Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 ธันวาคม 2549
จุฑานาวีเมินบาทแข็งฉุดรายได้ปีหน้าตั้งเป้าขยายตัวเพิ่มอีก28%             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท จุฑานาวี จำกัด ( มหาชน )

   
search resources

จุฑานาวี, บมจ.
Transportation




จุฑานาวี ยอมรับค่าเงินบาทแข็งค่ากระทบรายได้บริษัท แต่ยังมั่นใจรายได้ปีนี้ 780 ล้านบาท คาดปีหน้ารายได้โต 27-28% หากเจรจาซื้อเรือใหญ่ 2 ลำสำเร็จ เปิดแผนเตรียมซื้อเพิ่มอีก 10 ลำภายใน 3 ปี ผู้บริหารแย้มข่าวดีผู้ถือหุ้นเล็งประชุมบอร์ดต้นปีหน้าพิจารณาจ่ายปันผลหลังล้างขาดทุนสะสมหมด

นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทจุฑานาวี จำกัด (มหาชน) หรือ JUTHA เปิดเผยว่า การแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของค่าเงินบาทส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทประมาณ 2.5-3% เนื่องจากบริษัทมีรายได้เป็นเงินดอลลาร์ แต่ทั้งนี้บริษัทยังคาดการณ์รายได้ทั้งปีอยู่ที่ 780 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่ 700 ล้านบาท

ในส่วนของรายได้ในปีหน้าบริษัทคาดว่าหากการเจรจาในเรื่องการซื้อเรือเพิ่มจำนวน 2 ลำสำเร็จโดยคาดว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 27-28% จากปีนี้ ขณะที่อัตรากำไรของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 37% ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 26% นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะซื้อเรือเพิ่มรวม10 ลำในระยะเวลาภายใน 3 ปีโดยราคาเรือโดยเฉลี่ยอยู่ที่ลำละ 10 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อลำ

"อัตราแลกเปลี่ยนมีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทอยู่บ้างแต่เรามีเงินที่กู้มาในรูปของเงินดอลลาร์ทำให้การผ่อนชำระลดลงซึ่งก็ถือว่าเป็นผลดีต่อบริษัท โดยแม้ว่าจะถือว่ามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนแต่บริษัทก็ยังเน้นการทำธุรกิจจากการเดินเรือ"นายชเนศร์กล่าว

สำหรับการประมาณการค่าระวางเรือในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6,800 เหรียญต่อวันต่อลำ ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปีนี้ ขณะที่การเติบโตของอุตสาหกรรมเดินเรือคาดว่าหากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอยู่ที่ประมาณ 3-4% ธุรกิจขนส่งทางเรือจะเติบโตสูงกว่าประมาณ 1 เท่า โดยปัจจุบันบริษัทมีเรือยู่รวม 7 ลำ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันเพราะส่วนใหญ่เป็นเรือเช่าภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องราคาน้ำมันผู้เช่าจึงเป็นผู้ที่รับภาระไป แต่ในปีหน้าบริษัทอาจจะขายเรือออกไป 1 ลำในราคาประมาณ 3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อโดยหากสามารถขายได้จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส4/49 บริษัทคาดว่ายังมีแนวโน้มที่โดดเด่นกว่าช่วงไตรมาส3/49 ที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นช่วงที่มีความต้องการในการขนส่งสินค้าทางเรือค่อนข้างสูง ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทสูงขึ้นตามไปด้วย

นายชเนศร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของแผนในการลดอัตราหนี้สินต่อทุน หรือ D/E บริษัทตั้งเป้าจะลดอัตราส่ง D/E ให้เหลือไม่เกิน 1.5 เท่า โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ลด D/E จากระดับ 30 เท่าในช่วงเวลา 2 ปีเหลือเพียงประมาณ 3 เท่าเท่านั้น

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าบริษัทเตรียมที่จะนำเรื่องการพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นงวดสิ้นปี 2549 เข้าที่ประชุมคณะกรรมการซึ่งคาดว่าจะมีการอนุมัติจ่ายเงินปันผลไม้ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามนโยบายของบริษัท

"เราเชื่อว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ภายหลังจากที่ล้างขาดทุนสะสมหมด จากที่ก่อนหน้านี้บริษัทไม่ได้จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด"นายชเนศร์ กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us