|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ ธันวาคม 2549
|
|
แม้ลูกสาวจะเป็นคนสวย น่ารัก และฉลาด แต่โทมัส เจมส์ ไวท์ เคยอบรมสั่งสอนลูกสาวปัจจุบันอยู่ในวัย 21 ปีของเขาเสมอว่า คนเราไม่อาจพึ่งพาคนอื่นได้ แต่ต้องช่วยตัวเอง และลำพังแค่ความสวยนั้น ไม่ใช่หลักประกันความมั่นคงในชีวิต หากไม่รู้จักคิดวางแผนออมเงินตั้งแต่วันแรกที่เธอเรียนจบและมีงานทำ
"ผมจะไม่สอนอะไรใครในสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาด้วยประสบการณ์ของตัวผมเอง" โทมัสบอก
เมื่อครั้งยังวัยหนุ่ม ในฐานะที่เป็นตัวแทนขายประกัน โทมัสเคยได้รับการฝึกฝนเรื่องการวางแผนทำประกันชีวิตที่ดีให้แก่ลูกค้า จนเมื่อถึงวันที่ต้องแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาและเริ่มมีลูกน้อยให้ต้องรับผิดชอบ โทมัสรู้ว่าเขาต้องซื้อกรมธรรม์ประกันที่ให้ความคุ้มครองตัวเองในอัตราสูงสุดเท่าที่เขาจะจ่ายเงินซื้อได้ในเวลานั้น เพื่อให้มั่นใจว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันให้ต้องเป็นอะไรไปตั้งแต่ยังหนุ่ม ลูกน้อยทั้งสองจะมีเงินมากพอที่จะเรียนหนังสือต่อได้
เมื่อมีเงินเดือนมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น โทมัสจึงเริ่มเลือกดูกรมธรรม์เพื่อการเกษียณอายุ ก่อนตัดสินใจซื้อกรมธรรม์เพิ่มเติมทั้งเรื่องเกษียณอายุ และกรมธรรม์ตัวอื่นอีกเล็กๆ น้อยๆ แต่ที่ขาดไม่ได้คือกรมธรรม์เพื่อการศึกษา ซึ่งโทมัสบอกว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้เขาส่งเสียลูกๆ เรียนหนังสือได้จนจบในทุกวันนี้ จากนั้นต่อมาเขาจึงเริ่มซื้อกรมธรรม์ประกันสุขภาพให้ภรรยา
ปัจจุบันโทมัสไม่ได้ซื้อหรือทำประกันในส่วนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตแล้ว เพราะเงินส่วนนั้นมาอยู่ในส่วนการทำประกันเพื่อการออม การทำประกันเพื่อเกษียณอายุ และประกันเพื่อการศึกษาของลูก
มองพฤติกรรมความคิดคนหนุ่มสาวปัจจุบันไม่เหมือนคนสมัยโทมัส เพราะเด็กหนุ่มสมัยนี้ชอบพูดกันถึงเรื่องรถยนต์ที่มีสมรรถนะความเร็วสูงบนท้องถนน หรือไม่ก็แค่อยากจะออกไปดื่มกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน แต่บางคนยิ่งไปกว่านั้น เพราะแต่ละวันไม่เคยคิดถึงอะไรในชีวิตมากไปกว่าอยากจะอยู่กับพ่อแม่ไปจนชั่วชีวิต
มองมาทางด้านฝั่งพวกสาวๆ ก็ดูจะนิยมซื้อของฟุ่มเฟือย คุยกันแต่เรื่องกระเป๋าหลุยส์วิตตอง ราคา 40,000 บาท แทนที่จะพูดถึงกรมธรรม์เพื่อการสะสมทรัพย์ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้พวกเธอได้มหาศาลจากการลงทุนด้วยเงินจำนวนที่เท่ากัน
"พฤติกรรมหนุ่มสาวเมืองไทยอาจเปลี่ยนไปเยอะ แต่ไม่ต่างกับคนรุ่นใหม่ในทั่วโลก ซึ่งคิดถึงแต่ปัจจุบัน บอกว่าฉันอยากได้ตอนนี้ นั่นคือจุดที่เราต้องช่วยเขา เพราะทุกคนคิดถึงแต่ปัจจุบันอย่างเดียว สำหรับสาวๆ ก็ควรตระหนักว่าบางทีพวกเธอก็ไม่อาจหาชายหนุ่มรูปงามมาคอยดูแลได้ตลอดชีวิต" โทมัสบอก
แต่ยังมองในแง่ดีว่า เมื่อคนหนุ่มสาวเหล่านี้มีอายุมากขึ้น ความคิดพวกเขาก็จะเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมความคิดในแบบฟุ่มเฟือยนี้อาจมีน้อยมากในกลุ่มหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นที่โทมัสเห็นมาตอนประจำอยู่ที่ญี่ปุ่น ตลาดประกันชีวิตใหญ่เป็นอันดับ 1 ของกลุ่มเอไอเอในเอเชีย เพราะหนุ่มสาวที่นั่นเมื่อเรียนจบหาเงินได้เอง พวกเขาจะเริ่มสร้างเสริมนิสัยการออมที่ดีในระยะยาวให้แก่ตัวเอง โดยการสะสมทรัพย์ใปรูปแบบการทำประกัน ซึ่งโทมัสบอกว่าสูงถึง 20% ของรายได้แต่ละเดือน
หากหนุ่มสาวคนไทยที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานและยังเป็นโสด แต่อยากเริ่มวางแผนการออมโดยการซื้อประกันแต่เนิ่นๆ โทมัสแนะนำว่า กรณีที่ทั้งพ่อแม่ยังมีชีวิต พวกเขาควรเริ่มต้นที่กรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นลำดับแรก เพื่อที่ว่าพ่อแม่จะได้ไม่มีภาระเรื่องค่าทำศพให้กับพวกเขากรณีที่เป็นอะไรไปก่อน ขณะเดียวกันโทมัสก็อยากให้ซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อการออมทรัพย์ควบคู่ไปด้วย เพื่อที่จะให้เงินทำงานให้เร็วขึ้น ส่วนคนหนุ่มสาวที่ยังเป็นโสด แต่อาจมีภาระที่ต้องดูแลแม่แทนพ่อที่เสียชีวิตแล้วนั้น โทมัสแนะนำให้ซื้อประกันชีวิตแบบทั่วไปในส่วนที่มีทุนประกันสูงๆ
|
|
|
|
|