Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2538








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2538
"ธีรพงษ์-กรพจน์-และศุภพงษ์ สามหนุ่มสามมุม "อัศวินวิจิตร"             
 


   
www resources

โฮมเพจ พรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต

   
search resources

พรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต, บมจ.
กรพจน์ อัศวินวิจิตร
ศุภพงษ์ อัศวินวิจิตร
Insurance




"ไม่เอา…ไม่พูด" เสียงปฏิเสธจากปากของกรพจน์ อัศวินวิจิตรที่ถูกนักข่าวรุมล้อมขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาค้างคาใจเรื่องเพิ่มทุนในสหธนาคาร ท่ามกลางงานเลี้ยงเปิดตัวบริษัทพรูเด็นเชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต ซึ่งกลุ่มธุรกิจของตระกูลอัศวินวิจิตรถือหุ้นอยู่ 30% และบางส่วนถือในนามสามพี่น้อง ได้แก่พี่ใหญ่-ธีรพงษ์ พี่กลาง-กรพจน์ และน้องเล็ก-ศุภพงษ์ อัศวินวิจิตร

แต่ในงานค่ำคืนนั้นสามพี่น้องมาพร้อมหน้าพร้อมตา โดยกรพจน์ในฐานะประธานกรรมการบริหาร (ซีอีโอ) ของ "บริษัท พรูเด็น เชียล ทีเอสไลฟ์ ประกันชีวิต" ได้ยืนต้อนรับเคียงคู่อยู่กับ มาร์ค ทัคเกอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทพรูเด็นเชียลคอร์ป เอเชียซึ่งบริษัทแม่ที่อังกฤษส่งไปดูแลสำนักงานในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และไทย

ความยิ่งใหญ่และเก่าแก่นับ 150 ปีของพรูเด็นเชียล ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้เลือกหุ้นส่วนเป็นทีเอสไลฟ์แทนที่จะยื่นขอใบอนุญาตใหม่ตามนโยบายเปิดเสรีประกันภัย นับว่าเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด เพราะไม่ต้องจ่ายใต้โต๊ะ ไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ แต่สามารถจะเริ่มบุกตลาดประกันชีวิตได้ภายในปีหน้า หลังจากเตรียมงานอย่างหนักในปีนี้ โดยมีคริสโตเฟอร์ เอฟเวินส์เป็นกรรมการผู้จัดการ นี่คือจุดแข็งที่อัศวินวิจิตรได้มา

"ก่อนหน้านี้เราก็สนใจอยู่ 3-4 บริษัทเหมือนกันก่อนที่จะร่วมงานกันกับพรูเด็นเชียล ทางเราเดินทางไปดูทั้งที่ออสเตรเลีย ยุโรป แต่เราเห็นพรูเด็นเชียลเขาเชี่ยวชาญด้านธุรกิจประกันชีวิตโดยเฉพาะ ไม่เหมือนกับบริษัทอื่น ๆ ที่ทำทั้งประกันภัยและประกันชีวิต เราจึงมาคุยกันและตกลงเป็นหุ้นส่วนกัน โดยพรูเด็นเชียลถือ 25% ตามกฎหมาย ขณะที่กลุ่มเราถือ 30%" กรพจน์เล่าให้ฟัง

ในอดีตเมื่อปี 2526 หลังจากอัศวินวิจิตรซื้อใบอนุญาต ทีเอสไลฟ์เคยจับคู่กับพันธมิตรธุรกิจอย่างอลายากรุ๊ปแห่งฟิลิปปินส์ ยักษ์ใหญ่ด้านเรียลเอสเตทประกันชีวิตและแบงก์ที่มีเครือข่ายในฮ่องกง มาเลเซียและไทย แต่สายสัมพันธ์ทางธุรกิจไม่ราบเรียบ ในปี 2531 ที่มีการเพิ่มทุนเป็น 103 ล้าน จึงมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหม่เป็นบริษัทโอสถภาเต็กเฮงหยูและ บงล. จีเอฟ 15% เพราะกรพจน์กับชินเวศ สารสาสเป็นเพื่อนกันและล่าสุดพันธมิตรธุรกิจคือกลุ่มพรูเด็นเชียล

"แน่นอน เพื่อนร่วมธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ ธุรกิจสมัยนี้มีเยอะมากและขยายใหญ่ต้องอาศัยคอนเนกชั่น และความชำนาญสามารถ EXPERTISE ของแต่ละกลุ่มมาร่วมบุกเบิกธุรกิจใหม่ ๆ ต่างจากรุ่นพ่อที่เติบโตมาต้องยืนบนขาตัวเองเท่านั้น" ศุภพงษ์ให้ความเห็น

อาณาจักรธุรกิจของตระกูลอัศวินวิจิตรวันนี้ ต่างคนก็ต่างมีมุมธุรกิจของตัวเองที่ต้องดูแล นอกเหนือจากการมีชื่อเป็นกรรมการในบริษัทต่าง ๆ ที่ไปลงทุน ธีรพงษ์ในมาดพี่ใหญ่ดูแลธุรกิจดั้งเดิม บริษัทแสงทองค้าข้าว (1968) ที่ติดอันดับทอปเท็นส่งออกข้างที่มีสไตล์การค้าแบบกล้าเสี่ยงเปิดตลาดใหม่ ที่คนอื่นไม่กล้าตั้งแต่สมัยบิดาคืออวยชัยที่กล้าค้าข้าวกับฟิลิปปินส์ในยามตกต่ำ ผลตอบแทนที่อวยชัยได้รับนอกจากเงินตราแล้วก็คือตำแหน่งรองประธานหอการค้าไทย-ฟิลิปปินส์ ที่นำพามาซึ่งสายสัมพันธ์ธุรกิจร่วมกับยักษ์ใหญ่ธุรกิจฟิลิปปินส์อย่างอลายากรุ๊ปในเวลาต่อมา

ขณะที่กรพจน์จะเป็นหัวเรือใหญ่ฐานะดีลเมกเกอร์มือฉมังในการหาพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจของครอบครัวให้เติบใหญ่ พร้อมกับสร้างสายสัมพันธ์ทางการเมืองจนกระทั่งปัจจุบันได้รับแต่งตั้งเป็นวุฒิสมาชิก จึงไม่น่าแปลกใจที่แขกเหรื่อของกรพจน์จะเต็มไปด้วยนักการเมือง นักการธนาคาร วงการประกันภัย และพ่อค้าส่งออกข้าว

ส่วนน้องเล็กสุดท้องอย่างศุภพงษ์ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีจากบัญชี ธรรมศาสตร์ และจบเอ็มบีเอจากแคนซัส สหรัฐฯ ปัจจุบันดูแลบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธนพลที่กำลังผลักดันให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปีหน้าหลังจากเคลียร์ภาพพจน์ของธนพลให้โปร่งใสไร้ราคิน จากกรณีที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายหุ้นผ่านบริษัทเอสจีวีอินเตอร์เนชั่นแนลของคนกันเองเมื่อปีที่แล้ว

คติพจน์จีนที่ว่า "ลูกต้องเก่งกว่าพ่อ จึงจะสืบสายกระจายกิจการให้ก้าวไกล" สำหรับตระกูลอัศวินวิจิตรวันนี้มีกรพจน์เป็นผู้นำวัย 40 ประสบการณ์ทำงานตั้งแต่ยังเรียนอยู่ปีหนึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ภาคค่ำที่ธรรมศาสตร์ กรพจน์ก็สามารถเปิดตลาดค้าข้าวอิหร่านได้สำเร็จ ครั้งเรียนจบเอ็มบีเอจากเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียจากสหรัฐ กลับคืนสู่ถิ่น มังกรหนุ่มอย่างกรพจน์ก็ติดปีกแตกตัวสู่ตลาดเงินตลาดทุน โดยอวยชัย ผู้เป็นบิดาได้ฝากเนื้อฝากตัวลูกชายไว้กับชิน โสภณพานิชในวันเปิดสำนักงานบริษัทไทยเศรษฐกิจประกันชีวิตที่อาคารสาธรธานีเมื่อปี 2527 เพียงสิบปีผ่านไป กรพจน์ไปไกลกว่าที่คิดไว้

"ส่วนใหญ่ธุรกิจของกลุ่ม คุณกรพจน์จะเป็นหัวเรือใหญ่นำทีม ขณะนี้ธุรกิจครอบครัวเรามีธุรกิจค้าข้าว สหธนาคาร ซึ่งคุณกรพจน์เป็นกรรมการรองผู้จัดการ บริษัททีเอส ไลฟ์ ประกันชีวิต บงล. ธนพล ส่วนประกันภัยก็ไปร่วมกับกลุ่มจีเอฟ คือ บริษัทสหสินคิวบีอี ประกันภัย" ศุภพงษ์เล่าให้ฟัง

นอกเหนือจากนี้ การแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจอุปกรณ์โทรคมนาคม โดยทางอัศวินวิจิตรก็ยังลงทุนในบริษัทไซเทค (ประเทศไทย) และบริษัทไซเทค อินเตอร์เทรด เป็นตัวแทนจำหน่ายโทรสารและโทรศัพท์ของญี่ปุ่น "นิตสุโกะ" ด้วย

ในปีหน้า ธุรกิจในกลุ่มอัศวินวิจิตรภายใต้การนำของกรพจน์กับพี่น้องสองศรีจะต้องฝ่ามรสุมเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง จากแรงบีบของสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นศึกสองตระกูลในสหธนาคารกับการเพิ่มทุน แต่เค้าหน้าตักของอัศวินวิจิตรยังมีอยู่ที่สินทรัพย์อีกมากมาย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us