|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ก้องเกียรติ" ระบุตลาดหลักทรัพย์ฯ - ก.ล.ต. ต้องดูแลหุ้นเก็งกำไรให้ใกล้ชิดกว่านี้ หวั่นจะทำให้ตลาดหุ้นเป็นการเสี่ยงโชคมากกว่าการลงทุน จี้จับตาพฤติกรรมโบรกฯรวมหัวลูกค้าปั่นหุ้น พร้อมแนะแก้กฎหมายเพิ่มบทลงโทษตกแต่งบัญชี ปลอมแปลงเอกสารเหตุปัจจุบันยังไม่เฉียบขาด ระบุปัญหาหุ้นเก็งกำไรมีมากเกินไปบันทอนความเชื่อถือจากนักลงทุนต่างชาติ ระบุตลาดหุ้นไทยควรมีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันไม่ต่ำกว่า 50%
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสถานการณ์ที่มีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นรายตัวค่อนข้างมาก ว่า การปรับขึ้นของราคาหุ้นแต่ละบริษัทกว่า 20-30% ต่อวันหรือมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานที่ไม่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีหุ้นบางตัวราคาหุ้นปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถือว่าเป็นการลงทุนแต่ต้องเรียกว่าการเสี่ยงโชคมากกว่า
ทั้งนี้ การเข้ามาดูแลของหน่วยต่างๆไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะต้องเข้ามาดูแลให้มากกว่านี้รวมถึงสมาคมบริษัทหลักทรัพย์และสมาคมที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาดูแล ไม่ใช่ยกย่องกลุ่มคนหรือบริษัทที่มีพฤติกรรมไม่ดีจนทำให้เกิดปัญหา
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่เป็นการควบคุมและดูแลพฤติกรรมของบริษัทต่างๆในภาคธุรกิจเบื้องต้นคือ คุณภาพของบริษัท พนักงาน ผู้บริหาร เป็นต้น โดยปัจจุบันมีบริษัทหลักทรัพย์บางรายเท่านั้นที่เรียกได้ว่าเป็นโบรกเกอร์ที่ไม่ปฎิบัติตามกฎของสมาชิกและเป็นตัวสร้างปัญหาให้กับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาปั่นหุ้นหรือการให้นักลงทุนเข้ามาใช้ในการเก็งกำไรหุ้นรายตัว
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวจะต้องมีการร่วมมือทั้งจากเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เกตติ้ง) และลูกค้าของบริษัทซึ่งลักษณะที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาตลาดทุนเพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นนักลงทุนรายย่อยที่ไม่มีความรู้และไม่เข้าใจในกระบวนการต่างๆจะตกเป็นเหยื่อและสุดท้ายการกระทำดังกล่าวอาจจะเป็นกำแพงกันนักลงทุนหน้าใหม่ที่สนใจจะเข้ามาลงทุน
"การเก็งกำไร หรือการปั่นหุ้น มีอยู่ในทุกประเทศ ทุกตลาดหุ้นแต่ก็ไม่ควรที่จะให้การเก็งกำไรหรือการปั่นหุ้นในหุ้นใดหรือหุ้นกลุ่มใดมากจนทำให้มูลค่าการซื้อขายหรือการเปลี่ยนแปลงติดอยู่ที่ท็อป 10 ตลอด เพราะอาจจะทำให้นักลงทุนรายย่อยได้รับผลกระทบจนถึงขั้นหมดตัว"นายก้องเกียรติกล่าว
นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า การที่ตลาดหุ้นไทยมีหุ้นที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นหุ้นเก็งกำไรหรือหุ้นปั่นอยู่มากถือว่าเป็นสิ่งที่บันทอนความน่าเชื่อถือของนักลงทุนในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เรื่องการเพิ่มบรรษัทภิบาลเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทจดทะเบียนซึ่งหลายฝ่ายให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องปัจจุบันยังไม่มีการปฎิบัติได้อย่างจริงจังเพราะบทลงโทษผู้ที่กระทำผิดกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆยังไม่เฉียบขาดเท่าที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ถือว่าค่อนรุนแรงในเรื่องการตกแต่งบัญชีหรือการสร้างเอกสารเท็จเพื่อปกปิดหรือหลอกลวงปัจจุบันบทลงโทษรวมเพื่อเอาผิดผู้ที่กระทำผิดก็ยังไม่รุนแรงเช่นกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลควรจะต้องเข้าแก้ไขและสร้างความมั่นใจในเรื่องบทลงโทษที่ต้องให้สอดรับกับความผิดที่ชัดเจนมากขึ้น
"การจงใจตกแต่งบัญชี รวมถึงการสร้างเอกสารปลอม เป็นเรื่องที่น่ากลัวซึ่งหากพิสูจน์ได้จริงควรมีบทลงโทษที่รุนแรงเพื่อจะไม่ให้คนดีที่ปฏิบัติทุกอย่างตามกฎเกณฑ์ไม่ต้องเสียเปรียบ"นายก้องเกียรติกล่าว ในส่วนเรื่องการเข้ามาถือหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ของกลุ่มทุนต่างๆ ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ดร.ก้องเกียรติกล่าวว่าเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องของการลงทุนโดยทุกคนต้องยอมรับว่าใครก็สามารถเป็นเจ้าของบริษัทได้หากมีเงินเข้ามาลงทุนแต่หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลและมีหน้าที่ในการอนุมัติการเป็นผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์จะต้องนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาประกอบด้วย
นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า การสร้างความน่าสนใจให้กับนักลงทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นไทยว่าการเพิ่มจำนวนสินค้าคือจำนวนบริษัทจดทะเบียนเพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นโดยเฉพาะการนำบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนซึ่งหากไม่สามารถดำเนินการได้การเร่งหาบริษัทขนาดกลางหรือขนาดเล็กเข้ามาเพื่อเพิ่มจำนวนสินค้าก็เป็นเรื่องที่จำเป็น
นอกจากนี้ การเพิ่มจำนวนนักลงทุนประเภทต่างๆให้สอดรับการเติบโตของภาคตลาดทุนเพื่อเป็นการกระตุ้นและเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุน โดยสัดส่วนที่เหมาะสมในตลาดหุ้นไทยนักลงทุนสถาบันควรจะมีสัดส่วนการลงทุนไม่ต่ำกว่า 50% ของภาพรวมทั้งตลาด
|
|
|
|
|