Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 ธันวาคม 2549
ศรีทองฯผุดแผนกล่าแบรนด์ใหม่ เติมเต็มฐานตลาดดันสู่แชร์รวม18%             
 


   
search resources

ห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีทองพาณิชย์
Watches




ศรีทองฯผุดแผนกใหม่ เพื่อทำหน้าที่ติดต่อนาฬิกาแบรนด์อินเตอร์เข้ามาทำตลาดในไทย หวังขยายฐานครอบคลุมสู่ไฮเอนด์และแมสมากขึ้น จากเดิมที่จับตลาดมีเดียมจนแข็งแกร่งแล้ว เผยนำเข้ามาใหม่ 5 แบนด์แล้ว โฟกัส 3 แบรนด์หลักก่อนคือ “Formex – Chronotech - Aquanautic” ลั่นปีหน้าแผนกใหม่นี้ทำยอดขาย 60 ล้านบาท เป็นอีกแรงผลักดันให้ศรีทองฯขยับแชร์เป็น 18% จากตลาดรวม

นายองอาจ มหาดำรงค์กุล ผู้บริหารระดับสูง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีทองพาณิชย์ เปิดเผยว่า ทางศรีทองพาณิชย์ฯได้ตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้มีชื่อว่า แผนกสินค้าใหม่ (New Product Department) โดยมีตนเองเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาคัดเลือกนาฬิกาแบรนด์ใหม่ๆจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แผนกใหม่จะทำให้ศรีทองพาณิชย์สามารถขยายฐานทางธุรกิจได้กว้างขึ้น จากเดิมที่มีฐานตลาดในระดับกลางเป็นหลักและเป็นแบรนด์ที่มีมานานเช่น มิโด ราโด ซิตีเซ็น แฮมิลตัน บอล โดยจะขยายสู่ระดับไฮเอนด์และระดับแมสมากขึ้น

ล่าสุดศรีทองฯได้นำเข้านาฬิกาใหม่มาแล้ว 5 แบรนด์ ภายใต้การทำงานของแผนกนี้ ซึ่งเป็นการทดลองทำตลาดเมื่อช่วงไตรมาสที่สี่ปีนี้เอง คือ ฟอร์เม็กซ์ “Formex” จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์, โครโนเทค “Chronotech” จากประเทศอิตาลี, อะควอนอติก “Aquanautic” จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์, “Sothis” จากประเทศเยอรมัน และ “Chiasso” จากประเทศอิตาลี โดยจะเน้นการทำตลาด 3 แบรนด์แรกก่อนซึ่งเป็นแบรนด์ที่เจาะตลาดไฮเอนด์ และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน แบงกอกเวิลด์วอทช์ ครั้งที่ 6 ที่เดอะมอลล์บางกะปิ ส่วนอีก 2 แบรนด์หลังนั้นอยู่ในช่วงของการทดลองเท่านั้น ซึ่งจะเน้นตลาดแนวแฟชั่น

ทั้งนี้ 3 แบรนด์ดังกล่าว คือ ฟอร์เม็กซ์ เป็นนาฬิกาแนวสปอร์ต เจาะกลุ่มวัยรุ่นถึงวัยทำงานระดับราคาตั้งแต่ 60,000 – 200,000 บาท, แบรนด์โครโนเทค เป็นนาฬิกาแนวแฟชั่นพรีเมียม เน้นแนวสีสัน จับกลุ่มวัยรุ่นชายหญิง วัยทำงาน ราคาตั้งแต่ 5,000 – 30,000 บาท ซึ่งแบรนด์นี้มียอดขายปีที่แล้วเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีแรก 600,000 ยูโร เป็น 60 ล้านยูโร ในปีที่สองแบรนด์อะควอนอติก เป็นนาฬิกาแนวสปอร์ตกับความหรูหรา จับกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน นักสะสม อายุประมาณ 18-40 ปี ราคาตั้งแต่ 60,000 – 300,000 บาท

สำหรับช่องทางการจำหน่ายหลักๆของศรีทองฯนั้นมี 3 ช่องทางคือ 1.ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ เช่นเดอะมอล์ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม 2.รีเทลชอปเชน ร้านศรีทองพาณิชย์ โชว์รูม และร้านเดอะสวิสวอทช์แกลลอรี่ 3.ดีลเลอร์ทั่วประเทศกว่า 500 ราย โดยที่ 3 แบรนด์ใหม่นี้ก็ได้เข้าช่องทางดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ในอนาคตคาดว่าจะมีการขยายเข้าสู่ห้างในกลุ่มเซ็นทรัลด้วย ซึ่งปัจจุบันเริ่มแล้วที่ห้างเซน

ส่วนแผนการตลาดในการผลักดันทั้ง 3 แบรนด์ใหม่นี้ บริษัทฯตั้งงบประมาณไว้ที่ 25 ล้านบาท สำหรับการทำตลาดอย่างครบวงจร ทั้งทางด้านการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อต่างๆเช่น นิตยสารแฟชั่น นาฬิกา รวมป้ายบิลบอร์ด นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในทุกรูปแบบ ซึ่งช่วงแรกจะเน้นการสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายก่อน

จากแผนการตลาดและแผนขยายช่องทางจำหน่าย ศรีทองฯคาดว่าจะสามารถผลักดันทั้งสามแบรนด์นี้เข้าสู่ตลาดได้มากขึ้น และในปีหน้าคาดว่าสร้างรายได้ประมาณ 60 ล้านบาท (แยกเป็นแบรนด์ละ 20 ล้านบาท) โดยที่คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% จากยอดรายได้รวมของศรีทองพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้ศรีทองพาณิชย์มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นจากเดิมที่เติบโตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี ซึ่งมาจากแบรนด์ มิโด ราโด และซิติเซ็น เป็นหลัก ขณะที่ศรีทองพาณิชย์มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 15% จากตลาดรวมนาฬิกาทั้งหมดนั้นคาดว่า จะมีมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาท และในปีหน้าตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 18% โดยส่วนหนึ่งมาจากยอดรายได้ของ 3 แบรนด์ใหม่นี้ด้วย

นายองอาจยังให้ความเห็นถึงสภาพตลาดนาฬิกาในช่วงนี้ด้วยว่า ขณะนี้จากการเก็บข้อมูลพบว่า ผู้บริโภคหันมาซื้อนาฬิกาด้วยเงินผ่อนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ประมาณ 60% ส่วนอีก 40% เป็นการซื้อด้วยเงินสด ทั้งจากการที่ห้างสรรพสินค้าจัดเองและที่ดีลเลอร์ทำด้วย เนื่องมาจากว่า ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรนัก ซึ่งทางผู้ค้าเองก็หันมาใช้กลยุทธ์นี้เพิ่มมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็น ผ่อนนาน 3 เดือน 6 เดือน ดอกเบี้ย 0% ซึงในส่วนของศรีทองเองก็เพิ่งเริ่มทำเหมือนกันกับ 3 แบรนด์ใหม่นี้ร่วมกับสถาบันการเงินหลายแห่ง แต่คาดว่าในปีหน้าตลาดนาฬิกาโดยรวมคงจะดีขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจที่น่าจะดีขึ้นเช่นกัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us