Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2538
"ฝ่ามรสุม ปัญญา ควรตระกูล"             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
 

   
related stories

พันธมิตรต่างวัยของปัญญา ควรตระกูลทศพงศ์ จารุทวี "ผมเล่นกอล์ฟไม่เป็น"

   
www resources

โฮมเพจ แนเชอรัล พาร์ค

   
search resources

ปัญญา กรุ๊ป
แนเชอรัล พาร์ค, บมจ.
ปัญญา ควรตระกูล
ทศพงศ์ จารุทวี
Real Estate




ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า "ปัญญา ควรตระกูล" จะตัดสินใจขายทิ้งสนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ท และปัญญาฮิลล์ที่เขารักมากที่สุด แต่การตัดสินใจครั้งนี้ก็นำไปสู่การเป็นพันธมิตรกับ "ทวีพงศ์ จารุทวี" แห่งแนเชอรัลพาร์ค ผู้เทกโอเวอร์ทั้งสองสนามอย่างแนบแน่น ทำไมปัญญาจึงตัดสินใจเช่นนั้น? นั่นเท่ากับว่าปัญญาได้ลบภาพการเป็น "เจ้าพ่อสนามกอล์ฟ" ไปโดยสิ้นเชิงกระนั้นหรือ? ปัญญาจะกลับมาสู่ธุรกิจบ้านจัดสรรอีกครั้งท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดได้หรือไม่? งานนี้ปัญญากับทวีพงศ์ ใครจะเหนื่อยกว่ากัน ?

ครั้งหนึ่ง "ปัญญา ควรตระกูล" ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทปัญญากรุ๊ป ได้กล่าวถึงการทำธุรกิจสนามกอล์ฟว่าไม่ใช่ธุรกิจที่ทำเงินให้มากมายนักแถมยังต้องเหนื่อยกับการให้บริการ ถูกด่า ถูกต่อว่าทุกวัน แต่เขาทำด้วยใจรักเนื่องจากได้เล่นเองเมื่อมีคนชมก็ชื่นใจว่าได้ทำให้เขาสนุก มันเป็นความสุขในบั้นปลายชีวิตกับสิ่งเหล่านี้ที่ได้รับ

แต่ทุกวันนี้ธุรกิจที่เปรียบเสมือนลมหายใจเข้าออกของเขามาตลอดชีวิตกำลังอาจมีปัญหา

การขายโครงการสนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ทสนามกอล์ฟแห่งแรก ที่เขารักและทุ่มเทอย่างมากให้กับ "ทศพงศ์ จารุทวี" แห่งบริษัทเนเชอรัล พาร์ค จำกัด(มหาชน) และการประกาศหยุดทำธุรกิจสนามกอล์ฟหันกลับมาทำโครงการบ้านจัดสรรขายอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งการชะลอตัวในการเข้าตลาดหลักทรัพย์นับเป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้ภาพของเขาชัดเจนขึ้นอีกระดับหนึ่งเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า ปัญญาจะขายสนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ทแต่ไม่มีการยืนยัน และข่าวก็เงียบหายไป เพราะหลายคนเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นไปได้

วันที่ 13 กันยายน 2538 มีดีลธุรกิจที่น่าสนใจ 3 ดีล ซึ่งบริษัทแนเชอรัลพาร์ค จำกัด(มหาชน) เป็นผู้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

กรณีแรกคือ การร่วมลงทุนในบริษัทปัญญาโฮล ดิ้ง จำกัดกับปัญญา ควรตระกูล ฝ่ายละ 50% เพื่อร่วมกันทำธุรกิจอสังหริมทรัพย์

กรณีที่สองคือ บริษัทแนเชอรัลพาร์คเข้าซื้อหุ้นในบริษัทเอ็มแอนด์ซี พร็อพเพอร์ตี้ เซอร์วิส จำกัดในสัดส่วน 99.94% ในมูลค่าเพียง 99,940 บาท

กรณีที่สามคือ บริษัทแนเชอรัลพาร์คขายหุ้น 50%ในบริษัทสันติสิน ให้กับปัญญา ควรตระกูล

ทั้งสามดีลมีความหมายและเชื่อมต่อกันอย่างลึกซึ้งและนี่คือจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของปัญญา ควรตระกูล

ส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับการเป็นพันธมิตรเพื่อร่วมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระหว่างแนเชอรัลพาร์คกับปัญญา

แต่ที่น่าสนใจจริง ๆ อยู่ที่การเทกโอเวอร์บริษัทเอ็มแอนด์ซีของแนเชอรัลพาร์คในมูลค่าไม่ถึง 1 แสนบาท

ทศพงศ์ จารุทวี กรรมการผู้จัดการบริษัทแนเชอรัลพาร์ค จำกัด (มหาชน) ผู้ซึ่งเคยเข้าไปซื้อสนามกอล์ฟวินสัน จากอุกฤษ มงคลนาวิน และสันติ ภิรมย์ภักดี เมื่อต้นปี 2538 ที่ผ่านมา คือผู้ที่เข้าไปซื้อบริษัท เอ็มแอนด์ซี พร็อพเพอตี้ เซอร์วิส บริษัทนี้เพิ่งตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่มีทรัพย์สินกว่า 5,000 ล้านบาท !

ทรัพย์สินของบริษัทเอ็มแอนด์ซีก็คือ สนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ท สนามกอล์ฟปัญญาฮิลล์ คลับเฮ้าส์ คอนโดมิเนียมจำนวน 81 ยูนิต บ้านพักรับรอง 5หลัง และที่ดินรอบ ๆ สนามกอล์ฟ และที่ดินในส่วนที่เป็นสาธารณูปโภครวมทั้งหมดประมาณ 2,500 ไร่ รวมทั้งที่ดินอีกประมาณ 421 ไร่ ที่ตั้งอยู่ในตำบลบางชัน อำเภอมีนบุรี

รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นเงิน 5,279,194,675 บาท

นั่นก็คือ การซื้อบริษัทเอ็มแอนด์ซีเป็นเพียงกระบวนการหนึ่งในเชิงภาษีในการเทกโอเวอร์สนามกอลฟปัญญารีสอร์ท และปัญญาฮิลล์เต็ม 100%

"ผมถือหุ้นทั้งหมดในโครงการสนามกอล์ฟทั้งสองแห่ง" ทศพงศ์ยืนยันกับ "ผู้จัดการ"

เมื่อถามใครต่อใครในวงการธุรกิจกอล์ฟ แทบไม่มีใครเชื่อว่า ปัญญา ขายสนามกอล์ฟทั้งสองแห่งนี้ไปแล้ว

แม้แต่พนักงานของปัญญากอล์ฟเองก็ยังไม่ทราบว่า เจ้าของสนามเปลี่ยนไปแล้ว

ทศพงศ์เทกโอเวอร์โครงการสนามกอล์ฟสองแห่งในมูลค่า 4,974 ล้านบาท โดยให้บริษัทเอ็มแอนด์ซีเข้าไปซื้อก่อน แล้วแนเชอรัลพาร์คซื้อเอ็มแอนด์ซีทีหลัง

แต่การเจรจาซื้อขายระหว่างทศพงศ์กับปัญญาไม่ได้จบลงเพียงแค่สนามกอล์ฟ 2 แห่งและที่ดินที่มีนบุรี เพราะมีดีลที่เกี่ยวเนื่องต่อมาอีก 2 ดีล ซึ่งนำไปสู่การเป็นพันธมิตรระหว่าง 2 ฝ่ายที่ใคร ๆ ต่อใครให้ความสนใจ

แต่คำถามคือเกิดอะไรขึ้นกับปัญญากรุ๊ป ?

ทำไมปัญญา ควรตระกูลจึงตัดสินใจขายธุรกิจที่เขารักมาก และเป็นสนามกอล์ฟที่เป็นจุดที่สร้างชื่อเสียงให้กับ "ปัญญากรุ๊ป" มากที่สุด อีกทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของการพยายามแผ่อาณาจักรสนามกอล์ฟจนใครต่อใครเชื่อว่าปัญญาคือผู้ครอบครองสนามกอล์ฟมากที่สุดในประเทศไทย

ทศพงศ์ไม่ยอมอธิบายถึงสาเหตุการขายสนามกอล์ฟของปัญญา เขาเพียงแต่เล่าว่าเป็น "การตกลงร่วมกันระหว่างสองฝ่าย"

"ถ้าคุณปัญญาขายสนามกอล์ฟให้ผม ผมก็จะขายหุ้นในบริษัทสันติสินให้ท่าน 3,500,000 หุ้น หรือ 50% เป็นเงิน 350 ล้านบาท นี่คือข้อตกลงระหว่างเรา"

บริษัทสันติสินเป็นเจ้าของที่ดินประมาณพันไร่บนถนนรามอินทรา ซึ่งที่ดินติดกับโครงการปัญญารามอินทรา ที่ปัญญาพัฒนาเป็นสนามกอล์ฟและที่ดินรอบสนามกอล์ฟไว้ขาย

ปัญญาต้องการที่ดินของบริษัทสันติสินนี้มาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยควบกับโครงการปัญญารามอินทราอย่างมาก

ส่วนอนาคตสนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ทกับปัญญาฮิลล์ ทศพงศ์มีแผนการณ์อยู่แล้ว

บริษัทแนเชอรัลพาร์คแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าแนเชอรัลพาร์คจะเพิ่มทุนอีกประมาณ 2,500 ล้านบาทจากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 1,360 ล้านบาท

เงินเพิ่มทุนจำนวน 1,000 ล้านใช้เป็นเงินทุนหมุนในโครงการอื่น และอีก 1,500 ล้านเพื่อใช้ในการลงทุนในบริษัท เอ็ม แอนดีซีพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งโครงการหลักคือการสร้าง มหาวิทยาลัยนานาชาติ

ส่วนแผนการทำเงินที่ทศพงศ์กำหนดไว้ก็คือระยะแรกจะเอาที่ดินส่วนหนึ่งที่ติดสนามกอล์ฟมาพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติที่มีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท ระยะเวลาการก่อสร้างประมาณ 8 ปี

เมื่อถึงเวลานั้นผลพวงที่เขาได้รับโดยตรงก็คือเมื่อมหาวิทยาลัยสร้างเสร็จที่ดินส่วนที่เหลือจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล ในเมื่อเป็นที่ดินที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมสนามกอล์ฟครบครัน

แน่นอนทศพงศ์ได้ดีดลูกคิดคำนวณไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่กว่าจะถึงเวลานั้น เขาก็ได้เตรียมแผนระยะสั้นไว้เช่นกัน คือการทำบ้านพร้อมที่ดินรอบ ๆ สนามกอล์ฟ และทำโครงการบ้านจัดสรร ในที่ดินซึ่งได้มาไปก่อน

จากการซื้อทรัพย์สินของปัญญา ครั้งนี้ ทำให้สินทรัพย์รวมของแนเชอรัล พาร์คก้าวกระโดดขึ้นเป็นทุน 20,000 ล้านบาท

"ถ้าไม่ใช่คุณอนันต์ อนันตกูล หรือผม และโครงการมหาวิทยาลัยนานาชาติ คุณปัญญาคงไม่ขาย แต่นี่ท่านก็เชื่อมั่นว่าผมมีความตั้งใจจริงคงไม่ทำให้โครงการที่ท่านรักเสียหายแน่"

อนันต์ อนันตกูลคือเพื่อนคนหนึ่งของปัญญาและเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นที่นับถือของทศพงศ์ ว่ากันว่าไอเดียเรื่องมหาวิทยาลัยนานาชาติที่สนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ทก็เกิดขึ้นเพราะเขา

ดังนั้นวันนี้สนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ท ประธานกรรมการบริหารของบริษัทจึงได้เปลี่ยนจากปัญญาเป็นอนันต์ไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่ปัญญาเป็นที่ปรึกษาเท่านั้น

สำหรับตัวปัญญานั้น เขามองว่าตัวของมหาวิทยาลัยจะเป็นตัวที่คอยเสริมสนามกอล์ฟตัวนี้ได้อย่างดีในระยะยาว ในขณะเดียวกันปัญญาก็ไม่อยากที่จะทำกิจการมหาวิทยาลัยเอง

การมอบหมายให้แนเชอรัลพาร์ค ซึ่งมีความพร้อมมากกว่าจึงเป็นโอกาสที่เหมาะสมระหว่าง 2 ฝ่าย

เป็นประเด็นหนึ่งที่อธิบายถึงสาเหตุการขายสนามกอล์ฟของปัญญาในมุมมองของทศพงศ์ จารุทวี

แต่สำหรับตัวปัญญาเอง ยังมีแง่มุมอื่นๆ ให้ขบคิด หลายฝ่ายยืนยันว่า สนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ทและปัญญาฮิลล์ไม่มีปัญหาการเงิน ตัวปัญญาเองทำกำไรจากสนามกอล์ฟสองแห่งนี้มานานแล้ว

หรืออาจจะเป็นเพราะปัญญาไม่ต้องการที่จะเหนื่อยกับการบริหารสนามกอล์ฟใหญ่ ๆ อย่างนั้นในขณะที่สนามกอล์ฟตัวอื่น ๆ ก็มี ที่สำคัญในช่วงภาวะเศรษฐกิจแบบนี้การมีเงินกองสำรองไว้เป็นเรื่องที่ปลอดภัยกว่า

ปัญญากำลังกลับมาสู่กรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาโครงการบ้านอย่างเต็มตัวกระนั้นหรือ

หรือไม่การตีกอล์ฟในกรุงเทพฯ น่าจะสบายกว่าต้องนั่งรถติดไปชลบุรี ?

ในธุรกิจสนามกอล์ฟที่ฟูเฟื่องมาตลอดช่วงเวลาหนึ่งนั้น ได้พัดพาปัญญาออกไปห่างจุดเริ่มต้นเสียแล้ว การขายสนามกอล์ฟและกลับเข้าสู่สนามของการแข่งขันที่อยู่อาศัยครั้งใหม่คราวนี้มันช้าเกิดไปหรือไม่ และจะสร้างความเหน็ดเหนื่อยให้กับปัญญาแค่ไหนนั้นยังไม่มีใครตอบได้

ปัญญาเริ่มทำธุรกิจซื้อขายที่ดินมาตั้งแต่วัยหนุ่มและก้าวสู่โครงการบ้านจัดสรรเป็นโครงการแรกเมื่อประมาณปี 2517 คือโครงการปัญญาพัฒนาการ หมู่บ้านจัดสรรที่คนวัยอายุ 30 ปีขึ้นไปรู้จักกันดี และยอมรับกันว่าเป็นหมู่บ้านเศรษฐีที่มีจุดเด่นในเรื่องการรักษาความปลอดภัย ที่เจ้าของได้แนวความคิดมาจากโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์

เมื่อประสบความสำเร็จในโครงการหมู่บ้านแรกปัญญาก็ได้ขยายกิจการมาตั้งบริษัทบริพัชรที่ดินด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาทเพื่อทำธุรกิจขายและให้เช่าอาคารชุดคือโครงการราชเทวีทาวเวอร์และห้างสรรพสินค้าไทยไดมารูพระโขนง หลังจากนั้นปัญญาก็ลงมาคลุกคลีในธุรกิจสนามกอล์ฟ และการขายที่ดินรอบ ๆ สนามกอล์ฟมาโดยตลอดนับตั้งแต่ประมาณปี 2529 เป็นต้นมา

ด้วยความที่เป็นคนที่รักกีฬากอล์ฟมาก เวลาว่างส่วนใหญ่ของเขาจะอยู่ที่สนามกอล์ฟ สนามที่เล่นกันส่วนใหญ่ในช่วงนั้นคือสนามหัวหมาก สนามกอล์ฟกองทัพบก และสนามกอล์ฟที่หัวหิน

ปัญญาเองเคยพูดกับผู้ใกล้ชิดว่าเขาไม่เพียงแต่หลงรักกีฬาประเภทนี้อย่างเดียว แต่บ้ามันเลยเชียวล่ะ ดังนั้นความผันในชีวิตของเขาก็คือต้องได้เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟ และโครงการแรกของเขาคือปัญญารีสอร์ท ในอำเภอบางพระ จังหวัดชลบุรี จึงได้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2530

สนามกอล์ฟแห่งแรกของปัญญาเป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกของประเทศไทยด้วยที่มีขนาดใหญ่ถึง 27 หลุมในเนื้อที่ 2,150 ไร่ และประกอบไปด้วยโครงการจัดสรรที่ดิน อาคารชุด และคันทรีคลับสมบูรณ์แบบ

ว่ากันว่าปัญญารักสนามกอล์ฟแห่งนี้มาก ช่วงหนึ่งของชีวิตเขาจะคลุกคลีอยู่ในสนามกอล์ฟตัวนี้แทบทุกวันตลอดเวลา

ในขณะที่ในจังหวัดชลบุรีครั้งนั้นมีสนามกอล์ฟ 2 แห่งเท่านั้นคือสนามภูตาหลวง และสนามกอล์ฟบางพระ ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟปิด โครงการใหม่ของปัญญาจึงเป็นที่นิยมกันอย่างมากของนักเล่นกอล์ฟเรียกว่าถ้าจะให้ทันสมัยก็ต้องไปออกรอบกันที่นั่น ราคาสมาชิกในช่วงแรก ๆ สูงถึง 600,000-700,000 บาท

จากสาเหตุดังกล่าวเมื่อช่วงสนามกอล์ฟบูมเมื่อประมาณปี 2532 มีโครงการสนามกอล์ฟเกิดใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน โครงการที่สร้างเสร็จแล้วล่าสุดอย่างสนามกอล์ฟปัญญาจึงกอบโกยเม็ดเงินไปแล้วเป็นจำนวนมาก และรอดพ้นจากวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ไปได้

และที่สำคัญมันได้กลายเป็นแรงผลักดันให้ปัญญากล้าตัดสินใจเปิดโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเมื่อปี 2532 จึงได้จัดตั้งบริษัทปัญญากอล์ฟเงินทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาทเพื่อสร้างโครงการสนามกอล์ฟปัญญารามอินทรา ซึ่งเป็นสนามใหญ่ขนาด 27 หลุมบนถนนรามอินทรากิโลเมตรที่ 9 ใกล้ ๆ สวนสัตว์เปิดซาฟารีเวิลด์ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันสนามกอล์ฟแห่งที่ 3 และแห่งที่ 4 คือปัญญาฮิลล์และสนามกอล์ฟปัญญาปาร์ค ก็ถูกพัฒนาขึ้นพร้อม ๆ กัน

ปัญญาฮิลล์ เป็นสนามขนาด 18 หลุม เนื้อที่ 490 ไร่ ตั้งอยู่ด้านหลังโครงการปัญญารีสอร์ทส่วนสนามกอล์ฟปัญญาปาร์คมีขนาด 27 หลุม เนื้อที่ 1,700 ไร่ ย่านสุวินทวงศ์ เปิดบริการเมื่อปลายปี 2536 ที่ผ่านมา

สนามกอล์ฟ 2 โครงการหลัง ปัญญาเริ่มทำเมื่อตลาดสนามกอล์ฟบูมเต็มที่ มีโครงการใหม่ ๆ สร้างเสร็จเพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยความมั่นใจจากความสำเร็จของโครงการสนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ททำให้เขาไม่หวั่นเกรงต่อภาวะการแข่งขันของตลาดที่กำลังเกิดขึ้น เขามั่นใจถึงขนาดที่ว่าได้หว่านเม็ดเงินเป็นจำนวนมากกว้านซื้อที่ดินในพัทยา และจังหวัดระยอง อีกหลายพันไร่เพื่อเตรียมไว้บุกตะลุยทำโครงการสนามกอล์ฟต่อไป

4 โครงการสนามกอล์ฟจำนวน 99 หลุมที่เขาสร้างอย่างต่อเนื่องนั้น ได้สร้างภาพให้เขาเป็น "เจ้าพ่อสนามกอล์ฟ" เฉกเช่นเดียวกับ ถาวร ตรีศิริพิศาล ที่ได้รับสมญาว่าเป็นเจ้าพ่อคอนโดมิเนียมตากอากาศ ในยุคที่คอนโดชายทะเลกำลังบูม

ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้นปัญญามั่นใจในตลาดสนามกอล์ฟ และภาวะเศรษฐกิจอย่างมากจนกล้าประกาศว่า เพียงระยะเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้เขาต้องได้เป็นเจ้าของโครงการสนามกอล์ฟถึง 9 แห่งด้วยกันให้ได้

แล้วความฝันของปัญญาก็สะดุดลงเขาเลื่อนเปิดตัวโครงการสนามกอล์ฟใหม่ ๆ ที่ตั้งใจออกไปตั้งแต่ปี 2539 ที่ผ่านมาในขณะที่สถานการณ์ทางด้านตลาดสนามกอล์ฟก็กำลังทรุดหนักจนถึงปัจจุบัน

ย้อนหลังไปดูเหตุการณ์ในปี 2535 การเล่นกอล์ฟได้กลายเป็นลัทธิเอาอย่างที่นักธุรกิจรุ่นใหม่บ้าคลั่ง จากความคิดที่ว่าสนามกอล์ฟเป็นที่ชุมนุมของบรรดานักการเงิน นายธนาคาร และเจ้าของโครงการ การพูดคุยธุรกิจอาจจะจบได้ในเกม สนามฝึกซ้อมกอล์ฟจึงเกิดขึ้นทั่วทุกมุมเมืองพร้อม ๆ กับสนามใหม่ที่สร้างเสร็จเพิ่มขึ้น

ข้อมูลจากบริษัทศูนย์ซื้อขายสมาชิกกอล์ฟได้ระบุไว้ว่าในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดนั้นจากที่เคยมีสนามเอกชนเพียง 30 สนามจะเพิ่มขึ้นอีก 70 กว่าสนาม พร้อม ๆ กับตัวเลขของนักเล่นกอล์ฟก็เพิ่มขึ้นและประเมินกันว่าหากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อไหร่ โอกาสของนักกอล์ฟต่างชาติที่เข้ามาจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

แต่ภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อสนามกอล์ฟสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2536 ถึงทุกวันนี้ภาวะเศรษฐกิจบ้านเราก็ยังซบเซาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้การแข่งขันกันขายเมมเบอร์สนามกอล์ฟก็เลยเกิดขึ้นอย่างรุนแรง การลดแลกแจกแถมต่าง ๆ ในการซื้อเมมเบอร์เกิดขึ้นกับทุกสนามอย่างทั่วถึงทั้งราคาเมมเบอร์สนามกอล์ฟเริ่มลดต่ำลง

บนถนนบางนา-ตราด ก่อนถึงสนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ททุกวันนี้มีสนามกอล์ฟใหม่ประมาณ 12 สนาม หลายสนามได้ดึงนักออกแบบสนามระดับแนวหน้าของโลกมาเป็นจุดขาย การออกแบบสนามที่ท้าทาย สวยงาม และมีการบริหารที่ดี ก่อให้เกิดผลกระทบกับสนามยอดนิยมรายเก่าเช่นโครงการปัญญารีสอร์ทอย่างหนีไม่พ้น

จากราคาค่าเมมเบอร์เมื่อแรกเปิดโครงการประมาณ 500,000-600,000 บาทเสนอขายกันเพียงประมาณ 300,000 บาทในปี 2535 และล่าสุดข้อมูลจากบริษัทบางกอกกอล์ฟเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พบว่าเสนอขายกันเพียง 200,000 บาท ในขณะที่ราคาเสนอซื้อเพียง 150,000 บาทเท่านั้น

"สนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ท ช่วงหลัง ๆ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของนักกอล์ฟคงเป็นเพราะเบื่อกันแล้วทุกคนอยากลองสนามใหม่ ๆ ที่น่าท้าทายกว่า" นักกอล์ฟคนหนึ่งให้ความเห็นกับ "ผู้จัดการ"

สนามตัวอื่นของปัญญาก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ปัญญา รามอินทรา เมื่อเปิดตัวใหม่ ๆ ราคาเมมเบอร์ ประมาณ 600,000 บาท ตอนนี้เหลือเพียง 300,000-400,000 บาท ปัญญาพาร์คค่าเมมเบอร์ ขายกันที่ราคาประมาณ 250,000 บาทส่วนปัญญาฮิลล์โครงการล่าสุดเหลือเพียง 80,000-100,000 บาทเท่านั้น

การกลับมาสู่ธุรกิจบ้านจัดสรร ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของบริษัทเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่คราวนี้ปัญญากรุ๊ปต้องศึกษาตลาดให้ชัดเจนขึ้น เพราะช่วงระยะเวลา 10 กว่าปีที่เขามุ่งมั่นทำเฉพาะโครงการขายบ้านและที่ดินในสนามกอล์ฟ และการบริหารธุรกิจสนามกอล์ฟนั้น ได้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ในเส้นทางนี้มากมายและหลายบริษัทมีกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ๆ ที่น่ากลัว

ในที่สุดปัญญาเลคโฮมบนถนนนิมิตรใหม่ โครงการบ้านจัดสรรของผู้มีรายได้ปานกลางโครงการแรกของปัญญากรุ๊ปก็ได้ฤกษ์เปิดตัวเมื่อกลางเดือนมกราคม 2538 นี่เอง เป็นโครงการล่าสุดที่ต้องใช้เงินในการพัฒนา และเป็นโครงการที่จะทำเม็ดเงินก้อนใหญ่ให้กับปัญญากรุ๊ปในปี 2539 ในขณะที่โครงการบ้านและที่ดินริมสนามกอล์ฟในปัญญาปาร์คและปัญญารามอินทราที่เปิดขายมานานแล้วเหลือเพียงไม่มากนัก

จุดขายของปัญญาเลคโฮมคือความสวยงามเพราะเป็นโครงการในพื้นที่ 500 กว่าไร่และเป็นพื้นที่จำนวนมากเป็นทะเลสาบ ซึ่งเกิดจากการขุดดินไปทำโครงการสนามกอล์ฟต่าง ๆ อีกจุดหนึ่งก็คือราคาซึ่งเริ่มที่ 2.1 ล้านบาทขึ้นไป ในที่ดิน 50 ตารางวาซึ่งในเฟสแรกนี้จะมีประมาณ 400 หลังและมีบ้านริมทะเลสาบอีก 12 หลัง

แหล่งข่าวจากปัญญากรุ๊ปยอมรับกับ "ผู้จัดการ" ว่าบ้านริมน้ำนั้นขณะนี้ขายหมดแล้ว และมีลูกค้าหลายรายจองเข้ามาในเฟสต่อไปที่ยังไม่เปิดขายส่วนหลังที่ไม่ติดน้ำนั้นก็ขายได้เรื่อย ๆ

นั่นหมายความว่าวันนี้ปัญญากำลังเจอศึกหนัก 2 ด้านจากสถานการณ์ซบเซาต่อเนื่องของธุรกิจสนามกอล์ฟ และการสร้างยอดขายในโครงการบ้านจัดสรรโครงการใหม่

ปัญหาสำคัญอีกเรื่องของปัญญาก็คือเรื่องคน ปัญญาพยายามสลัดคราบของการบริหารแบบครอบครัวออกไป และปรับปรุงองค์กรใหม่เมื่อประมาณปี 2537 ซึ่งเป็นช่วงที่เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ แต่ ณ วันนี้ปัญญายังไม่สามารถสลัดภาพนั้นออกไปพ้น

การเชิญอนันต์ อนันตกูล เพื่อนร่วมก๊วนในการเล่นกอล์ฟ และชาตรี โสภณพานิช แหล่งเงินรายใหญ่มาเป็นกรรมการบริหารนั้นเป็นการช่วยเสริมภาพพจน์ของบริษัทได้ก็จริง แต่ในแง่การบริหารทั้งอนันต์และชาตรี คงไม่มีเวลามานั่งบริหารปัญญากรุ๊ปแน่นอน ผู้ที่บริหารจริง ๆ ขณะนี้ยังคงเป็นปัญญาซึ่งนั่งเก้าอี้ตำแหน่งประธานกรรมการบริหารมีภรรยา คือ พวงเพชร เป็นรองประธานโดยมีลูก ๆ 3 คนคือ บริพัชร อรนภา และปฏิญญา เป็นกรรมการบริหารร่วมกับน้องชายของภรรยาคือต่อพงษ์ ต่อสุวรรณ โดยมีคนนอกเพียงคนเดียวคืออุดม วัธนนัย

ในวัย 65 ปีนี้ปัญญายังไม่เกษียณตัวเอง แต่อำนาจในการบริหารของเขากำลังถูกผ่องถ่ายไปยัง "บริพัชร" ลูกชายคนโต อรนภาถูกกำหนดให้ดูแลงานทางด้านประชาสัมพันธ์ ส่วนปฏิญญาลูกสาวคนเล็ก รับผิดชอบงานด้านการขาย

ต่อพงศ์ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทปัญญาพร็อพเพอร์ตี้ส์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินในโครงการปัญญารามอินทรา ในขณะที่อุดมจะเป็น กรรมการผู้จัดการในบริษัทปัญญาปาร์ค

กำลังสำคัญของปัญญาอีกคนที่เคยช่วยในการบริหารโครงการคือ พวงเพ็ญ วิบูลย์สวัสดิ์ แต่เมื่อช่วงต้นปี 2537 เมื่อรังสรรค์ ต่อสุวรรณผู้เป็นพี่ชายของพวงเพชร พวงเพ็ญและต่อพงศ์ ประสบปัญหาเรื่องคดีพยายามฆ่าประธานศาลฎีกา ประมาณ ชันซื่อ พวงเพ็ญเลยต้องไปช่วยงานด้านพัฒนาที่ดินในโครงการบ้านฉัตรเพชรแทน

ทีมงานของปัญญาแม้จะขาดพวงเพ็ญไปก็ตามการบริหารก็อาจจะลงตัว แต่ในสถานการณ์ ตลาดที่เข้มข้นดุเดือนต้องการมืออาชีพรายอื่นเข้ามาช่วยแน่นอน

จากการที่ทายาทของปัญญามักจะเป็นผู้ที่เก็บตัวเงียบ ๆ ปัญญากรุ๊ป จึงมีแต่ปัญญาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นที่รู้จักโดดเด่นออกมา "ปัญญา" เป็นภาพพจน์ของ "ปัญญากรุ๊ป" เช่นเดียวกับพิชัย วาศนาส่งคือภาพพจน์ของหมู่บ้านเมืองเอกของกลุ่มยูนิเวสท์แลนด์

ภาพยนต์ชื่อชุด "คุณปัญญา" ซึ่งมีเนื้อหาในการถ่ายทอดภาพของปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สะท้อนถึงบุคลิกของความตั้งใจจริง ความเชื่อมั่น แน่วแน่และทุ่มเท ที่ถือเป็นปรัชญาของการดำเนินงานที่ยึดมั่นในคำสัญญาต่อลูกค้า ดังคำสัญญาของดวงตะวันที่เริ่มต้นในวันใหม่ไม่เปลี่ยนแปลง และเกลียวคลื่นที่เหมือนกับพลังที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคโขดหินที่แข็งแกร่งทนทาน จึงเป็นจุดขายที่บริษัทเจ วอลเตอร์ ธอมสัน นำมาทำเป็นภาพยนต์โฆษณาของปัญญากรุ๊ปเมื่อกลางปี 2537

แต่ในสนามการแข่งขันที่ดุเดือนรุนแรงจะอาศัยภาพพจน์ปัญญาคนเดียวไม่ได้แน่นอน

ปัญญากรุ๊ปปรับตัวครั้งใหญ่อีกครั้งด้วยการผสาน พันธมิตรกับบริษัทแนเชอรัลพาร์ค จำกัด(มหาชน) และจัดตั้งบริษัทใหม่ว่า กลุ่มปัญญาแนเชอรัลพาร์ค

ปัญญา และแนเชอรัล พาร์คคือเจ้าที่ดินยักษ์ใหญ่บนถนนรามอินทราการจับมือกันเป็นพันธมิตรเพื่อทำโครงการแทนที่แข่งขันกันเลยเกิดขึ้น เดิมกลุ่มแนเชอรัลพาร์คมีที่ดินอยู่แล้วบนถนนเส้นนี้ประมาณ 700 ไร่ ได้เพิ่มจากการซื้อโครงการสนาม กอล์ฟ วินสัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2538 อีกประมาณ 300 ไร่ และที่ดินบริเวณนี้เองที่เป็นของบริษัทสันติสิน ซึ่งทศพงศ์ได้ขายหุ้นให้กับปัญญา

บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นคือบริษัทปัญญา แนเชอรัลพาร์ค ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 1.2 พันล้านบาทมีสัดส่วนการร่วมทุนฝ่ายละ 50% เท่ากัน โดยโครงการแรกที่จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้จะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยราคาแพง ในพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ราคาบ้านหลังละ 50 ล้านบาทขึ้นไป ในที่ดินเริ่มต้นที่ 1 ไร่จำนวน 300 ยูนิต โครงการนี้มีสนามกอล์ฟ ขนาด 18 หลุมด้วย แต่ไม่มีการขายเมมเบอร์ หรือ เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเล่น แต่เมมเบอร์จะได้กับคนที่ซื้อที่ดินสร้างบ้านเท่านั้น

เป็นโครงการบ้านราคาแพงที่ท้าทายตลาดอีกโครงการหนึ่งในปี 2539 ที่ต้องคอยจับตามองกันต่อไป

จะเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงเศรษฐกิจซบเซาอย่างนี้ตลาดบ้านราคาแพงยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการของนักพัฒนาที่ดินมืออาชีพที่มีชื่อเสียงสะสมมานาน ที่มีกลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่นอยู่กลุ่มหนึ่ง

โครงการของบริษัทปัญญา แนเชอรัลพาร์คก็เช่นกัน ลูกค้าเก่าแก่ของปัญญากรุ๊ปคือความหวังที่สำคัญ

"โครงการนี้ถ้าไม่ใช่คุณปัญญาผมก็ทำไม่ได้แต่นี่เป็นเพราะผมมั่นใจกลุ่มลูกค้าเดิมของท่านมาก" ทศพงศ์ยอมรับกับ "ผู้จัดการ"

ไม่ว่าปัญญาจะตัดสินใจด้วยเหตุผลใดเป็นใหญ่ในเรื่องการขายสนามกอล์ฟปัญญารีสอร์ทและปัญญาฮิลล์ และปัญญากำลังเผชิญแรงกดดันในธุรกิจหรือไม่ แต่การเป็นพันธมิตรกับแนเชอรัลพาร์คครั้งนี้ได้ปลดภาระที่หนักอื้งออกไปจากบ่าของปัญญาหลายประการ

ปัญญาไม่ต้องมา นั่งปวดหัวกับการแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะพันธมิตรอยู่ในตลาดอยู่แล้ว

ลดภาระการบริหารสนามกอล์ฟที่มีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นสนามที่อยู่นอกกรุงเทพฯ สู้คอยดูแลสนามที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้

อย่างน้อยๆ ปัญญาก็ได้พันธมิตรในการช่วยบริหารโครงการใหม่ ที่นับวันจะต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรงขึ้น ขณะเดียวกันปัญญาก็มีที่ดินแห่งใหม่มาพัฒนาโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยการร่วมมือของแนเชอรัลพาร์คที่มีแลนด์แบงก์และพร้อมที่จะรุกเพื่อแสวงหาที่ดินใหม่ ๆ

ปัญญาคงนึกตรึกตรองแล้วว่า เขายอมสูญเสียสนามกอล์ฟสองสนามที่เขาเคยรักมาก แต่ปลดภาระและเพิ่มโอกาสใหม่ขึ้นอีกมาก

แถมยังได้เงินอีก 5,000 ล้านจากค่าที่ดินและค่าสนามกอล์ฟ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ

การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของปัญญาอาจมีหลายคนคาดไม่ถึง แต่สำหรับวันนี้ของปัญญาเขาอาจจะเหนื่อยในการกลับมาสู่ธุรกิจบ้านจัดสรรก็จริงแต่โอกาสในการแข่งขันของเขายังมี

ทุกวันนี้ปัญญายังคงเล่นกอล์ฟโดยช่วงเช้ามาทำงานที่ออฟฟิศในโครงการปัญญารามอินทรา ส่วนบ่ายออกไปเล่นกอล์ฟ ทุกวันพฤหัสจะมีการออกรอบเป็นประจำกับเพื่อนในชมรม "ปัญญา 99" ที่สนามกอล์ฟปัญญารามอินทรา

กอล์ฟยังเป็นชีวิตจิตใจของเขา เพียงแต่เปลี่ยนสนามไปเท่านั้น !

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us