Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 ธันวาคม 2549
ทีซีแอลเท200ล.ลุยตลาดปีหน้า โกยยอด4,000ล.โชว์รัฐบาลจีน             
 


   
www resources

www.allstate.com

   
search resources

ทีซีแอล อีเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย), บจก.
Electric




ทีซีแอล ทุ่มงบตลาด 200 ล้านบาท ชู สปอร์ต มาเก็ตติ้ง และเอนเตอร์เทนเม้นต์ มาร์เก็ตติ้ง สร้างแบรนด์ โบกธงรบบุกตลาดภาพและเสียง ส่ง แอลซีดี ทีวี ลงสนามอีก 4 รุ่น พร้อมลุยตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเต็มกำลัง อัดเม็ดเงินเพิ่มอีก 40 ล้านบาททำตลาดเฉพาะ เตรียมส่งเครื่องซักผ้า ตู้เย็น ลุยสนามอีกระลอก มั่นใจรายได้ปี 50 เติบโตขึ้นอีก 20 % หรือกว่า 4,000ล้านบาท

นายเมธา โรจนชัยชนินทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ทีซีแอล อีเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2550 ว่า ปีหน้าบริษัทฯ ยังดำเนินธุรกิจตามแผนเดิมที่วางไว้ด้วยการเน้นสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง เริ่มจากต่างจังหวัดสู่เมือง โดยจะยังคงใช้กลยุทธ์เดิม คือ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง กับการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาต่างๆ พร้อมกับเพิ่มเอนเตอร์เทนเม้นต์ มาร์เก็ตติ้ง เข้ามาใช้ในการสนับสนุนการเป็นสปอนเซอร์คอนเสิร์ตต่างๆ อีกด้วย

ขณะที่ในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมงบประมาณสำหรับการทำตลาดอย่างน้อย 200ล้านบาท เท่ากับปีนี้ แบ่งเป็น บิโลว์ เดอะ ไลน์ 50 % และอะโบพ เดอะ ไลน์ 50 % โดยงบการตลาดกว่า 50 % หรือกว่า 100 ล้านบาท จะใช้ทำตลาดในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเอวีหรือหมวดภาพและเสียง โดยเฉพาะกลุ่มทีวี ซึ่งในปีหน้าบริษัทฯ จะยังคงเน้นทำตลาดซีอาร์ทีวี ที่เป็นจอแบนเท่าๆกับแอลซีดีทีวี เนื่องจากมองว่าฐานใหญ่ของตลาดทีวี ยังเป็นกลุ่มซีอาร์ทีทีวีอยู่ ดังนั้นในปีหน้าจะมีซีอาร์ทีทีวีอีกประมาณ 4 รุ่น จากเดิมในปีนี้ที่วางจำหน่ายอยู่กว่า 12 รุ่น

ส่วนแอลซีดีทีวีนั้น ปีหน้าจะเพิ่มซีรี่ส์ใหม่ 1 ซีรี่ส์ จำนวน 4 รุ่น ได้แก่ ขนาด 20 นิ้ว, 26 นิ้ว, 32 นิ้ว และ 40 นิ้ว ส่วนพลาสม่าทีวี ในปีนี้ที่มีวางจำหน่ายอยู่ 1 รุ่น ขนาด 42 นิ้วนั้น ในปีหน้าบริษัทฯจะไม่นำเข้ามาทำตลาดอีกต่อไป โดยมองว่าพลาสม่าทีวี เทคโนโลยีมาถึงจุดสูงสุดแล้ว อีกทั้งกระแสความนิยมไม่ดีเท่ากับแอลซีดี ทีวีนั้นเอง

อีกทั้งในปีหน้าบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอีกด้วย โดยได้จัดงบการตลาดอีก 30-40 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่ไม่เกี่ยวข้องกับงบการตลาดสำหรับใช้ตลอดปี2550 ทั้งนี้ในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน บริษัทได้เริ่มทดลองทำตลาดเครื่องซักผ้ามาตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา โดยวางจำหน่ายอยู่ประมาณ 4รุ่น ทั้งแบบถังเดี่ยวและถังคู่ ในปีหน้าจะวางจำหน่ายเพิ่มอีก 2 รุ่น

ส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศที่เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ต้นปี วางจำหน่ายอยู่ 3 รุ่น คือ 12,000 บีทียู, 13,000 บีทียู และ18,000 บีทียู จะเพิ่มรุ่นใหม่อีก 1 รุ่น คือ 9,000 บีทียู นอกจากนี้บริษัทฯ จะเพิ่มไลน์สินค้าในหมวดตู้เย็น เข้ามาทดลองทำตลาดเพิ่มอีกในปีหน้า ทั้งขนาด 2 ประตู และ 1 ประตู อีกด้วย โดยราคาจำหน่ายของสินค้าในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนนั้น เมื่อเทียบราคากับทอปแบรนด์ในรุ่นที่ใกล้เคียงกัน เฉลี่ยจะมีราคาต่ำกว่า10-20 %

“หมวดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ถือเป็นสินค้าอีกหมวดหนึ่งที่ทางบริษัทฯ จะให้ความสำคัญในการทำตลาดมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่วางจำหน่ายเพียงไม่กี่ไลน์ เช่น แอร์ เครื่องซักผ้า และตู้เย็น ต่อไปจะเริ่มวางจำหน่ายไลน์สินค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว โดยเชื่อว่าภายในระยะ 3-5 ปีนับจากนี้ จะมีสินค้าในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนมาวางจำหน่ายครบทุกไลน์”

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีสินค้าในหมวดไอที อีก 1 หมวด ที่ให้ความสำคัญเท่าๆ กับหมวดภาพและเสียง โดยงบการตลาดกว่า 50 % หรือประมาณ 100 ล้านบาท จะใช้สำหรับทำตลาดให้กับหมวดดังกล่าว โดยในปีหน้าสินค้าในหมวดไอทีจะมีวางจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โน๊ตบุ๊ก, กล้องดิจิตอลแบบเอ็มพี4, คอมพิวเตอร์สำหรับผู้หญิง, เครื่องเล่นเอ็มพี3 และ โทรศัพท์มือถือ โดยสินค้าที่วางจำหน่ายนั้น จะมีจุดกเด่นอยู่ที่เทคโนโลยี และราคา เฉลี่ยจะถูกกว่า 10-20 % เช่นเดียวกัน

“สินค้าของบริษัทฯ จะมีความได้เปรียบในเรื่องของราคา เนื่องจากจำนวนการผลิตจะสูง ทำให้ต้นทุนเมื่อเทียบออกมาแล้ว ทำให้สินค้ามีต้นทุนต่ำลง จึงสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่ถูกกว่ารายอื่นๆ นั้นเอง” นายเมธา กล่าว

อย่างไรก็ตามในปีหน้า บริษัทฯ จะเพิ่มช่องทางจำหน่ายในกลุ่มโมเดิร์นเทรดมากยิ่งขึ้น เช่น พาวเวอร์บาย พาวเวอร์มอลล์ และที่เทสโก้ โลตัส ที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา จากเดิมที่มีสินค้าวางจำหน่ายแล้วในบิ๊กซี คาร์ฟูร์ และแม็คโคร ส่วนจำนวนดีลเลอร์ที่มีกว่า 300 ร้านทั่วประเทศนั้น คิดว่าเพียงพอแล้ว

นอกจากนี้บริษัทฯจะเพิ่มจำนวนโชว์รูมอีกอย่างน้อย 3 แห่งในต่างจังหวัด จากเดิมที่เปิดให้บริการไปแล้ว 3 แห่ง คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ในลักษณะตึกพาณิชย์ จำนวน 3-4 คูหา งบประมาณในการลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ต่อ 1 แห่ง ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะเปิดโชว์รูมในกรุงเทพฯ ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ในขณะนี้ เนื่องจากกำลังอยู่ในส่วนของการพิจารณาอยู่

ทั้งนี้จากแผนธุรกิจในปีหน้าที่วางไว้ มั่นใจว่าบริษัทฯ จะมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 20 % เทียบจากปีนี้ หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,000ล้านบาท แบ่งเป็น หมวดภาพและเสียง 40 % ไอที 30% และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอีก 30%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us