Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 ธันวาคม 2549
ผังเมืองบีบดีมานด์ทาวน์เฮาส์ซบอาคารชุดเค.ซี.ฯมั่นใจปี50ตลาดคอนโดฯโต             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.
อภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล
Real Estate




เค.ซี.ฯแจงแผนปี50 เน้นเปิดเฟสต่อเนื่องโครงการเดิม ไม่ตำกว่า12 เฟส พร้อมผุดโครงการใหม่เพิ่ม 4 โครงการบ้านเดี่ยว 1 ทาวน์เฮาส์ 1 คอนโดมิเนียม 2 เชื่อปี 50 คอนโดฯยังรุ่ง เหตุผังเมืองรวมกทม .บีบผู้ประกอบการทำโครงการทาวน์เฮาส์ได้ยากขึ้น เผยยอดขาย3ไตรมาส 1,600 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปียอดขายตามเป้า 2,000 ล้านบาท ส่วนปี 50 ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10%

นายอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2550 ว่าในปีหน้าบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากการขายบ้านเดี่ยวประมาณ 40% ทาวน์เฮาส์ 45% และคอนโดมิเนียม 15% จากเดิมที่ในปี 2549 นี้ บริษัทมีรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 60% และทาวน์เฮาส์ 40% โดยในปีหน้าบริษัทจะเน้นการพัฒนาโครงการในเฟสต่อเนื่องเป็นส่วนใหญ่

สำหรับการพัฒนาโครงการใหม่นั้นคาดว่าจะมีการเปิดเพิ่มอีก 3-4 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว เค.ซี เนเชอร์รัล ซิตี้ รามคำแหงวงแหวน จำนวน 320 ยูนิต บนเนื้อที่ 75 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 5.2ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดการขายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550

ส่วนอีก 2 โครงการจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ย่านพระราม 9 จำนวน 320 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 3 ไร่ แบ่งการก่อสร้างเป็นอาคาร 8 ชั้น 2 อาคารมูลค่าขาย 400 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่เริ่มต้น 28-40 ตารางเมตร ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมโครงการที่ 2 อยู่ในย่านประชาชื่นใกล้ทางด่วน ซึ่งจะก่อสร้างเป็นอาคาร 8 ชั้น 2 อาคารเช่นกัน มีจำนวน 300 ยูนิต บนเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน มีขนาดพื้นที่เริ่มต้น 30-45 ตารางเมตร สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 2 โครงการนี้ จะมีระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 38,000-40,000 บาทต่อตารางเมตร หรือมีราคาขายเฉลี่ยที่ 1.5 ล้านบาท ส่วนราคาต้นทุนที่ดินที่ซื้อมาทั้ง 2 แปลงเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯดังกล่าวบริษัทซื้อที่ดินมาในราคาเฉลี่ย 50,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนโครงการที่ 4 คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 โดยขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเจรจาซื้อที่ดินกับเจ้าของเดิมอยู่

"หลักการเลือกซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่รวมต่อโครงการ 10,000 กว่าตารางเมตร นี้ต้นทุนในการซื้อที่ดินดิบไม่ควรจะเกิน 60,000 บาทต่อตารางวา ซึ่งที่ดินที่บริษัทซื้อเข้ามาทั้ง 2 โครงการถือว่ามีราคาถูก ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถทำกำไรเบื้องต้นได้ไม่ประมาณ 30-35% อย่างไรก็ตามสาเหตุที่บริษัทยังไม่เปิดการขายโครกาคอนโดมิเนียมทั้งสองโครงการดังกล่าว เนื่องจากยังรอให้โครงการผ่านกระบวนการขออนุมัติสิ่งแวดล้อมก่อน คาดว่าจะได้รับอนุมัติจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมในเดือน ม.ค.-ก.พ.นี้"

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 2 โครงการถือเป็นการศึกษาเทรนและตลาดของบริษัทก่อนที่จะเข้ามาพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมีเนียมในสัดส่วนที่มากขึ้นในอนาคต ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมยังมีอยู่สูง และคาดว่าในปี 2550 ตลาดคอนโดมิเนียมยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะ ปัจจุบันผังเมืองรวมที่ประกาศบังคับใช้อยู่ในขณะนี้บีบให้ผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์ได้ยากขึ้น

จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เพือรองรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจำนวนโครงการประเภททาวน์เฮาส์ราคาระดับ 1-2 ล้านบาทในตลาดมีจำนวนจำกัด โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นทุนในการเดินทางเพิ่มสูงขึ้น จากการปรับตัวของราคาน้ำมัน ซึ่งทำให้ผูบริโภคหันมาเลือกที่อยู่อาศัยประเภทคอนดดมิเนียมระดับบราคาเหมาะสมกับกำลังซื้อ และอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า หรือระบบการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่แหล่งงานได้รวดเร็ว ปัจจัยดังกล่าวทำให้เค.ซี. มั่นใจว่าดีมานด์ในตลาดคอนโดมิเนียมจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี2550

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่เปิดขายอยู่รวม 29-30 โครงการ โดยคาดว่าจะสามรถเปิดการขายได้ภายในปี 2550 นี้ 16 โครงการ ประกอบด้วยโครงการเค.ซี.กรีนวิลล์ โซนเอ,บีและดี ,โครงการเค.ซี การ์เด้นโฮม 18 โซน อีและเอฟ ,โครงการเค.ซี.การ์เด้นโฮม 20 โซน เอและบี, โครงการเค.ซีคาร์วิลล์ 2, โครงการเค.ซีคาร์วิลล์ 3 โซน เอและบี, โครงการเค.ซี.รามอินทรา 8 โซน เอและบี, โครงการเค.ซี.เลควิว โซน เอ ,ซี,และอี, โครงการเค.ซี.สุวินทวงส์ โซนดี

ส่วนโครงการที่มีการขยายเฟสต่อเนื่องในปี 2550 ประกอบด้วย โครงการเค.ซีคาร์วิลล์ 3 โซนซีและดี, โครงการ เค.ซี.วงแหนวรามอินทรา โซนซีและดี, โครงการเค.ซี.เนเชอร์รัล วิลล์ เทพารักษ์ โซน เอ,บี,ซี และดี โครงการ เค.ซี. เนเชอร์รัล วิลล์ ร่มเกล้า โซนบี, โครงการเค.ซี. คัสเตอร์รามอินทรา, โครงการคัสเตอร์วงแหวนรามคำแหง เฟส 2 และโครงการเค.ซี. เนเชอร์รัล ซิตี้ วงแหวนรามคำแหง

สำหรับ ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายแล้ว 1,600 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ 2,000-2,100 ล้านบาท โดยคาดว่าเมื่อครบ 4 ไตรมาสแล้วบริษัทจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนยอดรับรู้รายได้ของบริษัทในปีนี้จะมาจาก การของบ้านพร้อมที่ดิน 50% มาจากการเหมาก่อสร้าง 25% และการร่วมทุนพัฒนาโครงการอีก 25% ส่วนในปี 2550 บริษัทตั้งเป้าว่ามีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นอีก 10% จากปี 2549 โดยคาดว่ารายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและการร่วมทุนจะเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากการรับเหาก่อสร้างจะมีสัดส่วนที่ลดลง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us