Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 ธันวาคม 2549
ปิคนิคฯรุกขยายตลาดอินโดจีนหวังมาร์เกตแชร์"เวียดนาม"16%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น

   
search resources

ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น, บมจ.
Oil and gas




ปิคนิคฯ เดินหน้ารุกขยายธุรกิจในเวียดนาม ตั้งเป้าเพิ่มมาร์เกตแชร์จาก 5-6% ให้เป็น 15-16% ชี้อัตราการเติบโตต่อเนื่อง คาดใน 5 ปีพุ่งเท่าตัวจากปัจจุบัน "ประสิทธิ์" หวังรายได้ในเวียดนามเมื่อเทียบกับรายได้รวมพุ่งจาก 9% เป็น 25-30% ภายใน 2 ปี ขณะที่ธุรกิจในประเทศตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งจาก 9% เป็น 15% ระบุปัญหาหลักมีสินค้าไม่พอขาย

นายประสิทธิ์ เพ็ชร์ฆาฏ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI กล่าวถึง แผนงานในการขยายธุรกิจเพื่อลงทุนในประเทศแถบอินโดจีน ประกอบด้วย ประเทศกัมพูชา ลาว เวียดนาม และบางส่วนในภาคใต้ของประเทศจีนว่า ปัจจุบันธุรกิจพลังงานในกลุ่มประเทศดังกล่าวเติบโตค่อนข้างมากเนื่องจากมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าไปลงทุนโดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม เพราะเพิ่งเปิดรับการเข้าลงทุนจากต่างประเทศไม่นานมานี้

ทั้งนี้ การเติบโตของภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเวียดนามในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ที่ประมาณ 8% ต่อปี ซึ่งคาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยในอีก 5 ปีข้างหน้าก็ยังจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% เนื่องจากความสนใจของทุนและภาคธุรกิจต่างๆ เริ่มสนใจที่จะเข้าไปตั้งโรงงานเพื่อเป็นฐานกำลังการผลิตให้กับบริษัทมากขึ้น

"โอกาสที่เราจะเข้าไปทำธุรกิจในเวียดนามยังมีอีกเยอะ การเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่น่าพอใจเป็นอย่างมากและแนวโน้มการเติบโตยังถือว่าสร้างความน่าสนใจให้เข้าไปลงทุน"นายประสิทธิ์ กล่าว

สำหรับธุรกิจที่บริษัทจะเข้าไปรุกเพื่อขยายตลาดในเวียดนาม คือ ธุรกิจก๊าซหุงต้ม (LPG) ซึ่งมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 30-40% ขณะที่เฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตสูงถึง 15-16% และยังน่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยปัจจุบันปริมาณการใช้ก๊าซอยู่ที่ประมาณในเวียดนามปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตันต่อปีและน่าจะเพิ่มเท่าตัวเป็น 2 ล้านตันต่อปีได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ปัจจุบันก๊าซที่ใช้ในประเทศมากกว่า 50% ยังเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ

ปัจจุบันปิคนิคฯ มีส่วนแบ่งการตลาด หรือ มาร์เกตแชร์ เฉพาะในเวียดนามประมาณ 5-6% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ไม่มากทำให้มีโอกาสในการเติบโตค่อนข้างดี โดยบริษัทเตรียมที่จะขยายธุรกิจไปยังภาคกลางและภาคเหนือมากขึ้นเพราะในช่วงเดือนหน้าหลังก๊าซที่เวียดนามน่าจะเสร็จและรองรับการเติบโตในอนาคตได้ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในอนาคตให้เป็น 15-20% ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากเพราะปริมาณการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงกลางเดือนธันวาคมบริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อวางกรอบการผู้บริหารงานและวางนโยบายในบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งในส่วนของธุรกิจในประเทศโดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมรองรับนโยบายในการปล่อยลอยตัวค่าก๊าซในอนาคตและธุรกิจในต่างประเทศ ประกอบด้วย เวียดนามและสิงคโปร์

ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจในประเทศบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 9% มาเป็น 15% โดยปัญหาของบริษัทเกี่ยวกับการขยายธุรกิจในประเทศคือจำนวนสินค้าของบริษัทมีไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ ขณะที่ธุรกิจในเวียดนามปัจจุบันรายได้ยังถือว่าไม่มากโดยเป็นสัดส่วนประมาณ 8-9% ของงบการเงินรวม ขณะที่บริษัทตั้งเป้าภายใน 2 ปีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจในเวียดนามจะคิดเป็นประมาณ 25-30% ของงบการเงินรวมซึ่งในอนาคตรายได้จากธุรกิจในเวียดนามจะกลายเป็นธุรกิจหลักของบริษัท

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายให้ในปีหน้าบริษัทย่อยต่างๆที่ลงทุนทั้งในและต่างประเทศต้องถึงจุดคุ้มทุนทั้งหมดเพื่อไม่ให้เป็นปัญหากับบริษัทแม่ แต่ในงบการเงินนักลงทุนอาจจะยังไม่สามารถเห็นผลกำไรได้เนื่องจากยังต้องมีการตัดค่าเสื่อมทางบัญชีเกี่ยวกับสินทรัพย์บางประเภท

"ปีหน้าเราหวังว่าบริษัทต่างๆ ที่เราลงทุนจะสามารถเบรคอีเวนท์ได้ทุกบริษัท แต่อาจจะไม่สามารถทำให้บริษัทกำไรได้เพราะยังมีการต้องตัดค่าเสื่อมของทรัพย์บางประเภทตามมาตรฐานบัญชี" นายประสิทธิ์ กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us