เครือซีพี เป็นกลุ่มทุนที่ติดอันดับต้นไป ในบรรดานักลงทุนต่างชาติ ที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีน
คุนหมิง เจิ้งต้า คือหนึ่งในโครงการการลงทุนด้านอาหารสัตว์ ในมณฑลยูนนานของ
ซีพี ซึ่งได้ยกเอกกลยุทธ์การตลาดที่เป็นคัมภีร์การสร้างและขยายธุรกิจอาหารสัตว์ของซีพี
ในประเทศไทยไปใช้อย่างได้ผล
ชื่อซีพี หรืเจริญโภคภัณฑ์ ในประเทศจีนนั้น อาจไม่มีใครรู้จัก แต่หากบอกว่า
" เจิ้งต้า" แล้วเป้นที่แน่นอนว่าว่าเป็นชื่อที่ผ่านหู ผ่านตา
และเป็นที่จดจำของประชาชนชาวจีนไม่น้อย
กิจการของเจิ้งต้านั้นมีอยู่มากมาย แต่การลงทุนในในมืองใหญ่ทีการส่งเสริมการลงทุนนั้นยังไม่อาจหยิบยกขึ้นมาแสดงถึงศักยภาพความแข็งแกร่งกับคู่แข่งขันได้เต็มปากเต็มคำนัก
เพราะสภาพแวดล้อมที่เอื้อำนวย ทั้งในด้านโยบายรับและสภาพตลาดที่เปิดรออยู่แล้ว
การเปิดตลาดในเมือเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลและยากจนกลับเป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า
ยูนนานที่ถึงแม้จะเป็นเมืองเพิ่งจะเปิดมาเพียงไม่กี่ปี แต่ซีพีมองเห็นว่า
เป็นตลาดที่มีอนาคต ประกอบกับการมีบริษัทพี่น้องในประเทศจีนอย่างมากมาย อยู่แล้ว
ดังกล่าว ซีพี จึงได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาอยู่ในยูนนาน
ซีพี ได้เข้ามาลงทุน ตั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์และโรงงานฟักลูกไก่ ที่เมืองอันหนิง
ในเขตคุนหมิง ชื่อบริษัทคุนหมิง เจียไต๋ จำกัด หรือที่เรียกเป็นสำเนียงจีนกลางว่า
' เจิ้งต้า' โดยมีวิทิต สุคลธรรม กรรมการผุ้จัดการ ซึ่งเป็นชาวแต้จิ๋วที่แม้จะเกิดในเมืองไทย
แต่ได้ใช้ชีวิตส่วยใหญ่อยู่ในประเทศจีน เป็นผู้ที่เข้าใจและมีความรู้ในประเทศจีน
และคนจีนเป้นอย่างดี
" ตอนเข้ามาใหม่ ๆ จะขายสักถึงเดียว ยังยาก และเมื่อเราเริ่มผลิตใหม่
ๆ เราก็ขายได้เพียงประมาณ เดือนละ 600-100 ตันต่อปี แต่ตอนนี้ เราขายได้
เดือนละ 5,000 ตันและเริ่มจะมีกำไรแล้ว" วิทิต เล่าให้ 'ผู้จัดการ'
ฟัง และยังได้เปิดเผยว่า สาเหตุที่กล้าเข้ามาลงทุนในคุนหมิงเป็นกลุ่มแรกของบริษัทไทย
ก็เพราะมีบริษัทในเครือซีพี ที่เข้ามาลงทุนในจีน อยู่แล้วมากมาย เวลาดำเนินงานจริง
ๆ นั้นอาจต้องแข่งขันกัน แต่ยามที่ต้องการช่วยเหลือก็สามารถจะพึ่งพากันได้
ไม่เพียงแต่การมีวิทิตเท่านั้น ในทีมผู้บุกเบิกนั้น ยังมีโชติศักดิ์ พรสุภาพ
ปัจจุบันเป็นรองกรรมการผู้จัดการทั่วไป ซึ่งรับงานบุกเบิกโรงงานใหม่ มาตลอด
ตั้งแต่เริ่มเจรจาจนกระทั่งขายได้ยอดจำนวนหนึ่งตามที่ตั้งเป้าไว้ ก็จะเริ่มบุกเบิกที่ใหม่
พร้อมทีมบุกเบิกที่มีวิวัฒน์ ยอไทย เป็นผู้จัดการโรงงาน
" ในมณฑลนี้ เราต้องขยายต่ออีก เราคงไม่มีแค่โรงงานเดียวแต่จะต้องเพิ่มอย่างน้อย
2-3 โรงงาน เวลาในการขยายนั้นยังไม่กำหนด แต่คาดว่าจะขยายกิจการเพิ่มเติมได้ในอีก
ใน 3-5 ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของมณฑลยูนนาน
มณฑลยูนนาน มีพื้นที่กว้างขวางมากกว่า 3 แสน 9 หมื่น ตารางกิโลเมตร มีประชาชนกว่า
30 ล้านคน แต่สามารถผลิตอาหารสัตว์ได้เพียงปีละ 4 แสนตันเท่านั้น เมื่อเทียบกับพื้นที่และจำนวนประชากรแล้วนับว่ายังน้อยมาก
เพราะความต้องการอาหารสัตว์ของยูนนานทั้งมณฑลนั้น คาดการณ์กันว่าอยู่ในระดับปีละประมาณ
1 ล้าน ตัน ซึ่งนับว่ายังขาดแคลนอยู่อีกมาก
" พูดถึงประชากรที่นี่ เมื่อเทียบกับมณฑลอื่นก็นับว่า ยังยากจนอยู่สักหน่อย
แต่ในอนาคตนี่จะต้องดีขึ้น สังเกตได้จากระยะที่ผ่านมานี้ ยูนนาน มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจขึ้นมาก
ดูง่าย ๆ เมื่อ 10 ปีก่อน คนยูนนานกินไก่กันปีละ ไม่ถึงตัวต่อคน แต่อนาคต
อาจจะเป็นคนละตัว นอกจากนี้ธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการของยูนนานที่พัฒนาขึ้นมาในระยะ
10 ปีมานี้ อันนี้เองที่จะทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย"
กรรมการผู้จัดการของคุนหมิง เจียไต๋ พูดถึงข้อมูลพื้นฐานที่เป้นความมั่ใจของเจียไต๋
แต่อีกส่วนหนึ่งก้มาจากความมั่นใจในความสามารถในการเจาะตลาดของทีมงานนั่นเอง
พวกเขามั่นใจว่าตลาดยูนนานนั้นจะเป็นตลาดที่มีอนาคต ทั้งนี้เพราะผลผลิตของทางบริษัทที่เพิ่งจะเริ่มลงมือนั้น
จากเดิมที่เคยตั้งเป้าเอาไว้ว่า ตจะขาดทุนใน 3 ปี แรกแต่ปากกฎว่ายอดการจำหน่ายกลับเป็นไปได้ด้วยดี
และมีกำไรหลังจกาผลิตไปแค่ 2 ปีเท่านั้น
ในตอนแรกระหว่างที่เข้ามาเจรจาก่อนที่จะมีการเข้ามาตั้งโรงงาน ทางกลุ่มบุกเบิกได้เริ่มทดลองเปิดตลาดเอาไง้ก่อนโดยการนำอาหารสัตว์จากโรงงานจังใกล้เคียงกันเข้ามาวางตลาดเอาไว้กก่อนที่จะผลิตได้เอง
โดยในตอนแรก ๆ อาจจะยังไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากคนยังไม่ค่อยจะแน่ใจว่าจะใช้ได้ผลจริงหรือไม่
แต่ด้วยชื่อเสียงของ 'เจิ้งต้า' ที่ผุ้คนรู่จักกันมานาน นั่นเอง ก็มีผลทำให้บางคนได้ลองนำไปใช้
" คือเรามีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งที่ปักกิ่ง ชื่อรายการ ' เจิ้งต้าจงอี้'
เป็นรายการเกมส์โชว์ที่สรรหาสิ่งแปลกใหม่จากทั่วโลกมาให้ผู้ร่วมรายการทายกัน
รายการนั้น เป็นรายการที่อกอากาศทั่วประเทศและเป็นที่นิยมมาก และมีมายาวนานแล้ว
ซึ่งคิดว่าคนในประเทศจีนนั้นประมาณ 80 % รู้จักรายการนี้ และ ประมาณ 60%
ได้ดูรายการนี้ ตอนที่เราเอาสินค้าเข้ามาเขาก็ถามว่าใช่อันเดียวกันหรือเปล่า
พอรู้ว้าใช่ เขาก็สนใจ" วิวัฒน์ ผู้จัดการดรงงานให้ข้อมุลเพิ่มเติม
โชติศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการทั่วไปเปิดเผยถึงกลยุทธ์ที่นำมาใช้ในการเจาะตลาดยูนนานว่าหลักใหญ่ที่ใช้มี
3 ประการใหญ่ ด้วยกัน ได้แก่ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การจัดสัมมนา และสำคัญที่สุดคือคุณภาพอาหาร
" เราเน้นมากในเรื่องคุณภาพของอาหารสัตว์คือถ้าอาหารไม่ได้ตามมาตรฐานหรือไม่ได้สเปคเราจะเรียกกลับทันที
แต่ปัญหาอยูที่เราจะเราจะเริ่มต้นการให้เจาได้รู้จักสินค้าและยอมรับในตัวสินค้าของเราได้อย่างไร
ดังนั้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงเป้นเรื่องที่ทำเป็นอันดับแรก
ในการโฆษณานั้น ทางบรษัทได้วช้วิธีกรต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การโฆษราทางโทรทัศน์ซึ่งจัดว่าเป้นสื่อที่เข้าถึงประชาชนที่สุดในจีน
ดังนั้น ทงบริษัทได้ทุ่งมงบให้กับการโฆษณาทางโทรทัศน์มากกว่าสื่ออื่นๆ ทั้งหมด
" สำหรับในปี 94 นี้เรามีงบโฆษณา 600,000 หยวน หรือประมาณ 1,800,000
บาท เรานำมาใช้สำหรับโทรทัศน์อย่างเดียวประมาณ 240,000 หรือ 40% ของงบโฆษณาทั้งหมด"
โชติศักดิ์ กล่าว
การโฆษณาทางโทรทัศน์ นั้น มีทั้งโฆษณาโทรทัศน์ประจำมณฑลและโทรทัศน์ประจำหมู่บ้าน
เนื่องจากที่จีนนั้นแต่ละท้องถิ่นจะมีสถานีโทรทัศน์ของตัวเอง ดังนั้นการเข้าถึงโทรทัศน์หมู่บ้านจึงจะเป็นการเข้าถึงตัวผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ทั้งนี้วิทิต เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนนั้นยังไม่สตาร์ทีวี แค่โฆษณาในโทรทัศน์ของมณฑลก็เพียงพอแล้ว
เพราะตอนค่ำ ๆ ประชาชนส่วนใหญ่จะดูโทรทัศน์ประจำมณฑลกัน แต่ปัจจุบันมีรายการอื่น
ๆ เข้าไปมาก ผู้ขมก็จะหันไปดุรายการต่างประเทศกัน อย่างไรก็ตาม มีช่วงหนึ่งที่แต่ละหมู่บ้าน
จะดูรายการโทรทัศน์ประจำหมู่บ้านจึงทำให้การแพร่ภาพผ่านได้ผลดีมาก
กรรกมรรผู้จดัการคุนหมิง เจิ้งต้า เล่าให้ " ผู้จัดการ" ฟังว่า
มีโฆษณาอันหนึ่งที่คิดขึ้นมาเองที่นี่ แล้ปรากกฎว่าเป็นโฆษณาที่คนจำได้ดีมาก
ทั้งยังฮิตติดปาก ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ จนต่อมาบริษัทซีพี ของมณฑลอื่นก็ได้ขอนำไปใช้ด้วย
โฆษณาชิ้นนั้นเป็นโฆษณาที่วิทิตได้คิดขึ้นมาเอง เป็นโฆษณาอาหารสัตว์ โดยการนำเอา
หมู เป็น และไก่ จริง ๆ มาแต่งตัวผูกโบว์อยู่บนโต๊ะ ทำท่าแย่งกันกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
แล้วมีเสียงซึ่งใช้เสียงเด็กพูดว่า " พวกเราชอบกินอาหารเจิ้งต้าที่สุด"
เนื่องจากภาพมันออกมาแปลก ๆ ดีแล้ว เสียงมันก็น่ารัก ทำให้คนเขาจำง่าย
และทุกวันนี้ เวลาไปที่ไหน เสลาเขาเห็นอาหารสัตว์ของเรา หรือเขาเห็นชื่อของเจิ้งต้า
เขาก็จะพูดคำนี้กันขึ้นมา" วิทิต กล่าว
นอกจากภาพมันก็แปลก ๆ ดีแล้วเสียงมันก็น่ารัก ทำให้คนเขาจำง่าย และทุกวันนี้เวลาไปไหน
เวลาเขาเห็นอาหารสัตว์ของเรา หรือเขาเห็นชื่อของเจิ้นตา เขาก็จะพูดคำนี้กันขึ้นมา"
วิทิต กล่าว
นอกจากนี้ เขายังให้ความเห็นเกี่ยวกับโฆษณาโทรทัศน์ในจีนว่า เขาผู้ซื้อและผู้ทำโฆษณาไม่เข้าใจจิตวิทนยาในการโฆษณา
เพราะเวลาโฆษณาในโทรทัศน์ที่จีนนั้น ส่วนใหญ่จะมีชื่อและที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ซึ่งคงจะไม่มีใครจำได้
ในส่วนของคุนหมิง เจียไต๋ จะเน้นโลโกของบริษัทเพื่อให้ผู้ชมจดจำได้
การเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคของซี.พี นั้นไม่เพียงใช้วิธีการโฆษณาทางโทรทัศน์เท่านั้น
ยังมีการใช้พวกเสียงตามสายของหมู่บ้าน จัดรถโฆษณา หรือแจกแผ่นปลิวหรือภาพคัทเอาท์ตามที่ต่าง
ๆ ก็เป็นวิธีที่ซีพี ได้นำมาใช้ ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเป็นกรโฆษณาที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคได้โดยตรง
แต่ยังเป็นวิธีที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากนัก
ทั้งนี้แม้ว่าทางซีพี นั้นจะทุ่มเททางโฆษณามากมายหลายวิธี และประสบความสำเร็จมากทีเดียว
ในการลุยตลาดยูนนาน แต่มาดูถึงเรื่องงบประมาณ แล้วกลับใช้ไปไม่มากนัก เพราะเป็นเพียง3.3%
ของค่าใช้จ่ายโดยรวมเท่านั้น
ปัจจุบันการผลิตอาหารสัตว์ในมณฑลยูนนาน นั้นโรงงานคุนหมิง เจิ้งต้า เป็นโรงงานที่ใหญ่
ทันสมัยและมีกำลังการผลิตสูงสุด กล่าวคือหากสามารถผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้วจะได้ถึง
1.8 แสนตันต่อปี แต่ขณะนี้สามารถผลิตได้ 6 หมื่นปี หรือประมาณ 33% ของกำลังการผลิตรวม
และในปีหน้า จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 8 หมื่นตัน และคาดว่าจะผลิตเต็มกำลังภายในปี
1995
ส่วนโรงงานผลิตอาหารสัตว์อื่น ๆ ในยูนนาน นั้นมีมากมายแต่ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานผลิตขนาดเล็ก
ของกลุ่มเกษตรกรเอง จะมีโรงงานที่มีกำลังการผลิตขนาดเล็กของกลุ่มเกษตรกรเอง
จะมีโรงงานที่มีกำลังการผลิตมากกว่าหมื่นตันต่อปี เพียง 5-6 แห่งเท่านั้น
วิทิตได้กล่าวถึงสาเหตุของการที่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ใช้อาหารสัตว์ถึงแม้ว่าจะมีความต้องการมากถึง
1 ล้านตัน ว่า มีมีเหตุผลอยู่ 3 ประการ ด้วยกัน คือความไม่รู้ ไม่มีเงิน
และการคมนาคม ที่ไม่สะดวก
" อย่างบางที ชาวนาเขาก็มีเงินจะไปซื้ออาหารสัตว์ แต่จะไปซื้อที่ไหน
ไปอย่างไร ก็ไม่รู้เราต้องไปให้ความรู้แก่เขาและเราก็ต้องค่อย ๆ เปิดตลาดออกไป"
และนี่ก็เป็นส่วนทำให้วิทิตมั่นใจว่า จะต้องมีการขยายโรงงานออกไปอีกเพื่อให้เข้าถึงตลาดท้องถิ่น
ขณะที่การลงทุนส่วนใหญ่นักลงทุนเห็นว่าเรื่องความไม่สะดวกในเรื่องการคมนาคม
นั้นเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน แต่เขาคิดว่า เป็นเพราะการขนส่งที่ไม่สะดวกนี่เองจึงเป็นเหตุให้ต้องขยายโรงงานออกไปอีก
อย่างไรก็ตามยังมีวิธีที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของซีพี อีกประการหนึ่ง ที่ทำให้ลูกค้าได้ใช้สินค้ากันจริง
ๆ คือ กรจัดสัมมนาอบรมความรู้ทางด้านวิชาการแก่บรรดาผู้เลี้ยงหมูเป็ด ไก่
ทั้งหลาย และได้ให้อาหารสัตว์ไปทดลองใช้แล้วเปรียวเทียบกับการใช้อากาหารชนิดอื่น
ๆ ที่เคยใช้อยู่ และมีการให้เครดิตอาหารสัตว์แก่กลุ่มผุ้เลี้ยง
เก่าที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ด้วยอาหารสัตว์เจิ้งต้าด้วย
การนำอาหารสัตว์ไปเลี้ยงสัตว์พื้นเมืองก็อาจไม่ได้ผลดีนัก เพราะฉะนั้น
เจิ้งต้าจึงพยายามชักชวนให้ผู้เลี้ยงหันมาซื้อลูกเป็ด ลูกไก่จากโรงงาน ของตนไปเลี้ยง
เพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบกับความเจริญเติบโตของเป็ดไก่พันธ์พื้นบ้านที่เลี้ยงกันมาแต่ดั้งเดิม
เป็นการตลาดที่เปรียบเสมือนยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คือขายอาหารสัตว์ได้แล้ว
ต่อไปในระยะยาวยังสร้างตลาดขึ้นมารองรับลูกเป็ด ลูกไก่จากโรงงานตนได้ด้วย
ว่าไปแล้วนี่คือกลยุทธ์เก่าแก่ของซีพี ที่ใช้ได้ผลมาแล้วกับธุรกิจอาหารสัตว์ในประเทศไทย
" วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลมากทีเดียว เพระาเมื่อเขาได้ลองใช้แล้ว
ปรากฏว่า หลังจากที่เขาเริ่มที่จะมาใช้ของเรา แม้ว่าราคาอาหารของเราราคาแพงกว่านิดหน่อย
แต่ก็ให้ผลที่เขาคิดว่าคุ้มค่ากว่า" โชติศักดิกล่าว
ราคาอาหารสัตว์ที่เจิ้งต้าจำหน่ายนั้นตกประมาณ 2.4 และ 2.1 หยวนต่อกิโลกรัมส่วนของท้องถิ่นประมาณ
1.8 หยวนต่อกิโลกรัม
กลยุทธ์ ในการจำหน่ายนอกจากากรโฆษณา ประชาสัมพันธ์แล้ว ซีพี ยังมีวิธีที่จะสามารถขายลูกไก่ไปพร้อมๆ
กับ กับการขายอาหารสัตว์ไปด้วย กล่าวคือทางบริษัทจะส่งลูกไก่ออกไปก่อน แล้วต่อจากนั้นก็ไปอบรมให้ความรู้ในวิธีการเลี้ยงสัตว์หลังจากนั้นก็ส่งอาหารสัตว์ตามไปเพื่อเป็นการยืนยันว่าวิธีที่ได้นำมาแนะนำนั้นใช้ได้ผลจริง
" ตอนนี้เราได้ส่งลูกไก่ไปยังมณฑลต่าง ๆ บ้างแล้ว เช่น ซีอาน ซานซี
หลานโจว กุ้ยโจว เสฉวน และไหหลำ แล้วต่อไปเราจะส่งอาหารตามไป"
อย่างไรก็ตาม ในการเจาะตลาดลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าราคาถูก ปะรกอบกับถ้าไม่ต้องการสร้างคู่แข่งระดับท้องถิ่นที่ทำอาชีพนี้อยู่เดิม
ทางซีพีก็ใช้วิธีการขายหัวอาหารให้กับโรงงานในท้องถิ่นนำไปผสมกับวัตถุดิบอื่น
ๆ ซึ่งแม้จะยังลงไปไม่ถึงตัว ผู้ใช้โดยตรง แต่ก็สามารถยึดตลาดที่เป็นโรงงานผสมอาหารสัตว์ไว้ได้
และด้วยวิธีการเหล่านี้ เองที่ทำให้ซีพี นั้นแม้จะเข้ามาใน ยูนนาน เมืองที่ประชากรยอกจน
การคมนาคมไม่สะดวก แต่เวลาเพียง 3 ปี ของการเข้ามานั้น ' คุนหมิง เจิ้งต้า'
กลับมีกำไรแล้ว
แต่ใช่ว่าทุกสิ่งจะราบรื่นและสะดวกไปเสียทุกขั้นตอน การลงทุนซีพี ก็เช่นกัน
ที่มีปัญหาหลาย ๆ อย่าง ซึ่งต้องแก้ไขกันไป เรื่อย ๆ ปัญหาหนึ่ง ที่เกิดขึ้นเป็นประจำและกระทบต่อการผลิตและการตลาดพอสมควร
ก็คือ ปัญหาเรื่องวัตถดิบที่มีราคาแพงขึ้นและบางครั้งก็ขาดตลาดด้วย
" ปีนี้ราคาข้าวโพดเพิ่มขึ้นมาก จากเดิมเมื่อตอนต้นปีราคารวมค่าขนส่งตกตันละ
800 หยวน ( 2,400 บาท) แต่มาถึงตอนนี้ ราคาเพิ่มขึ้นมาถึง 1,250 หยวน ต่อตัน(
3,750 บาท) คิดแล้วตกกิโลกรัมละ 3.7 บาท ซึ่งแพงเท่า ๆ กับราคาในเมืองไทย
เรียกว่าเข้าขั้นผิดปกติแล้ว" กรรมการผู้จัดการคุนหมิง เจิ้งต้า กล่าว
กับ " ผุ้จัดการ"
ปัญหาเรื่องข้าวโพดแพงและขาดตลาดนั้น วิทิตได้เล่าให้ฟังว่าเกิดเนื่องจาก
รัฐบาลได้ทำการประกันราคาข้าวโพดว่าให้ราคารับซื้อจากชาวนาอย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่าตันละ
800 หยวน เลยทำให้ราคาสูง นอกจากนั้น แหล่งผลิตข้าวโพดทางภาคอิสานของจีนซึ่งเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดได้เน้นไปทำการส่งออกให้กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
จึงทำให้ข้าวโพดในประเทศไม่เพียงพอ
ทางแก้ของปัญหาเรื่องข้าวโพดขาดแคลนนี้โรงงานอื่น ๆ ที่อยู่ทางชายฝั่งได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยการนำเข้าจากอเมริกา
แต่สำหรับในยูนนาน นั้นไม่ได้ทำ เพราะอยุ่ห่างไกลจากชายฝั่งทะเล
อย่างไรก็ตาม ทางโรงงานนั้นก็ก็มีความหวังว่าในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า
สถานการณ์คงจะดีขึ้น เพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต และนอกจากนั้น รัฐบาลก็มีนโยบายห้ามส่งออกข้าวโพดบ้างเป็นระยะ
ๆ ไป ทั้งยังแก้ปัญหาให้กับชาวนาที่จะไม่ต้องซื้ออาหารสัตว์ในราคาแพงเกินไป
จึงได้ออกประกาศว่า จะไม่เก็บภาษีจากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์
ในส่วนของซีพี เองนั้น ในช่วงนี้การแก้ไขปัญหา อาจทำไม่ได้เต็มที่เพราะปัจจุบันนี้ยังต้องซื้อข้าวโพดจากแหล่งผลิตทางภาคอีสานของจีนเช่นกัน
จึงเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้อพบกับปัญหาความขาดแคลน และราคาที่สูงขึ้นในบางช่วงและความที่ระยะทางจากแหล่งวัตถุดิบถึงที่ตั้งโรงงาน
ยาวไกลถึง 5,000 กิโลเมตร บางครั้งต้องประสบปัญหาวัตถุดิบเสียหายไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตามทางซีพี นั้นก็ได้เตรียมการแก้ปัญหาในระยะยาวเอาไว้โดยการใช้ฝ่ายส่งเสริมการเกษตรเข้ามาทำการวิจัย
และรณรงค์ให้มีการปลูกข้าวโพดเพื่อนำมาผลิตอาหารสัตว์ ในตอนแรกนั้นได้ทำการสำรวจในมณฑลยูนนานแต่ปรากฏว่าทำไม่ได้
ทั้งนี้เพราะทางมณฑลยูนนานมี ชื่อเสียงมากในเรื่องยาสูบ ทางรัฐบาลส่งเสริมการปลูกยาสูบมากว่าเพราะสามารถทำรายได้ให้เกษตรกรรมมากกว่าการปลูกข้าวโพด
ทางซีพี ก็ไม่อับจนหนทางเพราะขณะนี้ได้มีทีมจากฝ่ายส่งเสริมการเกษตรได้เข้าไปทำการสำรวจ
เพื่อทำการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดในมณฑลยนนานแล้วปรากฏว่าสามารถทำได้ ซึ่งทางคุนหมิง
เจิ้งต้า คาดว่าเมือที่เสฉวนพัฒนาขึ้นมาแล้ว ก็คงจะซื้อจากเสฉวนเพราะระยะทางใกล้กว่ามาก
และปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบก็คงจะลดลง
นอกจากปัญหาเรื่องการผลิตแล้ว ในเรื่องของการลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมืองที่เพิ่งจะเปิดอย่างมณฑลยูนนานนั้น
เรื่องกฎระเบียบและการทำความเข้าใจกันในเรื่องของการลงทุนและร่วมทุนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเผชิญ
ในฐานะของผู้ที่เข้ามาคลุกคลีอยู่ในประเทศจีนเป็นเวลานาน วิทิตได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า
รัฐบาลจีนนั้นส่งเสริมเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศขึ้นมา แต่ผู้ที่มีอำนาจในการปฏิบัติคือ
รัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งผู้นำในแต่ละที่ก็มีวิธีคิดที่แตกต่างกัน อาจจะเห็นหรือไม่เห็นด้วยกับนโยบายเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศของรัฐบาลกลางที่กรุงปักกิ่ง
" การลงทุนในยูนนานนี้ ผมคิดว่าที่สำคัญคือต้องคัดเลือกผู้ร่วมทุนให้ถูกต้อง
ถ้าใครคัดเลือกคนที่มีความคิดสอดคล้องกับรัฐบาลให้เข้ามาร่วมกันได้ก็จะทำให้การดำเนินงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว"