Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 ธันวาคม 2549
ปี’50 ค้าปลีก-ค้าส่ง ซบต่อเนื่องส่วนธุรกิจสปาสุขภาพยังมาแรง             
 


   
search resources

Commercial and business




สสว.เผยสถานการณ์ธุรกิจเอสเอ็มอี พบความสามารถในการทำกำไรของเอสเอ็มอีในภาคการค้าปลีก- ค้าส่งลดลงเล็กน้อย ขณะที่ภาพรวมธุรกิจสุขภาพ และสปา ยังครองยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง คาดปี2550 อนาคตสดใส

นางจิตราภรณ์ เตชาชาญ ผู้อำนวยการ สสว. เปิดเผยว่า โครงการศึกษา วิเคราะห์ และเตือนภัยเอสเอ็มอี รายสาขา สสว. พบว่า มูลค่ายอดขายของธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีมูลค่ายอดขายในปี 2549 ลดลงประมาณ 0.13% เมื่อเทียบกับปี 2548 ในขณะที่ภาพรวมของทั้งประเทศจะมีมูลค่ายอดขายในปี 2549 ลดลง 0.77% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยังมีความสามารถในการทำยอดขายได้ดีกว่าภาพรวมของธุรกิจการค้าปลีกและค้าส่ง

ทั้งนี้ความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีธุรกิจการค้าปลีกและค้าส่ง จะพบว่าค่าดัชนีมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2547 โดยในปี 2549 ค่าดัชนีความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี อยู่ที่ 0.002 เท่า ซึ่งต่ำว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจการค้าส่งค้าปลีกรวมทั้งประเทศที่ทำได้ 0.006 เท่า โดยแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง ในปี 2550 คาดจะมียอดลงลดจากปี 2549 ประมาณ 2.73%

ทั้งนี้หลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ผู้บริโภคมีการบริโภคเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการน่าจะยังมีสินค้าคงคลังคงเหลือจากปี 2549 อยู่ซึ่งเป็นต้นทุนเดิม จึงอาจจะส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทำกำไรจากการขายได้เพิ่มขึ้น แม้จะมียอดขายที่ลดลงหากไม่มีภาระหนี้สินค้างชำระ

“ภาพรวมของธุรกิจเอสเอ็มอีช่วง 11 เดือนแรกปีนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ อาทิ อัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ค่าเงินบาทไทย การขาดดุลการค้า ความเชื่อมั่นในการลงทุน ตลอดจนอัตราการว่างงานที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้น ซึ่งจากการสำรวจล่าสุด พบว่าปัจจัยทางการเมือง ข้อกฎหมายและเศรษฐกิจ เริ่มมีทิศทางในแนวบวกต่อการประกอบธุรกิจเพราะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ปัจจัยด้านสังคมและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศยังคงเป็นปัญหาต่อการดำเนินงานของกิจการในการแข่งขัน” นางจิตราภรณ์กล่าว

ส่วนยอดในธุรกิจสปา พบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีมูลค่ายอดขายในปี 2549 เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 3.78 เมื่อเทียบกับปี 2548 ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจสปา ของทั้งประเทศในปี 2549 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2.94 แสดงว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีความสามารถในการทำยอดขายได้ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบเท่ากับภาพรวมของธุรกิจสปา ส่วนความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีธุรกิจสปาสามารถทำได้ถึง 0.030 สำหรับปี 2549 และดีกว่าปีก่อนหน้าที่ทำได้เพียง 0.022 เท่า โดยภาพรวมของธุรกิจสปามีความสามารถในการทำกำไรได้ถึง 0.043 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมการค้าและการบริการของประเทศไทย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us