Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2537
"วิทยา บัณฑิตกฤษดา อาณาจักรเจวีเค"             
 


   
search resources

เจวีเค กรุ๊ป
วิทยา บัณฑิตกฤษดา
Real Estate




วิทยา บัณฑิตกฤษดาใช้เวลา 15 ปีสร้างกลุ่มเจวีเคขึ้นมาเป็นปึกแผ่นอย่างทุกวันนี้ โดยมีบริษัทในเครือประมาณ 15 แห่ง แบ่งออกเป็นกลุ่มขนส่ง บริการ เดินทางท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และการค้า

กลุ่มที่เป็นฐานกำลังหลักและเป็นจุดเริ่มต้นของเขาคือกิจการขนส่ง และบริการขนส่งที่เขาทำนั้น ไม่ใช่การขนส่งสินค้าทั่ว ๆ ไป แต่เป็นการรับจ้างขนของย้ายบ้านหรือออฟฟิศ

วิทยาจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา หลังจบการศึกษาแล้ว เขากลับมาเมืองไทย เริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นพนักงานขายตั๋วให้สายการบินทรานส์เวิลด์ แอร์ไลนส์ หรือทีดับบลิวเอของอเมริกาที่เลิกกิจการไปแล้ว

จากนั้นก็ย้ายมาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายที่สายการบินแคนาเดี้ยนแอร์ไลนส์ ก่อนจะเริ่มต้นบุกเบิกธุรกิจให้ทรานส์โปอินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทอเมริกันซึ่งให้บริการขนย้ายอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน และสำนักงานทั้งภายในและระหว่างประเทศ

ที่นี่เองที่เขาได้ลอกเลียนประสบการณ์ไปเปิดบริษัทของตัวเองเมื่อปี 2522 ใช้ชื่อว่า "เจวีเค อินเตอร์เนชั่นแนลมูฟเวอร์ส"

ช่วงสงครามอินโดจีน บริษัทฝรั่งเกิดขึ้น 2-3 แห่งเพื่อทำธุรกิจขนย้ายของใช้ส่วนตัวของพวกจีไอ เป็นตลาดที่มีความต้องการอยู่มาก คู่แข่งก็ไม่ค่อยมี ก็เลยทำให้บริษัทพวกนี้ไม่สนใจตลาดใหม่ ๆ หรือปรับปรุงบริการให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ผมจึงได้เข้ามาจับกลุ่มธุรกิจเอกชน นักการทูตจากต่างประเทศที่มาประจำในไทย ตลอดจนเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ" วิทยาพูดถึงช่องทางที่ทำให้เขาได้เกิด

ปัจจุบันเจวีเคมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจรับจ้างย้ายบ้านและสำนักงานประมาณ 40% พอ ๆ กันกับคู่แข่งคือทรานส์โปที่ตนเองเคยอยู่และบริษัทฮ่องกงทรานส์แพค

ลำพังเพียงเจวีเค อินเตอร์เนชั่นแนลมูปฟเวอร์สเพียงอย่างเดียว ปริมาณธุรกิจคงจะมีขนาดจำกัด เพราะความต้องการในทำนองนี้ไม่น่าจะขยายตัวมากนัก ประสานักธุรกิจ ก็ย่อมที่จะต้องสอดส่ายหาช่องทางทำมาหากินอื่น ๆ ไปด้วย

"ผมทำงานมาหลายอย่างมีทั้งเจ๊ง ทั้งกำไร ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แต่อย่างน้อยยังไม่เจ็บตัวมากถ้าคิดในแง่ของการลงทุน" หนุ่มใหญ่วัย 45 ปี กล่าว

วิทยาเปิดบริษัทโฟร์วินดส์อินดัสเตรียล ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้า โดยเฉพาะที่ทำตลาดได้ในเมืองไทยคืออุปกรณ์และอะไหล่ขุดเจาะน้ำมัน พอมาถึงยุคที่ดินบูมก็หันไปเล่นด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการสร้างคลังสินค้าให้เช่าในนามบริษัทเบญจพรแลนด์มีทั้งที่สร้างขึ้นมาเป็นของตัวเองและที่เช่ามาอีกต่อหนึ่ง

ปี 2534 เขาขยายเจวีเคเข้าไปในกัมพูชา โดยตั้งบริษัทเจวีเคอินโดไชน่ามูฟเวอร์สและเจวีเค-นากามูฟเวอร์ส กลุ่มลูกค้าหลักก็คือเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติหรือ "อุนเทค" ที่เข้าไปทำหน้าที่ควบคุมการถ่ายโอนอำนาจ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา

วิธีการทำงานของวิทยาคือพลิกแพลงภายใต้ช่องโหว่ที่เปิดให้ ในกรณีของการเข้าไปในอินโดจีนนี้เขาบอกว่า "ผมเข้าทำงานที่อินโดจีนโดยไม่มีใบอนุญาต แต่อาศัยจดทะเบียนกับบริษัทท้องถิ่นให้เขากินกงสีเพื่อแก้ปัญหาเรื่องระบบบัญชีและภาษี เราจะได้จ่ายในอัตราที่ถูกลง"

สิ่งที่เป็นจุดแข็งของเจวีเคในธุรกิจนี้ นอกเหนือจากการรู้จักจับมือกับบริษัทที่มีชื่อเสียงและโนเฮาอย่างเช่นเจวีเคนากาในกัมพูชาที่ร่วมกับ "ยูพีเอส" ธุรกิจขนส่งพัสดุภัณฑ์ของสหรัฐอเมริกาแล้ว คือความพร้อมในเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ

"ผมถือว่าเรากล้าลงทุนในเครื่องจักรเครื่องมือที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นคลังสินค้าหรือรถจักรพ่วง เราจึงไม่ต้องจ่ายงานให้บริษัทอื่นเหมือนคู่แข่ง การที่เราเอาธุรกิจร่วมสังกัดในเครือ ALLIED PICK FORDS บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้บริการด้านการบรรจุหีบห่อและขนส่งทำให้บริการของเรากว้างไกลขึ้น อะไรที่คนไทยทำเองก็มักจะถูกโจมตีว่าไม่น่าเชื่อถือ" เขากล่าว

การลงทุนในเรื่องคนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่วิทยาเชื่อว่าทำให้เจวีเคก้าวมาไกลได้ถึงวันนี้

"ผมฝึกอบรมคนและให้เงินเดือนเป็นสวัสดิการอย่างดี ในระดับผู้จัดการ เมื่อทำงานกับเรานาน ๆ เราก็แบ่งหุ้นให้ ผมอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วม ผมทำงานกับฝรั่งมารู้ว่าเป็นอย่างไร ฝรั่งไม่ได้เก่งไปกว่าคนไทยหรอก บริษัทผมจึงมีอัตราการลาออกของพนักงานที่ต่ำมาก"

ไม่ใช่จะเล่นบทเถ้าแก่อย่างเดียว ในอินโดจีนวิทยาทำตัวเป็นนายหน้า ชักนำนักลงทุนต่างแดนเข้าไปจับคู่กับธุรกิจท้องถิ่น อย่างเช่น การดึงเอาคริสเตียนี่ แอนด์ นีลเส็น บริษัทก่อสร้างเก่าแก่ที่มีกำเนิดจากเดนมาร์ก แต่เพิ่งเปลี่ยนสัญชาติเป็นไทยร้อยเปอร์เซนต์เมื่อสองปีก่อน เข้าไปรับงานก่อสร้างท่าเรือที่โฮจิมินห์ ซิตี้ร่วมกับบริษัทก่อสร้างอเมริกา

และถ้าเห็นว่าธุรกิจที่ตัวเองเป็นพ่อสื่อจับคู่ให้ มีขนาดไม่เหลือบ่ากว่าแรง และมีอนาคตพอสมควร เขาก็ไม่รีรอที่จะขอเข้าไปร่วมหัวจมท้ายด้วย ดังเช่นสองกิจการใหม่ล่าสุดในเครือเจวีเคของเขาคือ ธุรกิจบริการรักษาความปลอดภัยให้กับสายการบินที่ร่วมมือกับกลุ่มเอดีไอของอังกฤษ กับกิจการขายเครื่องบินขนาดเล็กในชื่อบริษัทอิตาเลียนไทย เอวิเอชั่นที่เป็นการร่วมทุนกับบริษัทเจเนรัล เอวิเอชั่น ของอิตาลี

บริการของเอดีไอที่ได้รับการยอมรับคือ ระบบการตรวจสอบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ แต่ประหยัดค่าใช้จ่ายและลดเวลาจอดพักเครื่องบิน เหมาะกับท่าอากาศยานที่มีเครื่องบินขึ้น-ลงหนาแน่น ปัจจุบันลูกค้าได้แก่ ยูไนเต็ดอาหรับเอมิเรตส์ แอร์ไลนส์ บริติช แอร์เวยส์ ยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ เดลต้า แอร์ไลนส์ แอร์ลังกา และเคแอลเอ็ม

ปัจจุบัน บริษัทที่รักษาความปลอดภัยให้สายการบินในดอนเมืองคือ MPA ซึ่งดำเนินงานมา 27 ปี แต่สำหรับเอดีไอ ประเทศไทยนั้น มองว่าสนามบินแห่งใหม่ที่หนองงูเห่า คือที่ที่จะรองรับธุรกิจของตน นอกเหนือจากลู่ทางในอนาคตที่จะร่วมกับเอดีไอของอังกฤษ เข้าไปรับงานในฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และมาเลเซีย

ส่วนอิตาเลียนไทยเอวิเอชั่นนั้นวิทยากล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ลงเงินเป็นจริงเป็นจังหวังรองรับนโยบายเปิดเสรีการบินที่จะทำให้เครื่องบินขนาดเล็กเปิดตลาดในไทยได้ และการขายอะไหล่และอุปกรณ์อันเป็นธุรกิจตามน้ำที่ทำกำไรได้ดีก็จะตามมาในภายหลัง

"เราคาดว่าจะนำเครื่องมาโชว์ได้ในงานแสดงสินค้า THAI-SAIGON TRADE FAIR'95 ซึ่งจะจัดเดือนมกราคม ต้นปีหน้า แต่เราจะถือโอกาสเอาเครื่องมาเปิดตัวในงานนี้ในเดือนสิงหาคมด้วย ยังมีปัญหาเรื่องการเปิดกว้างของภาคราชการคือสภาความมั่นคงแห่งชาติและกรมการบินพาณิชย์ (บพ.) อยู่บ้างที่ข้อกฎหมาย ทำให้ทางปฏิบัติยังไม่ราบรื่น"

ในอดีตที่ผ่านมามีชมรมซึ่งเป็นที่รวมตัวของผู้รักการบินอยู่ 2 ชมรม ซึ่งมีสนามประจำคือที่บ่อฝ้ายและบางพระ ทั้ง 2 ชมรมเป็นช่องทางที่สมาชิกจะซื้อเครื่องบินเพื่อประหยัดค่าเบี้ยประกันเมื่อซื้อรวมกันหลายลำ ขณะเดียวกันช่วยให้ขออนุญาตได้ง่ายและสะดวกขึ้น แต่วันนี้ บพ. เปิดให้ขออนุญาตเป็นรายบุคคลได้แล้ว จึงขึ้นอยู่กับคอนเนกชั่นและฝีมือทางการตลาดของวิทยาว่าจะทำได้อย่างใจนึกหรือไม่

นอกจากบริษัทที่กล่าวมาแล้ว ยังมีกิจการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่วิทยารู้สึกว่าเขาไม่เดือดร้อนอะไรมาก แม้มันจะไม่ทำเงินมากนักก็ตาม เช่น บริษัทวีเอสทราเวลโปรโมชั่น ที่ขายตั๋วและเป็นบริษัททัวร์ บริษัทพีคเอวิเอชั่นเซอร์วิสเซส บริษัทใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้น เป็นตัวแทนสายการบินประจำประเทศไทยทั้งด้านบัตรโดยสารและคาร์โก้ บริษัทขลุงดิเวลลอปเม้นท์ สวนเกษตร 400 ไร่ ที่วิทยามีผู้หลักผู้ใหญ่อย่าง พล.ท. กิตติ รัตนฉายาอย่าง พล.ท. กิตติ รัตนฉายาแม่ทัพภาค 4 มาเป็นหุ้นส่วนด้วย บริษัทเพิร์คส์ (ประเทศไทย) ซึ่งบริหารการขายอสังหาริมทรัพย์และจัดงานนิทรรศการต่าง ๆ ทั้งในไทยและอินโดจีน ซึ่งมีผลงานไปแล้ว 2-3 งานใหญ่ และนี่อีกเช่นกันที่เขาอ้างอิงจุลินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่าช่วยเข็นงานนิทรรศการที่เขาจะจัดขึ้นที่เวียดนามในต้นปีหน้านี้

วิทยามั่นใจกับกิจการใหม่ ๆ ที่เขาเห็นโอกาสและมีช่องทางทำโดยไม่สนใจว่าจะมีใครอยู่ในวงการหรือไม่ "ผมไม่ใช่แค่ประสานงานให้มีนิทรรศการเกิดขึ้นเท่านั้นเราจัดของเราเอง ไม่ได้รับจ้างใครทำเหมือนคนอื่น และผมอยากจะบอกว่าเราควรจะทำให้ได้ดีกว่าสิงคโปร์ที่เข้าไปในเวียดนามด้วย และเรารู้ตลาดดี เนื่องจากเราทำด้านประกันด้วย มีหุ้นส่วนบางคนอยากจะชวนไปจีน ไปรัสเซีย ผมว่าเราเอาตรงอินโดจีนให้ได้ก่อน เรามั่นใจที่ไทยและอินโดจีน และผมกับทีมงานก็ตั้งใจ ที่ว่าเก่า ๆ อยู่ในตลาด บางทีเขาก็ละเลยบริการที่ดีและเทคนิคใหม่ ๆ" วิทยากล่าวถึงทุกกิจกรรมที่เขาลงไปแข่งขันกับคนอื่น

เขาสรุปในท้ายที่สุดว่า "แกนธุรกิจที่ผมถนัดและคิดว่าจะขยายไปในไลน์นี้คือด้านบริการที่เกี่ยวกับการบินและด้านอินโดจีน ปีนี้เราจึงขยับโครงสร้างตั้งโฮลดิ้งขึ้นมาเพื่อดูแลบริษัทในเครือเจวีเคทั้งหมด ต่อไปถ้าคิดอยากจะทำโน่นนี่ขึ้นมา จะได้เป็นระบบขึ้น และใช้ตัวนี้เป็นแขนขาในการลงทุนของเรา"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us