|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือก.ล.ต. แจ้งถึงรายการการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหรือ 59-2 ซึ่งปรากฏว่านางสุวลัย จันทวานิช กรรมการ บริษัทนวนคร จำกัด(มหาชน)หรือ NNCL ได้ขายหุ้นบริษัทนวนครเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 จำนวน 9.5 แสนหุ้น โดยขายจำนวน 6 รายการในระดับราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งนางสุวลัยได้รับเงินจากการขายทั้งสิ้นจำนวน 4.436 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายละเอียดการขายหุ้นของนางสุวลัยทั้ง 6 ครั้ง ขายจำนวน 1.5 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 4.60 บาท ,ขายจำนวน 1 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 4.62 บาท,ขายจำนวน 1 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 4.64 บาท,ขายจำนวน 2 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 4.66 บาท,ขายจำนวน 2 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 4.70 บาทและขายจำนวน 2 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 4.74 บาท
อนึ่งก่อนหน้านี้พลเอกวรพันธ์ วรศักดิ์โยธิน ซึ่งเป็นกรรมการอิสระ ได้ขายหุ้นบริษัทนวนครเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2549 จำนวน 1 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 3.66 บาทและนายวีระชัย ชุติมากรณ์ ได้ขายหุ้นบริษัทนวนคร เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2549 จำนวน 1 แสนหุ้นในราคาหุ้นละ 4.62 บาท
วานนี้ (22 พ.ย.)ราคาหุ้นบริษัทนวนครปิดที่ระดับ 4.80 บาทลดลง 0.10 บาทหรือ 2.04% มูลค่าการซื้อขาย 1.75 ล้านบาทและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทนวนครหรือ NNCL-W1 ราคาปิด 3.16 บาทเพิ่มขึ้น 0.06 บาทหรือ 1.94% มูลค่าการซื้อขาย 30.92 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นบริษัทนวนคร และวอร์แรนต์ของนวนคร ราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ โดยในส่วนของหุ้นนวนครราคาอยู่ที่ระดับ 1.92 บาท ส่วนวอร์แรนต์ของนวนครราคาปิดที่ 0.92 บาท
นายชัย จิรเสวีนุประพนธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือCNS เปิดเผยว่าจากการเคลื่อนไหวของหุ้นบริษัทนวนครและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทนวนคร ภายหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ใช้มาตรการห้ามซื้อขายในลักษณะหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (Net Settlement) และห้ามสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2549 ดังนั้นนักลงทุนควรระมัดระวังการเข้ามาเก็งกำไร เนื่องจากราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัย พื้นฐานแล้ว ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้นักลงทุนทยอยขายทำกำไร เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง จากราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าราคาหุ้นบริษัทนวนคร ซึ่งมองจากปัจจัยพื้นฐานแล้วแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงเข้ามาเก็งกำไร เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาสนับสนุนการลงทุน ขณะเดียวกันทางบล.ไซรัสประเมิน แนวโน้มทางเทคนิคภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง จึงแนะนำให้ นักลงทุนทยอยขายทำกำไร เนื่องจากราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปควรระมัดระวังแรงแรงเทขายทำกำไร
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน)หรือ ASPได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัทนวนคร ซึ่งได้แนะนำให้ขายหุ้นเพราะราคาสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงหรือ Fair Value กำหนดที่พี/อี เรโช 8 เท่า ซึ่งจะทำให้มูลค่าหุ้นที่เหมาสม ณ สิ้นปี 2550 ที่ 1.88 บาท ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน ซึ่งซื้อขายที่พี/อี เรโชสูงกว่า 15 เท่า
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัสยังได้คาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทนวนครน่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากจะมียอดขายที่ดินที่ยังไม่บันทึกรายได้ประมาณ 200 ล้านบาทซึ่งน่าจะถูกบันทึกรายได้ในไตรมาส4 นี้ ส่วนGross Margin ถึงจะลดลงแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงต่อไป
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)หรือ KGIได้แนะนำให้ขายหุ้นบริษัทนวนครเช่นกัน โดยมองว่าราคาหุ้นแพงเกินไป ซึ่งนับตั้งแต่ต้นไตรมาส 3 ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นมาถึง 147% ซึ่งราคาปัจจุบันสูงเกินไป โดยซื้อขายกันที่ พี/อี เรโช ของปี 2549 ที่ 15.2 เท่า เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยพี/อี เรโชในอดีตที่ 6-7 เท่า
ฝ่ายวิจัยบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองว่าบริษัทนวนครเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีแหล่งที่มาของรายได้หลากหลาย และไม่พึ่งพิงรายได้จากการขายที่ดินเพียงอย่างเดียว แต่ในเชิงราคาหุ้นขณะนี้ซื้อขายกันค่อนข้างแพงเกินไป เพื่อที่จะให้หุ้นบริษัทนวนครซื้อขายที่ราคาปัจจุบัน และที่ระดับพี/อี เรโช เฉลี่ยที่ 7 เท่าบริษัทต้องขายที่ดินถึง 425 ไร่ในปีนี้ นอกจากนี้ราคาหุ้นปัจจุบันอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับเพียง 3.3% เทียบกับในอดีตที่อยู่ในระดับ 7-9% โดยประเมินราคาเป้าหมายอยู่ที่ 1.85 บาท
|
|
|
|
|