|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
YUASA เล็งปรับราคาขายแบตเตอรี่ขึ้นอีก 10% หลังแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว ยอมรับน้ำท่วมหนัก ส่งผลต่อยอดขาย เพราะลูกค้าหันไปใช้แบตเตอรี่ที่มีราคาถูกกว่าลดภาระค่าใช้จ่าย ปีหน้าเน้นตลาดรถจักรยานยนต์มากกว่ารถยนต์ เนื่องจากรถจักรยานยนต์ผลิตสินค้าออกสู่ตลาดหลากหลายรุ่นและความต้องการของตลาดสูงขึ้น คาดปีนี้ 50 เติบโต8-9% จากปี 49 ที่คาดว่าจะทำรายได้รวม 1,500 ล้านบาท หลังออร์เดอร์จากลูกค้าต่างประเทศมีเพิ่ม
นายศุภวัส พันธุ์วัฒน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (YUASA) เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนที่จะปรับเพิ่มราคาแบตเตอรี่ขึ้นอีก 10 % หลังจากที่พบว่าราคาวัตถุดิบอย่าง ตะกั่วทะยานต่อเนื่องมาตลอดทั้งปี ที่สำคัญราคาผันผวนมาก โดยปรับขึ้นลงอย่างรวดเร็วจากปกติที่ราคาตะกั่วปรับขึ้นลงเป็นช่วง ๆ ทำให้สามารถบริหารต้นทุนได้ง่ายกว่า
“ ราคาตะกั่วผิดไปจากก่อนหน้า ปรับขึ้นไป 1,750 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันแล้วก็ปรับลงมาที่ 1,520 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ทำให้ปรับตัวยาก เราประเมินสถาณการณ์ได้ลำบากก่อนที่เคยผ่านมา และปีนี้เราก็ปรับราคาไปแล้วเพราะไม่อาจแบกรับภาระต้นทุนได้ และเราก็จะปรับราคาเพิ่มอีก โดยทำความเข้าใจกับลูกค้าก่อนทุกครั้งที่เราปรับ และลูกค้าเราเขาก็เข้าใจด้วย ” นายศุภวัสกล่าว
โดยการปรับราคาจำหน่าย 10% นั้น ถือเป็นการปรับราคาสูงสุดครั้งแรก จากปกติที่จะปรับราคาประมาณ 5-6% เท่านั้น ซึ่งกลางปีนี้บริษัทก็ได้ปรับราคาขายอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ก่อนหน้าได้ปรับมาแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับต้นทุนราคาวัตถุดิบของบริษัท
นายศุภวัสกล่าวถึงผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นว่าส่งผลต่อยอดขายแบตเตอรี่ และปีนี้น้ำท่วมเกิดขึ้นอย่างหนักกว่าที่ผ่านมา ส่งผลให้คู่แข่งรายเล็กที่ขายสินค้าในราคาต่ำและคุณภาพก็ผันไปตามราคาต้นทุนว่าย่อมได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น แต่ YUASA ก็พยายามที่จะระบายสินค้า ด้วยการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ โดยตระเวนจัดงานในแต่ละจังหวัดให้ทั่วถึงและทุกภาค
“เราทำเพื่อช่วยลูกค้าของเราด้วย เพราะหากเขาขายสินค้าได้หมด ก็ส่งผลต่อยอดขายของเราด้วย ที่ผ่านมาบางรายสต๊อกสินค้าไว้เยอะแต่ระบายไม่ทัน เราก็ต้องเร่งขายแล้ว ซึ่งหลังจากจัดโปรโมชั่นแล้ว ก็ประสบผสลำเร็จ และผลจากน้ำท่วมทำให้ประชาชนจะไม่สนใจเรื่องการใช้รถมากนัก เพราะคงต้องนำเงินไปใช้เพื่อซ่อมแซมบ้านเรือนมากกว่า ” นายศุภวัสกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดน้ำท่วมหนัก ผู้ที่เคยใช้รถจักรยานยนต์ก็คงลดน้อยลง จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติก่อนและบริษัทจะหันมาเน้นการผลิตแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์เพิ่มอีก โดยไม่เน้นรถยนต์แล้ว เนื่องจากการแข่งขันของตลาดรถชนิดนี้รุนแรงมาก ขณะที่รถจักรยานยนต์ผู้ผลิตได้เพิ่มสินค้าออกรถรุ่นใหม่มากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์มีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็จะเป็นผลดี YUASA จึงจะหันมาผลิตแบตเตอรี่รถชนิดดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้
นายศุภวัสกล่าวต่อว่าปกติบริษัทก็ผลิตแบตเตอรี่เพื่อส่งให้กับตลาดทดแทนหรือ OEM แต่เดิมอยู่แล้ว และจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วย และในด้านการผลิตนั้น นับได้ว่าดีขึ้นจากที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทได้ซื้อเครื่องจักร กับบริษัท จีเอส ยัวซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (GYIN) ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวโยงกัน วงเงิน 14.26 ล้านบาท โดยเป็นเครื่องจักรซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นและเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของบริษัท GYIN เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดอัตราของเสียจากการผลิตโดยรวม ซึ่งทำให้อัตราของเสียโดยรวมลดลงกว่า 80%
การลดต้นทุนดังกล่าว เป็นผลจากก่อนหน้าที่บริษัทยังไม่ปรับราคาขายได้ และเป็นเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเมื่อแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่บริษัทจะเน้นมากขึ้นในปี 50 เพราะความต้องการรถชนิดนี้มีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน YUASA ผลิตแบตเตอรี่ให้กับค่ายฮอนด้าเท่านั้น ซึ่งมีกำลังการผลิตที่ 2.5 ล้านลูกต่อปี ขณะที่กำลังการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์นั้น กำลังการผลิตอยู่ที่ 9 แสนล้านลูกต่อปี และมีแผนที่จะขยายเพิ่มด้วยในอนาคต เนื่องจากขณะนี้มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น แถบแอฟริกาและอูกันดา ที่เดินทางมาเยี่ยมชมโรงงานและเป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำสินค้าออกไปขายในแถบประเทศดังกล่าว
“ ขณะนี้เขาสั่งสินค้าเราไปจำหน่ายแล้ว ซึ่งรายได้จากส่วนนี้รับรู้เข้ามาแล้ว ซึ่งยอดขายจากต่างประเทศส่วนนี้จะเข้ามาแล้วในครึ่งปีหลัง คิดเป็นประมาณ 7-8% ของยอดขายรวมจากประเทศที่เรามีรายได้อยู่ 30% ของรายได้รวมทั้งหมดของเรา ” นายศุภวัสกล่าว
โดยปีนี้บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่บริษัทตั้งไว้เดิม 1,300 ล้านบาท ขณะที่ปี 50 บริษัทคาดว่าจะเติบโตจากปีนี้อีก 8-9 %
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 44.70 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 49.84 ล้านบาท หรือขาดทุนลดลง 10.30% อันเป็นผลจากรายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ และราคาขายแบตเตอรี่ในทุกตลาดและรายได้อื่นจากการขายเศษตะกั่ว ขณะที่ต้นทุนขายลดลงจากการปรับราคาขายแบตเตอรี่และการหันมาจำหน่ายแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายภาษีสรรพสามิตและการตั้งสำรองสินค้าคงคลังจำนวน 25.97 ล้านบาท ซึ่งเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาบริษัทได้สำรวจตรวจนับสินค้าคงเหลือร่วมกับผู้สอบบัญชีของบริษัท พบว่ามีสินค้าน้อยกว่าบัญชีตามจำนวนดังกล่าว ดังนั้นคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบ จึงได้มีมติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 ที่ผ่านมาให้บริษัทตั้งค่าเผื่อผลการขาดทุนเต็มจำนวนตามที่ได้ตรวจพบไว้ในค่าใช้จ่ายขายและบริหารสำหรับงวดไตรมาสที่ 3 ปี 2549 และให้ผู้สอบบัญชีภายนอกสอบสวนหาสาเหตุของผลต่างดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้สอบบัญชีภายนอกเกี่ยวกับระยะเวลาและขอบเขตการเข้าตรวจสอบ ซึ่งคาดว่าจะเข้าตรวจสอบได้ตั้งแต่สิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีระยะเวลาการตรวจสอบราว 1-2 เดือน และเมื่อบริษัทได้รับผลการตรวจสอบแล้ว บริษัทจะได้ดำเนินการปรับปรุงบัญชี ณ สิ้นงวดบัญชีปี 2549 และจะเสนอรายงานต่อผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|
|
|
|