวี ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในระยะสั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ปรับราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาก ประกอบกับนักลงทุนรอลุ้นผลการตัดสินของศาลปกครองสูงสุดที่จะพิพากษาในกรณีศาลปกครองกลางเพิกถอนคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการที่อนุญาติให้ออกอากาศรายการบันเทิงช่วง prime time ได้และลดสัดส่วนการจ่ายค่าสัมปทานน้อยลงส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับกรณีค่าปรับกรณีการทำผิดสัญญาปรับผังรายการจำนวนเงินกว่า 9.4 หมื่นล้านบาท อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดานเนื่องจากยังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตว่าจะรุนแรงมากน้อยเพียงไร
อย่างไรก็ตาม บริษัทแนะนำหลีกเลี่ยงการเข้ามาเก็งกำไร เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงทั้งกรณีการจ่ายค่าสัมปทานและค่าปรับการทำผิดสัญญาผังรายการ
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่าจากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดนัดฟังคำพิพากษาสัมปทาน ITV ในวันนี้ว่าในส่วนตัวไม่อาจจะคาดการณ์ไดว่าศาลฯจะตัดสินอย่างไร ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องติดตามต่อไป เพราะหากคำพิพากษาออกมาให้กลับไปจ่ายค่าสัมปทานเท่าเดิมที่ 1,000 ล้านบาทต่อปีและเสียค่าปรับผังรายการให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานเดิมจะส่งผลให้บมจ.ไอทีวีต้องกลายเป็นบริษัทล้มละลายเนื่องจากค่าปรับดังกล่าวสูง
อย่างไรก็ดีหากคำพิพากษาออกมาในทิศทางที่ดีโดยเป็นการยืนคำตัดสินของศาลปกครองกลางจะส่งผลทำให้ราคาหุ้น ITV ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้จากความเสี่ยงดังกล่าวบล.โกลเบล็กยังไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทีเอสอีซี จำกัด กล่าวว่าจากแนวโน้มทางเทคนิคราคาหุ้นบมจ.ไอทีวีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากแรงเก็งกำไรเพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งประเด็นที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาคือการจ่ายค่าสัมปทานและเรื่องการจ่ายค่าปรับจากการทำผิดสัญญาสัมปทาน ซึ่งต้องรอคำตัดสินชี้ขาดจากศาลปกครองสูงสุดว่าจะสรุปเรื่องจำนวนค่าปรับออกมาอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยในการลงทุนบริษัทยังไม่แนะนำให้ซื้อ เนื่องจากยังคงต้องรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในกรณีการจ่ายค่าสัมปทานและการจ่ายค่าปรับผังรายการซึ่งหากบมจ.ไอทีวีต้องจ่ายค่าปรับและต้องปรับผังรายการใหม่ จะส่งผลกระทบต่อบริษัทผลการดำเนินงานและราคาหุ้นของบริษัทค่อนข้างมาก
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินราคาหุ้น ITV ว่าหากศาลตัดสินให้ชนะคดี จะปรับตัวเพิ่มขึ้นและผลการดำเนินงานของบริษัทน่าจะยังคงสามารถทำกำไรเติบโตต่อเนื่องโดยคาดการณ์กำไรปีนี้ที่ 500 ล้านบาท หรื 0.41 บาทต่อหุ้น และจะเพิ่มขึ้น 22% เป็น 608 ล้านบาท หรือ 0.50 บาทต่อหุ้นในปีหน้า โดยประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดได้ที่ 10.50 บาท
ทั้งนี้ ในทางตรงกันข้ามหากไอทีวีแพ้คดีจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทพลิกจากกำไรเป็นขาดทุนโดยทันทีและจะทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจด้วยความลำบากเนื่องจากต้องจ่ายค่าปรับสัมปทานเป็นจำนวน รวมถึงข้อจำกัดเกี่ยวกับการปรับผังรายการทำให้บริษัทแนะเลี่ยงลงทุน
**ค่าปรับไอทีวียังไม่เข้าครม.
นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ไม่ได้มีการนำเรื่องการพิจารณากรณีที่พนักงานของบมจ.ไอทีวี ได้เรียกร้องให้มีการทบทวนการคิดคำนวณค่าปรับของไอทีวี
ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) วางกรอบการดำเนินการไว้แล้วว่าจะเป็นอย่างไรแต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ โดยจะต้องรอฟังคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ก่อน
|