|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ปตท.”ประเมินราคาน้ำมันขายปลีกในไทยปี 2550 ไม่ต่างจากปีนี้มากเหตุดีมานด์โลกไม่ได้เพิ่มผิดปกติแต่ก็ไม่ได้ลดลงเฉลี่ยขายปลีกทั้งดีเซลเบนซินอยู่ที่บวกลบ 25 บาทต่อลิตร ขานรับเปิดปั๊ม 24 ชั่วโมงแต่คงเลือกเฉพาะทำเลที่เป็นเมืองใหญ่เป็นหลัก วงการน้ำมันชี้เปิดปั๊ม 24 ชม.มีผลให้ค้าปลีกจะกลับมาแข่งขันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ชี้ผลดีผู้บริโภคแต่ปั๊มอาจเป็นภาระมากกว่าเหตุแรงซื้อไม่ได้เพิ่มแต่ค่าจ้างเด็กปั๊มต้องเพิ่มขึ้น
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางราคาน้ำมันขายปลีกในไทยในปี 2550 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับปี 2549 โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ประมาณ 56-60 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปทั้งดีเซล-เบนซินเฉลี่ยจะอยู่ที่ 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกในไทยเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณบวกลบ 25 บาท/ลิตร หากไม่มีการเร่งเก็งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมจากปัจจุบัน
“ ราคาน้ำมันในปีหน้าคงจะไม่ถูกกว่าในปีนี้เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ได้ดีนักจนทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นมากผิดปกติแต่ก็ไม่ได้ลดลงมากเช่นกัน โดยปตท.คงต้องปรับขึ้นน้ำมันตามทิศทางตลาด คงจะไม่เข้าแทกแซงเหมือนกับปีที่ผ่านมา”นายประเสริฐกล่าว
สำหรับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศขณะนี้คงจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจาก ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงทรงตัวระดับสูงแต่ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากโดยเบนซินอยู่ที่ 64 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดีเซล 71 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันดิบอยู่ที่ 55-56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ที่กว่า 1 บาท/ลิตร เป็นระดับที่ผู้ค้าน้ำมันพอรับได้
อย่างไรก็ตามปตท.พร้อมจะเปิดปั๊มน้ำมัน 24ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป แต่คงจะไม่เปิดปั๊มทั้งหมด คงจะเลือกเปิดในพื้นที่ที่เหมาะสมที่พื้นที่นั้นมีความต้องการน้ำมันในช่วงกลางคืน เช่น ในพื้นที่เมืองใหญ่ หรือพื้นที่ กทม.เป็นต้น โดยอาจจะเปิดประมาณ 30-40 % จากจำนวนปั๊มประมาณ 1,200 แห่ง
“ ผมคิดว่าการเปิดปั๊ม 24 ชั่วโมงคงไม่ได้ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่เป็นการทำให้ผู้บริโภคที่เดินทางกลางคืนมีความสะดวกสบายมากขึ้น และในส่วนของมินิมาร์ทก็น่าจะมีส่วนทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นบ้าง ซึ่งเห็นว่าตลาดน้ำมันควรให้เป็นไปตามธรรมชาติ มีการแข่งขันอย่างเสรีทั้งในเรื่องของราคาและการค้า ซึ่งภาครัฐควรเข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลไม่ให้ผู้ค้าน้ำมันเอาเปรียบประชาชน โดยรัฐบาลชุดนี้ประกาศที่จะให้ราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงตามตลาดโลกถือเป็นเรื่องที่ดี “ นายประเสริฐกล่าว
แหล่งข่าวจากวงการน้ำมัน กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลได้เห็นชอบในการยกเลิกบังคับปิดปั๊ม 22.00 น.-05.00 น. คาดว่าจะส่งผลให้การแข่งขันด้านค้าปลีกน้ำมันกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่งซึ่งแต่ละค่ายคงจะต้องพิจารณาว่าคู่แข่งขันเปิดปั๊มบริเวณใดเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่การใช้น้ำมันจะมากขึ้นจากการที่ประชาชนจะเดินทางกลับไปภูมิลำเนาและการท่องเที่ยว
“ ผมคิดว่ามาตรการนี้เป็นผลดีกับผู้บริโภคที่จะสะดวกมากขึ้น แต่ในส่วนของบริษัทน้ำมันภาพรวมน่าจะเป็นภาระมากกว่าหากยอดการใช้น้ำมันรวมไม่ได้ปรับสูงขึ้นมากเพราะต้องมีค่าใช้จ่ายด้านแรงงานเพิ่มขึ้น ซึ่งการเปิดปั๊มช่วงเทศกาลปีใหม่คงจะเน้นถนนสายหลักและดูคู่แข่งว่าเปิดจุดใดเป็นสำคัญ”แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้การเปิดปั๊ม 24 ชั่วโมงเชื่อว่าคงจะทำเฉพาะปั๊มที่มีทำเลดีที่จะคุ้มกับค่าแรงงานที่จะต้องเพิ่มขึ้นมาอีก 1 กะ(กะหนึ่งมี 8 ชั่วโมง) แต่บางปั๊มที่ยอดขายไม่ดีนักอาจจะเลือกปิดเที่ยงคืนมากกว่าซึ่งกรณีดังกล่าวก็จะเป็นการจ่ายค่าจ้างล่วงเวลาหรือ โอที
|
|
|
|
|