ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ เผยพันธมิตรจากจีนสนใจ ถือหุ้น 5-10% แต่ขณะนี้ยังไม่สรุป เหตุอยู่ระหว่างเจรจารายละเอียดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด "ผู้บริหาร" คาดปี 50 สร้างรายได้ 3,000 ล้านบาท จากปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายเหลือ 2,700 ล้านบาท
นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CSP เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการ ที่บริษัทจีนจะเข้ามาเป็นพันธมิตรกับบริษัทว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องรายละเอียดเพื่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดช่วงเวลาต้องสรุปเมื่อไหร่ โดยพันธมิตรจีนรายนี้ต้องการที่จะมาตั้งโรงงานผลิตสินค้า ในประเทศไทย และบริษัทจะเป็นผู้ที่จัดหาและจำหน่ายสินค้าให้ โดยถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น
"ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทจีน ดังกล่าวสนใจที่จะเข้ามาถือหุ้นของบริษัท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียด ซึ่งหากเข้ามาถือหุ้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5-10% เท่านั้น หรืออาจจะมาเป็นพันธมิตรทางด้านธุรกิจในการเพิ่มช่องทางจำหน่ายกับ ทางบริษัทโดยไม่เข้ามาถือหุ้นก็ได้" นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า
สำหรับแผนการดำเนินงานปีหน้านั้นบริษัทจะมีการเพิ่มยอดขายสินค้าไปในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ มากขึ้นอยู่ที่ 40% ของยอดขายจากปีนี้ที่ 30-35% เนื่องจาก มีแนวโน้มการเติบโตที่สูง และมีมาร์จิ้นที่ดีสูง ส่วนอีก 60% นั้นจะกระจายในธุรกิจ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และขายผ่านร้านค้าปลีก
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี2550 จะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท เนื่องจากบริษัท ได้มีการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ 4 เครื่องสำหรับการรีดท่อเหล็กรีดเย็น เสร็จแล้วทำให้บริษัทมีกำลังการผลิต เพิ่มขึ้นอีก 20,000 ตันต่อปี และจากเศรษฐกิจปีหน้าที่จะดีขึ้นที่จะทำให้มีปริมาณความต้องการใช้เหล็ก เพิ่มขึ้น ประกอบรัฐบาลมีนโยบายที่จะลงทุนในโครงการพื้นฐาน(เมกะ-โปรเจกต์) เช่น โครงการรถไฟฟ้า ลอจิสติกส์
"รายได้ปีนี้ของบริษัทจะอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ ผ่าน ซึ่งลดลงจากเป้าหมายที่คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 3,000 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งในด้านปริมาณการขายสินค้าของบริษัทนั้นเป็นไปตามเป้าหมาย แต่การที่ราคาเหล็กปรับตัวลดลง ซึ่งทำให้รายได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ และทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ปีนี้ลดลงเหลือ 8% แต่คาดว่าปีหน้ามาร์จิ้นจะกลับสู่ช่วงปกติที่ประมาณ 10-12%" นาย วีรศักดิ์กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจเหล็ก ปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่อง จากเศรษฐกิจปรับตัวดี ภาครัฐมีการลงทุนในด้านเมกะโปรเจกต์ทำให้มีปริมาณการใช้เหล็กที่เพิ่ม ขึ้น โดยคาดว่าราคาเหล็กปีหน้า จะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับปีนี้ คือ ราคาเหล็กรีดร้อนจะอยู่ที่ประมาณ 19-20 บาทต่อกิโลกรัม เหล็กรีดเย็นจะอยู่ที่ 24-25 บาท ต่อกิโลกรัม
|