|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“ธีระ” เผยงบชดเชยสุวรรณภูมิทะลุ 7 พันล้าน ด้าน “เกษม” แนะ การท่าฯดูแลปิดพื้นที่หลังประชาชนย้ายออก หวั่นเสียค่าชดเชยรอบสาม เสนอเปิดพื้นที่เมืองใหม่บางพลีเป็นที่อยู่ใหม่ ซัดรัฐบาลทักษิณทิ้งปัญหาให้สุวรรณภูมิเพียบ ขณะที่ปชป.จับตาเร่งเปิดสุวรรณภูมิมีเงื่อนงำจี้ให้ตรวจสอบ “สพรั่ง” รับนโยบายรมว.คมนาคม แก้ปัญหาสุวรรณภูมิ 3 เรื่องด่วน ผู้โดยสารเดือดร้อน ความไม่ปลอดภัยจากภัยความมั่นคง และล้างมาเฟีย แก้ทุจริต
พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม กล่าวหลังการประชุม ครม. ถึงการชดเชยความเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากมลภาวะทางเสียงจากการขึ้นของของเครื่องบิน สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งตนได้ลงไปในพื้นที่ ได้สัมผัส พูดคุยกับประชาชนถึงแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของค่าชดเชย ในเรื่องนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิได้ลงไปสำรวจผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมด้วยแล้วเช่นกัน
จากการลงไปในพื้นที่ปรากฏว่า ที่สำรวจไว้เดิมเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่จริงๆมีผลกระทบมากกว่านั้น ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องใช้เงินชดเชยจำนวนมากเท่าไหร่ อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาตกลงกัน จะต้องมีการพอใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เรียกร้องกันจนมากเกินไป จนกระทั่งไม่มีขอบเขต
ขณะนี้กระทรวงคมนาคมขออนุมัติตามมติครม.เพื่อขอแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเข้าไปเจรจากับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับการเงินการทองมีรายละเอียดหลายอย่าง
“เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เราได้พยายามทำอย่างจริงจังและพร้อมที่จะแก้ปัญหาต่างๆเหล่านี้ เราทราบดีว่ามันเป็นปัญหาที่ได้รับผลกระทบ เดือดร้อนอย่างมากกับประชาชนและจะเป็นปัญหาตลอดไป ถ้าเรายังแก้โดยไม่ให้เป็นผู้ถูกกระทำที่ถาวร”
พล.ร.อ.ธีระ กล่าวอีกว่า เดิมทีได้ประเมินผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวน 71 ราย แต่ถึงขณะนี้เพิ่มอีก 222 ราย เฉพาะในส่วนของทางด้านเหนือ เนื่องจากว่าขณะนั้นได้ประมาณระดับความดังของเสียงไว้ในอีกระดับแต่จริงๆดังกว่าที่ประมาณไว้ เนื่องจากปริมาณเครื่องบินเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการเข้าไปสำรวจอีกครั้งจะมีผู้เดือดร้อนอีก อย่างไรก็ตามสำหรับประชาชนที่อยู่ทางด้านเหนือและด้านใต้ของสนามบินที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในรัศมี 2 กิโลเมตร ก็จะให้เขารีบเคลื่อนย้ายออกโดยเร็ว โดยได้มีการปรึกษากับการเคหะแห่งชาติเพื่อจะให้ประชาชนส่วนนั้นไปพักชั่วคราวก่อน ซึ่งก็มีประชาชนบางส่วนที่ได้รับผลกระทบตรงๆก็เริ่มย้ายออกไปจากพื้นที่แล้ว
“เรื่องงบประมาณมันอาจจะต้องใช้มาก คร่าวๆเท่าที่เห็นตัวเลขก็ประมาณ 7 พันกว่าล้านเข้าไปแล้ว ซึ่งการท่าฯจะต้องเจรจากับทางกระทรวงการคลังต่อไปเพื่อจะหาเงินกู้ โดยที่ทางการท่าฯจะต้องมาพิจารณาเรื่องนี้แล้วก็จะต้องใช้หนี้ต่อไป แต่ในรายละเอียดยังไม่ได้คุยกัน ซึ่งต้องรอให้ส่วนต่างๆเข้ามาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เร็วที่สุด เพราะอย่างที่เรียนให้ทราบเราไม่ได้นิ่งนอนใจเราเห็นความเดือดร้อนของประชาชน”
สำหรับบอร์ดการท่าฯขณะนี้เราก็ได้บอร์ดชุดใหม่แล้ว โดยมีพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร เป็นประธานบอร์ด ซึ่งตนคิดว่าพล.อ.สพรั่งสามารถทำได้ เพราะท่านมีความตั้งใจสูงอยู่แล้วในการแก้ปัญหา
ก.ทรัพยากรฯยันชดเชยเพิ่ม
นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการที่ได้ประเมินมลพิษทางเสียงเพื่อใช้ในการชดเชย โดยนับตั้งแต่การศึกษาผลกระทบถึงวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้วัดเที่ยวบินจำนวน 46 เที่ยว/ชั่วโมง เพื่อดูขอบเขตของเสียงที่ก่อความรบกวนจำนวนกี่หมู่บ้านทั้งหมดโดยกรมควบคุมมลพิษได้เข้าไปดำเนินการ เพราะฉะนั้นการชดเชยจึงจะเพิ่มไป 250-300 หลัง โดยจะชดเชยให้กับบ้านที่มีอยู่ตั้งแต่ ณ จุดนั้นในการสำรวจเมื่อวันที่ 19 พ.ย.
ขณะเดียวกันก็เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าจะดูต่อไปจนถึงเวลาที่สนามบินมีการขึ้นลงเต็มที่ถึง 76 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ซึ่งเขตของเสียก็จะขยายวงกว้างออกไป ทางกระทรวงคมนาคมจะเข้าไปทำการสำรวจเพิ่มเติมโดยยึดถือบนสมติฐาน 76 เที่ยวบิน ว่าจะต้องเข้าไปชดเชยเพิ่มอีกจำนวนเท่าไร ซึ่งตรงนี้จะได้ภายใน 1 สัปดาห์ โดยที่จะออกไปวัด ไปกำหนดว่าส่วนของเสียงที่ได้รับผลกระทบกี่หลังเรือนกันแน่ ซึ่งคงใช้เวลาไม่นาน
อย่างไรก็ตาม ที่เป็นห่วงและได้เสนอเข้า ครม.และมีการเห็นชอบคือมาตรการที่เสนอว่า เมื่อมีการโยกย้ายชาวบ้านออกไปแล้ว และมีการชดเชยแล้ว ทางการท่าอากาศยานต้องเข้าไปดูแลพื้นที่อย่างเข้มงวด เพราะเรามีบทเรียนมาแล้วในอดีต
“ผมก็เห็นใจ ทอท.นะครับ เพราะว่ารัฐบาลชุดที่แล้วได้มาเร่งรัด ให้ทอท.เปิดทั้งที่เขาไม่พร้อม เขาไม่เสร็จหลายเรื่องหลายอย่าง ซึ่งอันนี้ก็เป็นเหตุผลอันหนึ่งที่ว่าปัญหานี้มันเกิดขึ้นมา ซึ่งผมคิดว่าอันนี้อย่าไปโทษทอท.เขาเลย ควรจะโทษรัฐบาลชุดที่แล้วมากกว่านะครับ”
นาย เกษม กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการชดเชยคนที่ย้ายออกจากพื้นที่คงมีหลาย ระดับที่ย้ายออก มีทั้งบ้านที่เป็นไม้ ซึ่งเราคงไปติดกระจก ติดแอร์ เพื่อบรรเทา คงทำไม่ได้ เพราะเขาคงไม่มีรายได้พอที่จะไปจ่ายค่าไฟ ซึ่งพวกนี้คงย้ายออกไป แน่นอน และถ้าไม่มีที่ไปเราก็จะขอให้การเคหะแห่งชาติเข้ามาดูในเรืองนี้ ส่วนที่มีฐานะที่ดีเขาก็คงจะไปซื้อบ้านใหม่ หรือสร้างบ้านใหม่ที่หมู่บ้านอื่นที่มันไกลออกไป ซึ่งบางคนเขาอยากได้เงินเราก็ชดใช้ด้วยเงินแล้วเขาก็ไปเลย แต่สิ่งสำคัญก็คืออย่า ให้คนพวกนี้กลับมายึดพื้นที่
ปชป.จี้สอบเรื่องเร่งเปิดสุวรรณภูมิ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการเป็นนักการเมืองที่จะต้องเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนทุกสัปดาห์ ซึ่งจะต้องใช้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นประจำนั้น ได้รับการร้องเรียนและปรับทุกข์จากประชาชนมากมายถึงอุปสรรคและปัญหาของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ไม่มีความพร้อมในการให้บริการ และได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนจากประธานคณะกรรมการกำกับการเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังไม่พร้อมที่จะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในอีก 6 เดือนข้างหน้า และการแสดงท่าทีของสหภาพรัฐวิสาหกิจบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่จะออกแถลงการณ์ประจานความพร้อมในการให้บริการของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3 ภาษา คือ ภาษาไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น แสดงให้เห็นว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่มีความพร้อมที่จะเปิดใช้บริการจริง ๆ แต่รัฐบาล ชุดที่ผ่านมาพยายามที่จะดึงดันที่จะเปิดใช้บริการให้ได้ นับว่าเป็นความผิดพลาดในการตัดสินใจของรัฐบาลชุดที่แล้วอีกเรื่องหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่มีกระแสการคัดค้านจากหลายฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
แต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาไม่ยอมฟังเสียงจนทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าการรีบเปิดใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความเกี่ยวข้องกับค่าคอมมิชั่นของการก่อสร้างสนามบินในงวดสุดท้ายใช่หรือไม่ จึงอยากเรียกร้องให้ คมช.หรือรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย(ทอท.)ต้องเข้าไปตรวจสอบเงื่อนงำการเร่งรีบเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิว่ามีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ และจะต้องรีบแก้ไขปัญหาให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้น อาจจะกระทบต่อความมั่นใจของสายการบินต่างๆได้ รวมถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อการท่องเที่ยวและชื่อเสียงของประเทศชาติได้
นายเทพไท กล่าวว่า สำหรับการใช้บริการของสนามบินดอนเมือง ซึ่งเปิดใช้บริการเฉพาะเที่ยวบินเหมาลำ ซึ่งมีการใช้บริการที่น้อยมาก แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาประมาณเดือนละ 30 ึ 40 ล้านบาท นั้น เป็นการไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ จึงอยากจะให้รัฐบาลได้รีบตัดสินใจเรื่องการใช้สนามบินดอนเมืองว่า มีแนวทางอย่างไร แต่อยากจะเสนอแนะให้รัฐบาลพิจารณาใช้สนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินของสายการบินต้นทุนต่ำ ซึ่งจะมีประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ เช่น
1.ไม่ต้องสร้างอาคารของสายการบินต้นทุนต่ำที่สนามบินสุวรรณภูมิอีก เป็นการประหยัดงบประมาณของแผ่นดิน
2.ทำให้ต้นทุนการบินของสายการบินต้นทุนต่ำลดลง ไม่เป็นการผลักภาระค่าโดยสารแก่ผู้ใช้บริการ
3. เป็นการประหยัดค่าเดินทางของประชาชนที่จะไปใช้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งต้องเสียค่าบริการของแท็กซี่ ในอัตราราคาสูง 400-500 บาทต่อเที่ยว หากเป็นสนามบินดอนเมือง ผู้โดยสารสามารถใช้บริการรถเมล์และรถแท๊กซี่ทั่วไปได้
4.สนามบินดอนเมืองใช้เวลาในการขึ้นเครื่องหรือออกจากเครื่องเพียง 15 นาที แต่สนามบินสุวรรณภูมิต้องใช้เวลานานครั้งละ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เพราะมีความกว้างขวางมากเหมาะกับการให้บริการสายการบินระหว่างประเทศมากกว่า
นายเทพไท กล่าวว่า จะจับตามองท่าทีของรัฐบาลต่อเรื่องนี้ว่าได้ตัดสินใจอย่างไรหากไม่มีความชัดเจนและความคืบหน้าก็จะทำจดหมายเปิดผนึกยื่นให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในจดหมายเปิดผนึกจะมีการรวบรวมรายชื่อของอดีต ส.ส.ที่ได้รับการร้องเรียนความเดือดร้อนจากประชาชนแนบ
สพรั่งรับ 3นโยบายแก้ปัญหาสุวรรณภูมิ
พล.อ.สะพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและนายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ว่า ได้รับนโยบายการทำงานให้เข้าไปดูแลและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายใน สนามบินสุวรรณภูมิใน 3 เรื่องหลัก คือ 1. แก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนและผู้โดยสารที่ได้มีการร้องทุกข์ 2.ทำให้สนามบินมีความปลอดภัยจากการก่อการร้าย และ 3. แก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในทุกกรณีที่เกี่ยวข้องกับกิจการและการดำเนินการของ ทอท.
“ภาระที่บอร์ด ทอท.ชุดใหม่จะต้องเข้ามารับผิดชอบ คือเข้าไปสะสางความไม่ชอบมาพากล ทุกเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งในส่วนที่เป็นความปลอดภัยตั้งแต่ระดับต่ำไปถึงระดับวิกฤต และสิ่งที่ประชาชนคาดหวังว่าจะได้รับจากการใช้บริการในสนามบิน จะเน้นการทำให้ทุกคนเกิดศรัทธาและทำงานให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์และเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ”
ส่วนการเข้าไปกวาดล้างกลุ่มมาเฟียหรือกลุ่มอิทธิพลคนมีสีเข้าที่เข้าไปหาผลประโยชน์ในสนามบินสุวรรณภูมินั้น พลเอกสะพรั่งประกาศชัดเจนว่า การทำความชั่วไม่มีสี แต่มาจากพฤติกรรม ดังนั้นเป็นภาระที่จะต้องเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป โดยไม่คำนึงว่าเป็นคนมีสีหรือทหารกลุ่มใด แต่กลุ่มมาเฟียจะต้องไม่มีในพื้นที่ของสาธารณะหรือพื้นที่ของรัฐ
ในส่วนของการสอบสวนเรื่องต่างๆนั้น หากมีการตรวจสอบและพบว่ามีการกระทำความผิดจริงก็จะต้องได้รับโทษ ส่วนการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเสียงเครื่องบินขึ้นลงบริเวณใกล้เคียงสนามบินนั้นยังไม่ได้พูดถึง แต่จะรีบเข้าไปติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่รับผิดชอบอย่างใกล้ชิด
|
|
|
|
|