หุ้น BROCK เทรดวันแรกต่ำไม่พ้นจอง ปิดลดลง 5 สตางค์ หรือที่ 5.95 บาท หลังประกาศไตรมาส 3 กำไรสุทธิลดลงจากปีก่อนกว่า 40% เหตุส่งมอบงานให้กับลูกค้าไม่ทันตามกำหนด ทำให้ยอดรับรู้รายได้ต่ำลง และปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 280 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 300 ล้านบาท เนื่องจากในตกหนักในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตทำให้ไม่สามารถส่งมอบให้ลูกค้าได้ทันตามกำหนด

ราคาหุ้น BROCK ของ บริษัท บ้านร็อคการ์เด้น จำกัด (มหาชน) ที่เข้าเทรดวานนี้พบว่าเปิดตลาดมาต่ำกว่าราคาจองซื้อ โดยราคาหุ้น IPO อยู่ที่ 6 บาท แต่เปิดตลาดที่ราคา 5.80 บาท ก่อนปรับขึ้นไปเท่ากับราคาจองและลดลงมาปิดตลาดช่วงเช้าที่ 5.70 บาท ลดลง 30 สตางค์ ด้วยมูลค่าซื้อขาย 76.99 ล้านบาท ขณะที่ช่วงบ่ายราคาหุ้นสวิงมากขึ้นและปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 6.05 บาท และต่ำสุดที่ 5.55 บาท ปิดตลาดที่ราคา 5.95 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือลดลง 0.83% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 157.49 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดปิดที่ 192.01 จุด เพิ่มขึ้น 0.59 จุด หรือ 0.31% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 152.48 ล้านบาท

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศ ไทย) จำกัด (มหาชน)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น BROCK เปิดเผยว่าการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจอง เนื่องจาก ผลการดำเนินงานของบริษัทยังไม่โดดเด่น จากที่บริษัทเริ่มประกอบธุรกิจ และนักลงทุนยังไม่รู้จักบริษัท ประกอบกับBROCKเป็นตัวแรกในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai)

ทั้งนี้ มองทางด้านวิสัยทัศในการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ในอนาคต เนื่องจากบริษัทมีการเข้าไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งจังหวัด ภูเก็ต และสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นทำเลที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีราคาหุ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชีอยู่ที่ 5.50 บาท ถือว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจและนักลงทุนควรมองปัจจัยพื้นฐานของบริษัทในระยะยาวที่มีแนวโน้มสดใส

นางเนาวนิจ ศิลปรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บ้านร็อคการ์เด้น จำกัด (มหาชน) (BROCK) เปิดเผยปีนี้บริษัทตั้งเป้าทำรายได้รวม 280 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 300 ล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนที่ผ่านมาปีนี้พบว่ามีทำรายได้แล้ว 139 ล้านบาท และเหตุที่เป้ารายได้รวมของบริษัทปีนี้ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการสร้างงานเพื่อมอบให้กับลูกค้าไม่ทันกำหนด อันเป็นผลเกิดจากปัจจัยหลายอย่างทั้งปัญหาการเมือง ดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ที่สำคัญคือฝนตกอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างและส่งมอบหรือโอนไม่ทันตามกำหนด ส่งผลต่อการรับรู้รายได้ของบริษัท

อย่างไรก็ตาม วานนี้ BRCOK แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ และพบว่ากำไรสุทธิลดลงจากเดิม 18.34 ล้านบาทเหลือ 10.85 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิงวดนี้ลดลง 40.84% เนื่องจากยอดขายที่ลดลงสืบเนื่องจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทำให้ไม่สามารถส่งมอบงานให้ลูกค้าได้ทันตามกำหนด

สำหรับโครงการของ BROCK ที่ภูเก็ต คือโครงการบายพาส มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท ซึ่งบายพาส 1 และ 2 รับรู้ได้ทั้งหมดแล้ว ส่วนบายพาส 3 ทะยอยส่งมอบและรับรู้รายได้บางส่วน และที่เหลือจะรับรู้รายได้ทั้งหมดปีหน้า ส่วนโครงการ บายพาส 4 และ 5 มูลค่า 300 ล้านบาท อยู่ระหว่างการขายโครงการ และโครงการบายพาส 6 มูลค่าโครงการกว่า 2 พันล้านบาท จะขึ้นโครงการและเริ่มขายปลายปี 50 เพื่อที่จะรับรู้รายได้ในปี 51 พร้อมทั้งเตรียมขึ้นโครงการบ้านร็อคการ์เด้น แอร์พอร์ต ที่สุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท จะเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด

โดยการรับรู้รายได้นั้นจะใช้เวลาขายและส่งมอบประมาณ 6-9 เดือน จึงจะรับรู้รายได้ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ 170-180 ล้านบาท และยืนยันว่าจะพยายามหางานในมือเพื่อให้ได้ในระดับนี้ทุกปี และอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาคือ 46-48 อยู่ที่ 37% 47% และ 49% ส่วนปีนี้ 9 เดือนอยู่ที่ 47% ขณะที่รายได้ในงวดเดียวกันนี้มี47 ล้านบาท 105 ล้านบาท และ303 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งบริษัทยืนยันว่าตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้นนั้น จะพยายามทำให้ตัวเลขนี้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา

นางเนาวนิจกล่าวว่าบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรต่างชาติ เพื่อร่วมลงทุนในการก่อสร้างท่าเรือยอช์จที่จังหวัดภูเก็ต บนเนื้อที่ 500 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของ บริษัท นวเทพ จำกัด บริษัทย่อยของ BROCK ขณะนี้ดีลกันได้ประมาณ 30% แล้วและประเมินได้ยากว่าจะสรุปดีลได้เมื่อไหร่ เพราะต้องพิจารณาผลกระทบปัจจัยหลายอย่างก่อนดำเนินการด้วย รวมทั้งทุนที่จะต้องใช้ลงทุนในโครงการดังกล่าวต้องรอสรุปหลังจากเจรจากับพันธมิตรแล้วเสร็จ ส่วนที่ดินในจังหวัดระยอง พื้นที่ 100 ไร่ ก็มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ปลายปี 51 ด้วย