สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต เป็นหนึ่งในผู้ที่ถือกรรมธรรม์ประกันมากกว่า 1 ใบ แต่ตัวที่เขาเจาะจงเลือกซื้อไว้ค่อนข้างมากนั้น คือกรมธรรม์แบบตลอดชีพ หรือไลฟ์ เพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์มรดกให้ลูกสาวทั้งสองในกรณีที่เขาต้องเสียชีวิตลงและบริษัทประกันชีวิตก็มีหน้าที่ต้องจ่ายผลประโยชน์ให้แก่ทายาทผู้ถือกรมธรรม์
"ผมทำแบบทุนประกันสูงๆ เบี้ยพวกนี้มันตกประมาณ 10% และก็จ่ายเป็นรายเดือนหักจากบัญชีเงินฝาก แบงก์ก็ชาร์จค่าธรรมเนียมตาม systemic ของพวกเขา ไม่ได้มากอะไร แต่ว่ามันคุ้มนะ" สาระเล่าให้ฟัง
ส่วนแบบประกันที่ถูกใจสาระเป็นที่สุด ดูเหมือนจะเป็นกรมธรรม์อุบัติเหตุ เพราะเคยมีประสบการณ์จากลูกสาวของเขาเองที่ล้มแขนหักในวันเกิดเมื่อตอนอายุ 6 ขวบ และเขาไม่คิดว่า การหกล้มแขนหักจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องจ่ายเงินมากมายหลายแสนบาทเพื่อรักษาแขนข้างที่หักของลูกสาว
"หกล้มแขนหักมันก็แค่อุบัติเหตุ ตอนนั้นผมไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ปรากฏว่าลูกสาวผมต้องผ่าตัดเอาลวดเข้าไปผูกไม่ให้ (กระดูก) มันขยับ ค่าใช้จ่ายตรงนั้นตกอยู่แสนกว่าบาท ผมนี่โชคดีมากเลยที่ซื้อประกันอุบัติเหตุไว้ แต่เป็นแบบเยี่ยมเลยนะ มีค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลด้วย ผมซื้อไว้ 3,000,000 บาท
พอมาเจออุบัติเหตุอันนี้ รักษายังไม่หายและก็ต้องไป-กลับโรงพยาบาล จาก cost อันนั้นอันเดียวนะที่ต้องไปกลับๆ รักษาให้หายเลยนะ maximum รวมกันประมาณ 300,000 บาท ผมดีใจมากเลย กลับมาซื้อเพิ่มอีกบาน เพราะเห็นถึงความคุ้มค่า คิดดูสิจ่ายเบี้ยล้านละ 4,000 อันนี้ล่อเข้าไปเท่าไรแล้ว 12,000 บาท เต็มที่ 13,000 คิดดูสิคุ้มสุดๆ เลย
ตอนนี้เวลาผมไปไหนนะ ผมต้องไปเลือกเลยว่าผมจะซื้ออุบัติเหตุ แต่ผมซื้อประจำปีอยู่แล้ว อุบัติเหตุและประกันชีวิตก็มี ซึ่งอันนี้ก็ต้องดูว่าจะซื้ออย่างไรต้องไม่เป็นภาระ เพราะมันเป็นของที่ดี เป็นภาระก็คือว่าถ้าเบี้ยมันสูงมาก หรือถ้ารู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นนั่นคือภาระ" กรรมการผู้จัดการ บริษัทประกันชีวิต เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัว
|