“พลัส” เล็งปรับขนาดบ้านลง เพื่อให้ขายบ้านได้ต่ำกว่า 3 ล้านบาท เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาด คาดได้เห็นบริษัทพลัสฯพัฒนาบ้านต่ำกว่า 2 ล้านบาท และอยู่นอกเมืองออกไป แต่ยืนยันยังเดินหน้าพัฒนา คอนโด-ทาวน์เฮาส์ ตามเดิม

นายปิยบุตร เลิศดำริห์การ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะการแข่งขันของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตลาดชะลอตัวลงโดยเฉพาะบ้านราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนบ้านต่ำกว่า 3 ล้านบาท ตลาดในส่วนนี้ยังไปได้ดี ซึ่งในส่วนของบริษัทพลัสฯเองมีทาวน์เฮาส์ ราคาเฉลี่ยที่กว่า 3 ล้านบาท แต่ภาวะการขายไม่ได้ชะลอตัวมากนัก แต่ทางบริษัทพลัสฯต้องการกระตุ้นยอดขายในช่วงนี้ ดังนั้น จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า

โดยในไตรมาส 4 บริษัทพลัสฯมีทาวน์เฮาส์เหลือขายจำนวน 160 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท ล่าสุดได้จัดแคมเปญซื้อทาวน์เฮาส์ในทุกโครงการรับสิทธ์ลุ้นทองคำแท่งมูลค่า 1 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2549 และจับรางวัลในเดือนมกราคม 2550 และที่ผ่านมามียอดขายไปแล้ว 106 ยูนิต มูลค่า 400 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถขายสินค้าได้หมดภายในสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ แต่จะไปเปิดตั้งแต่ต้นปี 2550 แทน แม้ว่าสินค้าที่มีอยู่จะเหลือน้อยแล้วก็ตาม สำหรับยอดขายรวมของโครงการทาวน์เฮาส์ใน 11 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 3,200 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปี 3,200 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย

นายปิยบุตร กล่าวว่า นอกจากแคมเปญลุ้นทองแล้ว ในแต่ละโครงการยังได้จัดแคมเปญพิเศษ ซึ่งได้แก่ ลูกค้าที่ซื้อทาวน์เฮาส์ในโครงการ พลัส พาร์ค อเวนิว ลาซาล-ศรีนครินทร์ ยังได้รับโปรโมชันตกแต่งบ้านฟรีรวม 1 ล้านบาท อาทิ เฟอร์นิเจอร์ Modernform เครื่องปรับอากาศไดกิ้น ผ้าม่าน ฯลฯ และสำหรับลูกค้าที่ซื้อโครงการ พลัส ซิตี้พาร์ค ศรีนครินทร์-สวนหลวง จะได้รับโปรโมชันเครื่องใช้ภายในบ้านฟรี 20 รายการ มูลค่ากว่า 2 แสนบาท โดยโปรโมชั่นทั้งหมดนี้จะหมดเขตในวันที่ 31 ธันวาคม 2549

อนึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ เปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ใหม่ทั้งหมด 6 โครงการ รวม 759 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2, 900 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 530 ยูนิต มูลค่า 2,200 ล้านบาท

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินงานของพลัสในปี 2550 จะยังคงเน้นตามแผนเดิม คือ โครงการทาวน์เฮาส์และคอนโดมิเนียมกลางเมือง โดยในส่วนของทาวน์เฮาส์นั้นคาดว่าจะปรับลดขนาดของบ้านลง เพื่อให้สามารถปรับลดราคาขายลงมาได้ โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยกว่า 3 ล้านบาท แต่ในปีหน้าราคาเฉลี่ยจะไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อให้สอดรับกับกำลังซื้อของผู้บริโภค

“บางทีในปีหน้าจะได้เห็นทาวน์เฮาส์ของพลัสมีพื้นที่ใช้สอยต่ำสุด 140 ตร.ม. จากที่ปีนี้ต่ำสุด 150 ตร.ม. และอาจเห็นราคา 1.9 ล้านบาท ออกมาบ้างแต่ก็คงน้อยมาก และแน่นอนเมื่อราคาต่ำลงทำเลก็จะต้องห่างเมืองออกไปบ้าง” นายปิยบุตรกล่าว

ส่วนคอนโดมิเนียมก็เช่นกัน บริษัทพลัสฯจะปรับขนาดให้เล็กลงเช่นกัน แต่จะยังคงยึดทำเลที่มีศักยภาพ ตามแนวรถไฟฟ้าทั้งบนดินและได้ดิน ส่วนเส้นทางใหม่ที่รัฐบาลประกาศจะก่อสร้างนั้น บริษัทจะให้ความสำคัญรองลงมา เนื่องจากมีความไม่แน่นอนอยู่บ้าง แต่หากจะพัฒนาจะต้องศึกษาความต้องการของตลาดในย่านนั้นอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงในการลงทุนน้อยที่สุด