Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2536








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2536
"มิสทีน : ปฏิบัติการไล่ล่าเอวอน"             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (มิสทิน) จำกัด

   
search resources

เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย), บจก.
อมรเทพ ดีโรจนวงศ์
Cosmetics




"มิสทีนมาแล้วค่ะ" ประโยคสั้นๆ อันเป็นสโลแกนของบริษัทเบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขายตรงปรากฏสู่จอทีวีเมืองไทยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่ธุรกิจขายตรงริเริ่มใช้การโฆษณามาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการต่อสู้กันเองในตลาดขายตรง จนทำให้เอวอน เครื่องสำอางขายตรงที่เป็นผู้นำตลาดมานับ 10 ปีในขณะนั้น ต้องหันมาต่อกรด้วยวิธีเดียวกัน

จากยอดขายในปีแรกเพียง 20 ล้านบาท วันนี้มิสทีนสามารถขยับรายได้ขึ้นไปสูงถึง 850 ล้านบาทเมื่อปี 2535 จากมูลค่าตลาดเครื่องสำอางรวมทั้งระบบ 5,000 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดระบบขายตรงมีมูลค่าอยู่ 60% ก็นับได้ว่าเป็นเครื่องสำอางอีกยี่ห้อหนึ่งที่น่าจับตามอง

"ปี 2536 นี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถทำยอดขายหลังจากหักค่าคอมมิชชั่นแล้วได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท" อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บุกเบิกระบบขายตรงสินค้าเครื่องสำอางให้ผงาดอยู่ได้ในประเทศไทยกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ในตลาดเครื่องสำอางขายตรง ผู้ที่ครองแชมป์กินส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดคือเอวอน ซึ่งตัวอมรเทพเองที่เป็นคนสร้างขึ้นมา สมัยที่เขายังเป็นผู้นำอยู่ที่นั่น ก่อนที่จะมีเรื่อง "กินใจ" กัน จนเจ้าตัวต้องระเห็จออกมาปักหลักอยู่กับเบทเตอร์เวย์

เรื่องกินใจครั้งนั้น ว่ากันว่าเป็นแรงผลักดันให้มิสทีนจำต้องโค่นแชมป์ลงให้ได้!!

"บาดแผลนี้ลึกเกินกว่าที่อมรเทพจะลืมเลือนได้ สิ่งใดที่ทำให้เอวอนสั่นสะเทือนได้ จะถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มที่" แหล่งข่าวในวงการเครื่องสำอางขายตรงกล่าว

แผนการตลาดของมิสทีนจึงรุกคืบตามประกบเอวอนไปตลอด หากเอวอนขยับ มิสทีนก็จะเคลื่อนด้วยทันที ตัวอย่างเช่น การเพิ่มรอบจำหน่ายสินค้าจากเดิมที่ 1 ปีมี 18 รอบจำหน่ายเพิ่มเป็น 26 รอบจำหน่าย โดยย่นระยะเวลาจำหน่ายจากรอบละ 3 สัปดาห์ให้เหลือเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น ก็เป็นผลจากการที่เอวอนขยับปรับเวลารอบจำหน่ายให้มากขึ้นด้วย

เมื่อเอวอนเพิ่มการจำหน่ายสินค้าประเภทอื่นนอกเหนือจากเครื่องสำอางเช่นเสื้อยืด ชุดนอน ชุดชั้นในทั้งเด็ก สตรีและบุรุษ ถุงเท้า ฯลฯ เพื่อเสริมความต้องการของผู้บริโภคบางกลุ่มในตลาด มิสทีนก็นำสินค้าประเภทเสื้อผ้าเข้ามาขายเพิ่มด้วยเช่นกัน ซึ่งล่าสุดได้นำกางเกงยีนส์จากอเมริกายี่ห้อ "ท็อป คันทรี" ออกสู่ตลาดเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่สำหรับอมรเทพ เขาไม่ได้ขายกางเกงยีนส์ในฐานะที่เป็นสินค้าเสริมเท่านั้น แต่วางบทบาทว่าจะเป็นตัวช่วยทำรายได้ไล่หลังเอวอนด้วยอีกแรงหนึ่ง จึงตั้งเป้ายอดขายไว้สูงถึง 350 ล้านบาท

ยอดขายของเอวอนในปี 2535 มีจำนวน 1,200 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายสำหรับปีนี้ ตั้งเอาไว้ที่ 1,500 ล้านบาท ซึ่งนับว่าไม่ห่างไกลเกินกว่าที่มิสทีนจะไล่ให้ทันได้

สิ่งเดียวที่เอวอนดูโดดเด่นกว่าก็คือ ความเป็นบริษัทข้ามชาติ มีสินค้ากระจายออกไปอย่างกว้างขวางทั่วโลก ข้อนี้เองทำให้อมรเทพต้องการสร้างเบทเตอร์เวย์ซึ่งเป็นบริษัทไทยให้ก้าวยกระดับขึ้นสู่ความเป็นกิจการอินเตอร์ด้วย

อมรเทพกล่าวว่า "การขยายฐานไปยังต่างประเทศจะเป็นแนวรบอีกทางหนึ่งซึ่งจะเสริมให้มิสทีนเข้าสู่ระบบตลาดได้"

ปฏิบัติการไล่ล่า ตามประกอบเอวอนจึงลามไปถึงประเทศจีน ซึ่งจีนเป็นประเทศแรกที่มิสทีนเข้าไปขายสินค้าประกบแข่งกับเอวอน โดยเอวอนเองก็เพิ่งเข้าสู่ตลาดที่ประเทศจีนเมื่อประมาณกลางปี 35 ที่ผ่านมา

ในฐานะผู้มาก่อน เอวอนต้องประสบกับความเหนื่อยยากพอประมาณสำหรับการทำให้สาวจีนที่คุ้นเคยกับเครื่องประทินโฉมยี่ห้อท้องถิ่น ยอมรับของนอกในช่วงเริ่มต้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง ตราบใดที่ผู้หญิงกับความรักสวยรักงามยังเป็นของคู่กัน คนที่มาทีหลังอย่างมิสทีนจึงพลอยได้รับอานิสงค์ไปด้วย เพราะเข้ามาในขณะที่ระบบขายตรงเครื่องสำอางเริ่มเป็นที่รู้จักกันแล้ว

แต่ใช่ว่าจะต้องตามรอยเท้าของเอวอนเพียงอย่างเดียว มิสทีนเองก็พยายามขยายตลาดที่เอวอนยังไม่ได้เข้าไปเพื่อยึดหัวหาดไว้เป็นรายแรกก่อนด้วย ดังเช่นการเข้าไปในโปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่สองที่มีสินค้าของมิสทีนเข้าไปเปิดตลาดโดยร่วมลงทุนกับนักลงทุนท้องถิ่นในอัตราส่วนการถือหุ้น 70:30%

ประเทศต่อไปที่อยู่ในแผนการขยายฐานสู่ความเป็นสากลคือ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา คาดว่าประมาณกลางปีเบทเตอร์เวย์จะเข้าไปปรากฏเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบในลักษณะเดียวกันกับที่ทำมาแล้วทั้ง 2 ประเทศข้างต้น

ทั้งอินโดนีเซียและโปแลนด์นับได้ว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูง ที่สำคัญเอวอนยังมองไปไม่ถึงตลาดเหล่านี้ บางทีการได้เข้าไปเป็นผู้บุกเบิกที่มีความพร้อมในตลาดที่มีศักยภาพสูงเช่นนี้ ก็อาจทำให้มิสทีนสามารถเป็นผู้นำในตลาดต่างประเทศได้ตามเป้าหมายที่อมรเทพวางไว้

เอวอนนั้นอยู่ในตลาดมานานกว่า 10 ปีแล้ว ขณะที่มิสทีนมีอายุเพียง 5 ปี แต่เมื่อเทียบกับยอดขายที่ไม่ทิ้งห่างกันมาก และการขยับขยายสร้างความเติบโตของมิสทีนแล้ว โอกาสที่จะล้มแชมป์เอวอนก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินฝัน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us