|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
‘ เจียไต๋ ’ทุ่งงบ 100 ล้านผุดโรงงานแห่งใหม่ตรวจคัดแยกสายพันธุ์ที่รวดเร็วและทันสมัยทั้งมีสถานีวิจัยทั้งในและนอกประเทศ ตั้งเป้าส่งออก 60%ใน 30ประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะตลาด South Asia ถือว่าเป็นตลาดในอนาคตของบริษัท ขณะที่ตลาดในประเทศยอดขายประมาณ 1 พันล้านในปี 2549
บริษัทเจียไต๋ คือ ผู้บุกเบิกธุรกิจเมล็ดพันธุ์พืชของไทย จนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเมล็ดพันธุ์ของเอเชีย ปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 86 บ.เจียไต๋ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำตลาดเมล็ดพันธุ์พืชของโลกไว้อย่างไร มีกลยุทธ์ และวางแผนงานไว้อย่างไรบ้าง
มนัส เจียรวนนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจียไต๋ จำกัด เผยว่า เราประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องยาวนานกว่า 85 ปี จนสามารถเป็นผู้นำในตลาดเมล็ดพันธ์ของไทย โดยมีจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยีที่นำมาใช้อย่างต่อเนื่องเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการปรับปรุงเมล็ดพันธ์ เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีการเพาะปลูก ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพและปริมาณแก่เกษตรกร โดยล่าสุดได้ลงทุนกว่า 100ล้านสร้างโรงงานเมล็ดพันธ์แห่งใหม่บนเนื้อที่ 5.2ไร่ที่อ้อมน้อย เพื่อยกระดับธุรกิจเมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋จากระดับภูมิภาคเอเชียสู่ระดับโลกอย่างเต็มตัวในตลาดเมล็ดพันธุ์
สำหรับโรงงงานดังกล่าวจะทำหน้าที่ ตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ทั้งในด้านคุณภาพการงอก ความชื้น สิ่งเจือปน ความแข็งแรงของเมล็ดพันธุ์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของโรงงงานแห่งนี้คือ การตรวจสอบความบริสุทธิ์ของสายพันธ์ ( Purity Check ) โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดคือ Protein Electrophoresisทำการตรวจสอบโปรตีนของเมล็ดพันธุ์ ซึ่งจะสามารถบอกได้อย่างแม่นยำ และ รวดเร็วว่า เมล็ดพันธ์นั้นเป็นสายพันธ์อะไร สายพันธ์พ่อแม่คืออะไร
มนัสกล่าวต่อไปว่า แผนการลงทุนของเจียไต๋ต่อไปคือการใช้ Bio Technology คือเทคโนโลยีชีภาพในการปรับปรุงพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นการต้านทานต่อโรค การเจริญเติบโต การควบคุมรักษาคุณภาพของสายพันธ์ การตรวจสอบ DNA พ่อแม่ของสายพันธ์ที่นำมาใช้เพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพและคุณภาพที่สูงที่สุด ซึ่งเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างจะสูงมาก อย่างไรก็ดีบริษัทเจียไต๋ยังมีสถานีวิจัยพันธ์พืชในหลายประเทศเช่นที่ประเทศจีน( เมืองคุณหมิง ) อินโดนีเชีย ( เมืองสุราบาย่า ) งบประมาณในส่วนการวิจัยนี้ประมาณ 13 % ของยอดการขายทั้งหมด
สำหรับสัดส่วนมาร์เกตแชร์ในตลาดรวมในประเทศไทยประมาณ 1,000 ล้านที่เราใหญ่เพราะไม่ได้มุ่งเน้นในประเทศ ที่ค้าขายในประเทศเพียง 35 - 40% ที่เหลือคือการส่งออกทั้งหมดประมาณ 60% ใน 30 ประเทศทั่วโลก อาทิ อินโดนีเชีย เวียดนาม พม่า ที่เป็นเพื่อนบ้านมียอดขายเยอะ
ขณะที่ประเทศกำลังมาแรงมีกำลังซื้อสูงคือประเทศที่อยู่ใน South Asia อย่างประเทศอินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ ศรีลังกา เนปาล มีกำลังซื้อสูงมากและถือว่าเป็นตลาดในอนาคตของบริษัท แต่ยังมีคู่แข่งที่น่ากลัว เช่น บริษัทอีสเวสต์ซีพของประเทศฮอลแลนด์ซึ่งมีการฐานการผลิตทั้งในประเทศไทย พิลิปปินส์ อินโดนีเชีย และเวียดนาม และบริษัทนัมดาลี (namdali) ของชาวอินเดียขณะที่สถานีวิจัยในประเทศ ภายในประเทศได้แก่ เชียงใหม่ กาญจนบุรี และราชบุรี
|
|
|
|
|