Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2537
คุนหมิง เจิ้งต้าสูตรสำเร็จของซีพี             
 


   
www resources

โฮมเพจ เครือเจริญโภคภัณฑ์

   
search resources

เครือเจริญโภคภัณฑ์
คุนหมิง เจิ้งต้า
Investment
Agriculture




เครือซีพี เป็นกลุ่มทุนที่ติดอันดับต้นไป ในบรรดานักลงทุนต่างชาติ ที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีน คุนหมิง เจิ้งต้า คือหนึ่งในโครงการการลงทุนด้านอาหารสัตว์ ในมณฑลยูนนานของ ซีพี ซึ่งได้ยกเอกกลยุทธ์การตลาดที่เป็นคัมภีร์การสร้างและขยายธุรกิจอาหารสัตว์ของซีพี ในประเทศไทยไปใช้อย่างได้ผล

ชื่อซีพี หรืเจริญโภคภัณฑ์ ในประเทศจีนนั้น อาจไม่มีใครรู้จัก แต่หากบอกว่า " เจิ้งต้า" แล้วเป้นที่แน่นอนว่าว่าเป็นชื่อที่ผ่านหู ผ่านตา และเป็นที่จดจำของประชาชนชาวจีนไม่น้อย

กิจการของเจิ้งต้านั้นมีอยู่มากมาย แต่การลงทุนในในมืองใหญ่ทีการส่งเสริมการลงทุนนั้นยังไม่อาจหยิบยกขึ้นมาแสดงถึงศักยภาพความแข็งแกร่งกับคู่แข่งขันได้เต็มปากเต็มคำนัก เพราะสภาพแวดล้อมที่เอื้อำนวย ทั้งในด้านโยบายรับและสภาพตลาดที่เปิดรออยู่แล้ว

การเปิดตลาดในเมือเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลและยากจนกลับเป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า ยูนนานที่ถึงแม้จะเป็นเมืองเพิ่งจะเปิดมาเพียงไม่กี่ปี แต่ซีพีมองเห็นว่า เป็นตลาดที่มีอนาคต ประกอบกับการมีบริษัทพี่น้องในประเทศจีนอย่างมากมาย อยู่แล้ว ดังกล่าว ซีพี จึงได้ตัดสินใจที่จะเข้ามาอยู่ในยูนนาน

ซีพี ได้เข้ามาลงทุน ตั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์และโรงงานฟักลูกไก่ ที่เมืองอันหนิง ในเขตคุนหมิง ชื่อบริษัทคุนหมิง เจียไต๋ จำกัด หรือที่เรียกเป็นสำเนียงจีนกลางว่า ' เจิ้งต้า' โดยมีวิทิต สุคลธรรม กรรมการผุ้จัดการ ซึ่งเป็นชาวแต้จิ๋วที่แม้จะเกิดในเมืองไทย แต่ได้ใช้ชีวิตส่วยใหญ่อยู่ในประเทศจีน เป็นผู้ที่เข้าใจและมีความรู้ในประเทศจีน และคนจีนเป้นอย่างดี

" ตอนเข้ามาใหม่ ๆ จะขายสักถึงเดียว ยังยาก และเมื่อเราเริ่มผลิตใหม่ ๆ เราก็ขายได้เพียงประมาณ เดือนละ 600-100 ตันต่อปี แต่ตอนนี้ เราขายได้ เดือนละ 5,000 ตันและเริ่มจะมีกำไรแล้ว" วิทิต เล่าให้ 'ผู้จัดการ' ฟัง และยังได้เปิดเผยว่า สาเหตุที่กล้าเข้ามาลงทุนในคุนหมิงเป็นกลุ่มแรกของบริษัทไทย ก็เพราะมีบริษัทในเครือซีพี ที่เข้ามาลงทุนในจีน อยู่แล้วมากมาย เวลาดำเนินงานจริง ๆ นั้นอาจต้องแข่งขันกัน แต่ยามที่ต้องการช่วยเหลือก็สามารถจะพึ่งพากันได้

ไม่เพียงแต่การมีวิทิตเท่านั้น ในทีมผู้บุกเบิกนั้น ยังมีโชติศักดิ์ พรสุภาพ ปัจจุบันเป็นรองกรรมการผู้จัดการทั่วไป ซึ่งรับงานบุกเบิกโรงงานใหม่ มาตลอด ตั้งแต่เริ่มเจรจาจนกระทั่งขายได้ยอดจำนวนหนึ่งตามที่ตั้งเป้าไว้ ก็จะเริ่มบุกเบิกที่ใหม่ พร้อมทีมบุกเบิกที่มีวิวัฒน์ ยอไทย เป็นผู้จัดการโรงงาน

" ในมณฑลนี้ เราต้องขยายต่ออีก เราคงไม่มีแค่โรงงานเดียวแต่จะต้องเพิ่มอย่างน้อย 2-3 โรงงาน เวลาในการขยายนั้นยังไม่กำหนด แต่คาดว่าจะขยายกิจการเพิ่มเติมได้ในอีก ใน 3-5 ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของมณฑลยูนนาน

มณฑลยูนนาน มีพื้นที่กว้างขวางมากกว่า 3 แสน 9 หมื่น ตารางกิโลเมตร มีประชาชนกว่า 30 ล้านคน แต่สามารถผลิตอาหารสัตว์ได้เพียงปีละ 4 แสนตันเท่านั้น เมื่อเทียบกับพื้นที่และจำนวนประชากรแล้วนับว่ายังน้อยมาก เพราะความต้องการอาหารสัตว์ของยูนนานทั้งมณฑลนั้น คาดการณ์กันว่าอยู่ในระดับปีละประมาณ 1 ล้าน ตัน ซึ่งนับว่ายังขาดแคลนอยู่อีกมาก

" พูดถึงประชากรที่นี่ เมื่อเทียบกับมณฑลอื่นก็นับว่า ยังยากจนอยู่สักหน่อย แต่ในอนาคตนี่จะต้องดีขึ้น สังเกตได้จากระยะที่ผ่านมานี้ ยูนนาน มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจขึ้นมาก ดูง่าย ๆ เมื่อ 10 ปีก่อน คนยูนนานกินไก่กันปีละ ไม่ถึงตัวต่อคน แต่อนาคต อาจจะเป็นคนละตัว นอกจากนี้ธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการของยูนนานที่พัฒนาขึ้นมาในระยะ 10 ปีมานี้ อันนี้เองที่จะทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย" กรรมการผู้จัดการของคุนหมิง เจียไต๋ พูดถึงข้อมูลพื้นฐานที่เป้นความมั่ใจของเจียไต๋

แต่อีกส่วนหนึ่งก้มาจากความมั่นใจในความสามารถในการเจาะตลาดของทีมงานนั่นเอง พวกเขามั่นใจว่าตลาดยูนนานนั้นจะเป็นตลาดที่มีอนาคต ทั้งนี้เพราะผลผลิตของทางบริษัทที่เพิ่งจะเริ่มลงมือนั้น จากเดิมที่เคยตั้งเป้าเอาไว้ว่า ตจะขาดทุนใน 3 ปี แรกแต่ปากกฎว่ายอดการจำหน่ายกลับเป็นไปได้ด้วยดี และมีกำไรหลังจกาผลิตไปแค่ 2 ปีเท่านั้น

ในตอนแรกระหว่างที่เข้ามาเจรจาก่อนที่จะมีการเข้ามาตั้งโรงงาน ทางกลุ่มบุกเบิกได้เริ่มทดลองเปิดตลาดเอาไง้ก่อนโดยการนำอาหารสัตว์จากโรงงานจังใกล้เคียงกันเข้ามาวางตลาดเอาไว้กก่อนที่จะผลิตได้เอง โดยในตอนแรก ๆ อาจจะยังไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากคนยังไม่ค่อยจะแน่ใจว่าจะใช้ได้ผลจริงหรือไม่ แต่ด้วยชื่อเสียงของ 'เจิ้งต้า' ที่ผุ้คนรู่จักกันมานาน นั่นเอง ก็มีผลทำให้บางคนได้ลองนำไปใช้

" คือเรามีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งที่ปักกิ่ง ชื่อรายการ ' เจิ้งต้าจงอี้' เป็นรายการเกมส์โชว์ที่สรรหาสิ่งแปลกใหม่จากทั่วโลกมาให้ผู้ร่วมรายการทายกัน รายการนั้น เป็นรายการที่อกอากาศทั่วประเทศและเป็นที่นิยมมาก และมีมายาวนานแล้ว ซึ่งคิดว่าคนในประเทศจีนนั้นประมาณ 80 % รู้จักรายการนี้ และ ประมาณ 60% ได้ดูรายการนี้ ตอนที่เราเอาสินค้าเข้ามาเขาก็ถามว่าใช่อันเดียวกันหรือเปล่า พอรู้ว้าใช่ เขาก็สนใจ" วิวัฒน์ ผู้จัดการดรงงานให้ข้อมุลเพิ่มเติม

โชติศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการทั่วไปเปิดเผยถึงกลยุทธ์ที่นำมาใช้ในการเจาะตลาดยูนนานว่าหลักใหญ่ที่ใช้มี 3 ประการใหญ่ ด้วยกัน ได้แก่ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การจัดสัมมนา และสำคัญที่สุดคือคุณภาพอาหาร

" เราเน้นมากในเรื่องคุณภาพของอาหารสัตว์คือถ้าอาหารไม่ได้ตามมาตรฐานหรือไม่ได้สเปคเราจะเรียกกลับทันที แต่ปัญหาอยูที่เราจะเราจะเริ่มต้นการให้เจาได้รู้จักสินค้าและยอมรับในตัวสินค้าของเราได้อย่างไร ดังนั้นการโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงเป้นเรื่องที่ทำเป็นอันดับแรก

ในการโฆษณานั้น ทางบรษัทได้วช้วิธีกรต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่การโฆษราทางโทรทัศน์ซึ่งจัดว่าเป้นสื่อที่เข้าถึงประชาชนที่สุดในจีน ดังนั้น ทงบริษัทได้ทุ่งมงบให้กับการโฆษณาทางโทรทัศน์มากกว่าสื่ออื่นๆ ทั้งหมด

" สำหรับในปี 94 นี้เรามีงบโฆษณา 600,000 หยวน หรือประมาณ 1,800,000 บาท เรานำมาใช้สำหรับโทรทัศน์อย่างเดียวประมาณ 240,000 หรือ 40% ของงบโฆษณาทั้งหมด" โชติศักดิ์ กล่าว

การโฆษณาทางโทรทัศน์ นั้น มีทั้งโฆษณาโทรทัศน์ประจำมณฑลและโทรทัศน์ประจำหมู่บ้าน เนื่องจากที่จีนนั้นแต่ละท้องถิ่นจะมีสถานีโทรทัศน์ของตัวเอง ดังนั้นการเข้าถึงโทรทัศน์หมู่บ้านจึงจะเป็นการเข้าถึงตัวผู้บริโภคอย่างแท้จริง ทั้งนี้วิทิต เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนนั้นยังไม่สตาร์ทีวี แค่โฆษณาในโทรทัศน์ของมณฑลก็เพียงพอแล้ว เพราะตอนค่ำ ๆ ประชาชนส่วนใหญ่จะดูโทรทัศน์ประจำมณฑลกัน แต่ปัจจุบันมีรายการอื่น ๆ เข้าไปมาก ผู้ขมก็จะหันไปดุรายการต่างประเทศกัน อย่างไรก็ตาม มีช่วงหนึ่งที่แต่ละหมู่บ้าน จะดูรายการโทรทัศน์ประจำหมู่บ้านจึงทำให้การแพร่ภาพผ่านได้ผลดีมาก

กรรกมรรผู้จดัการคุนหมิง เจิ้งต้า เล่าให้ " ผู้จัดการ" ฟังว่า มีโฆษณาอันหนึ่งที่คิดขึ้นมาเองที่นี่ แล้ปรากกฎว่าเป็นโฆษณาที่คนจำได้ดีมาก ทั้งยังฮิตติดปาก ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ จนต่อมาบริษัทซีพี ของมณฑลอื่นก็ได้ขอนำไปใช้ด้วย โฆษณาชิ้นนั้นเป็นโฆษณาที่วิทิตได้คิดขึ้นมาเอง เป็นโฆษณาอาหารสัตว์ โดยการนำเอา หมู เป็น และไก่ จริง ๆ มาแต่งตัวผูกโบว์อยู่บนโต๊ะ ทำท่าแย่งกันกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย แล้วมีเสียงซึ่งใช้เสียงเด็กพูดว่า " พวกเราชอบกินอาหารเจิ้งต้าที่สุด"

เนื่องจากภาพมันออกมาแปลก ๆ ดีแล้ว เสียงมันก็น่ารัก ทำให้คนเขาจำง่าย และทุกวันนี้ เวลาไปที่ไหน เสลาเขาเห็นอาหารสัตว์ของเรา หรือเขาเห็นชื่อของเจิ้งต้า เขาก็จะพูดคำนี้กันขึ้นมา" วิทิต กล่าว

นอกจากภาพมันก็แปลก ๆ ดีแล้วเสียงมันก็น่ารัก ทำให้คนเขาจำง่าย และทุกวันนี้เวลาไปไหน เวลาเขาเห็นอาหารสัตว์ของเรา หรือเขาเห็นชื่อของเจิ้นตา เขาก็จะพูดคำนี้กันขึ้นมา" วิทิต กล่าว

นอกจากนี้ เขายังให้ความเห็นเกี่ยวกับโฆษณาโทรทัศน์ในจีนว่า เขาผู้ซื้อและผู้ทำโฆษณาไม่เข้าใจจิตวิทนยาในการโฆษณา เพราะเวลาโฆษณาในโทรทัศน์ที่จีนนั้น ส่วนใหญ่จะมีชื่อและที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ซึ่งคงจะไม่มีใครจำได้ ในส่วนของคุนหมิง เจียไต๋ จะเน้นโลโกของบริษัทเพื่อให้ผู้ชมจดจำได้

การเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคของซี.พี นั้นไม่เพียงใช้วิธีการโฆษณาทางโทรทัศน์เท่านั้น ยังมีการใช้พวกเสียงตามสายของหมู่บ้าน จัดรถโฆษณา หรือแจกแผ่นปลิวหรือภาพคัทเอาท์ตามที่ต่าง ๆ ก็เป็นวิธีที่ซีพี ได้นำมาใช้ ซึ่งวิธีเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะเป็นกรโฆษณาที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคได้โดยตรง แต่ยังเป็นวิธีที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากนัก

ทั้งนี้แม้ว่าทางซีพี นั้นจะทุ่มเททางโฆษณามากมายหลายวิธี และประสบความสำเร็จมากทีเดียว ในการลุยตลาดยูนนาน แต่มาดูถึงเรื่องงบประมาณ แล้วกลับใช้ไปไม่มากนัก เพราะเป็นเพียง3.3% ของค่าใช้จ่ายโดยรวมเท่านั้น

ปัจจุบันการผลิตอาหารสัตว์ในมณฑลยูนนาน นั้นโรงงานคุนหมิง เจิ้งต้า เป็นโรงงานที่ใหญ่ ทันสมัยและมีกำลังการผลิตสูงสุด กล่าวคือหากสามารถผลิตเต็มกำลังการผลิตแล้วจะได้ถึง 1.8 แสนตันต่อปี แต่ขณะนี้สามารถผลิตได้ 6 หมื่นปี หรือประมาณ 33% ของกำลังการผลิตรวม และในปีหน้า จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 8 หมื่นตัน และคาดว่าจะผลิตเต็มกำลังภายในปี 1995

ส่วนโรงงานผลิตอาหารสัตว์อื่น ๆ ในยูนนาน นั้นมีมากมายแต่ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานผลิตขนาดเล็ก
ของกลุ่มเกษตรกรเอง จะมีโรงงานที่มีกำลังการผลิตขนาดเล็กของกลุ่มเกษตรกรเอง จะมีโรงงานที่มีกำลังการผลิตมากกว่าหมื่นตันต่อปี เพียง 5-6 แห่งเท่านั้น

วิทิตได้กล่าวถึงสาเหตุของการที่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ใช้อาหารสัตว์ถึงแม้ว่าจะมีความต้องการมากถึง 1 ล้านตัน ว่า มีมีเหตุผลอยู่ 3 ประการ ด้วยกัน คือความไม่รู้ ไม่มีเงิน และการคมนาคม ที่ไม่สะดวก

" อย่างบางที ชาวนาเขาก็มีเงินจะไปซื้ออาหารสัตว์ แต่จะไปซื้อที่ไหน ไปอย่างไร ก็ไม่รู้เราต้องไปให้ความรู้แก่เขาและเราก็ต้องค่อย ๆ เปิดตลาดออกไป"

และนี่ก็เป็นส่วนทำให้วิทิตมั่นใจว่า จะต้องมีการขยายโรงงานออกไปอีกเพื่อให้เข้าถึงตลาดท้องถิ่น ขณะที่การลงทุนส่วนใหญ่นักลงทุนเห็นว่าเรื่องความไม่สะดวกในเรื่องการคมนาคม นั้นเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน แต่เขาคิดว่า เป็นเพราะการขนส่งที่ไม่สะดวกนี่เองจึงเป็นเหตุให้ต้องขยายโรงงานออกไปอีก

อย่างไรก็ตามยังมีวิธีที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของซีพี อีกประการหนึ่ง ที่ทำให้ลูกค้าได้ใช้สินค้ากันจริง ๆ คือ กรจัดสัมมนาอบรมความรู้ทางด้านวิชาการแก่บรรดาผู้เลี้ยงหมูเป็ด ไก่ ทั้งหลาย และได้ให้อาหารสัตว์ไปทดลองใช้แล้วเปรียวเทียบกับการใช้อากาหารชนิดอื่น ๆ ที่เคยใช้อยู่ และมีการให้เครดิตอาหารสัตว์แก่กลุ่มผุ้เลี้ยง
เก่าที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ด้วยอาหารสัตว์เจิ้งต้าด้วย

การนำอาหารสัตว์ไปเลี้ยงสัตว์พื้นเมืองก็อาจไม่ได้ผลดีนัก เพราะฉะนั้น เจิ้งต้าจึงพยายามชักชวนให้ผู้เลี้ยงหันมาซื้อลูกเป็ด ลูกไก่จากโรงงาน ของตนไปเลี้ยง เพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบกับความเจริญเติบโตของเป็ดไก่พันธ์พื้นบ้านที่เลี้ยงกันมาแต่ดั้งเดิม

เป็นการตลาดที่เปรียบเสมือนยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คือขายอาหารสัตว์ได้แล้ว ต่อไปในระยะยาวยังสร้างตลาดขึ้นมารองรับลูกเป็ด ลูกไก่จากโรงงานตนได้ด้วย

ว่าไปแล้วนี่คือกลยุทธ์เก่าแก่ของซีพี ที่ใช้ได้ผลมาแล้วกับธุรกิจอาหารสัตว์ในประเทศไทย

" วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลมากทีเดียว เพระาเมื่อเขาได้ลองใช้แล้ว ปรากฏว่า หลังจากที่เขาเริ่มที่จะมาใช้ของเรา แม้ว่าราคาอาหารของเราราคาแพงกว่านิดหน่อย แต่ก็ให้ผลที่เขาคิดว่าคุ้มค่ากว่า" โชติศักดิกล่าว

ราคาอาหารสัตว์ที่เจิ้งต้าจำหน่ายนั้นตกประมาณ 2.4 และ 2.1 หยวนต่อกิโลกรัมส่วนของท้องถิ่นประมาณ 1.8 หยวนต่อกิโลกรัม

กลยุทธ์ ในการจำหน่ายนอกจากากรโฆษณา ประชาสัมพันธ์แล้ว ซีพี ยังมีวิธีที่จะสามารถขายลูกไก่ไปพร้อมๆ กับ กับการขายอาหารสัตว์ไปด้วย กล่าวคือทางบริษัทจะส่งลูกไก่ออกไปก่อน แล้วต่อจากนั้นก็ไปอบรมให้ความรู้ในวิธีการเลี้ยงสัตว์หลังจากนั้นก็ส่งอาหารสัตว์ตามไปเพื่อเป็นการยืนยันว่าวิธีที่ได้นำมาแนะนำนั้นใช้ได้ผลจริง

" ตอนนี้เราได้ส่งลูกไก่ไปยังมณฑลต่าง ๆ บ้างแล้ว เช่น ซีอาน ซานซี หลานโจว กุ้ยโจว เสฉวน และไหหลำ แล้วต่อไปเราจะส่งอาหารตามไป"

อย่างไรก็ตาม ในการเจาะตลาดลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าราคาถูก ปะรกอบกับถ้าไม่ต้องการสร้างคู่แข่งระดับท้องถิ่นที่ทำอาชีพนี้อยู่เดิม ทางซีพีก็ใช้วิธีการขายหัวอาหารให้กับโรงงานในท้องถิ่นนำไปผสมกับวัตถุดิบอื่น ๆ ซึ่งแม้จะยังลงไปไม่ถึงตัว ผู้ใช้โดยตรง แต่ก็สามารถยึดตลาดที่เป็นโรงงานผสมอาหารสัตว์ไว้ได้

และด้วยวิธีการเหล่านี้ เองที่ทำให้ซีพี นั้นแม้จะเข้ามาใน ยูนนาน เมืองที่ประชากรยอกจน การคมนาคมไม่สะดวก แต่เวลาเพียง 3 ปี ของการเข้ามานั้น ' คุนหมิง เจิ้งต้า' กลับมีกำไรแล้ว

แต่ใช่ว่าทุกสิ่งจะราบรื่นและสะดวกไปเสียทุกขั้นตอน การลงทุนซีพี ก็เช่นกัน ที่มีปัญหาหลาย ๆ อย่าง ซึ่งต้องแก้ไขกันไป เรื่อย ๆ ปัญหาหนึ่ง ที่เกิดขึ้นเป็นประจำและกระทบต่อการผลิตและการตลาดพอสมควร ก็คือ ปัญหาเรื่องวัตถดิบที่มีราคาแพงขึ้นและบางครั้งก็ขาดตลาดด้วย

" ปีนี้ราคาข้าวโพดเพิ่มขึ้นมาก จากเดิมเมื่อตอนต้นปีราคารวมค่าขนส่งตกตันละ 800 หยวน ( 2,400 บาท) แต่มาถึงตอนนี้ ราคาเพิ่มขึ้นมาถึง 1,250 หยวน ต่อตัน( 3,750 บาท) คิดแล้วตกกิโลกรัมละ 3.7 บาท ซึ่งแพงเท่า ๆ กับราคาในเมืองไทย เรียกว่าเข้าขั้นผิดปกติแล้ว" กรรมการผู้จัดการคุนหมิง เจิ้งต้า กล่าว กับ " ผุ้จัดการ"

ปัญหาเรื่องข้าวโพดแพงและขาดตลาดนั้น วิทิตได้เล่าให้ฟังว่าเกิดเนื่องจาก รัฐบาลได้ทำการประกันราคาข้าวโพดว่าให้ราคารับซื้อจากชาวนาอย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่าตันละ 800 หยวน เลยทำให้ราคาสูง นอกจากนั้น แหล่งผลิตข้าวโพดทางภาคอิสานของจีนซึ่งเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดได้เน้นไปทำการส่งออกให้กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จึงทำให้ข้าวโพดในประเทศไม่เพียงพอ

ทางแก้ของปัญหาเรื่องข้าวโพดขาดแคลนนี้โรงงานอื่น ๆ ที่อยู่ทางชายฝั่งได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยการนำเข้าจากอเมริกา แต่สำหรับในยูนนาน นั้นไม่ได้ทำ เพราะอยุ่ห่างไกลจากชายฝั่งทะเล

อย่างไรก็ตาม ทางโรงงานนั้นก็ก็มีความหวังว่าในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า สถานการณ์คงจะดีขึ้น เพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต และนอกจากนั้น รัฐบาลก็มีนโยบายห้ามส่งออกข้าวโพดบ้างเป็นระยะ ๆ ไป ทั้งยังแก้ปัญหาให้กับชาวนาที่จะไม่ต้องซื้ออาหารสัตว์ในราคาแพงเกินไป จึงได้ออกประกาศว่า จะไม่เก็บภาษีจากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์

ในส่วนของซีพี เองนั้น ในช่วงนี้การแก้ไขปัญหา อาจทำไม่ได้เต็มที่เพราะปัจจุบันนี้ยังต้องซื้อข้าวโพดจากแหล่งผลิตทางภาคอีสานของจีนเช่นกัน จึงเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้อพบกับปัญหาความขาดแคลน และราคาที่สูงขึ้นในบางช่วงและความที่ระยะทางจากแหล่งวัตถุดิบถึงที่ตั้งโรงงาน ยาวไกลถึง 5,000 กิโลเมตร บางครั้งต้องประสบปัญหาวัตถุดิบเสียหายไปอีกด้วย

อย่างไรก็ตามทางซีพี นั้นก็ได้เตรียมการแก้ปัญหาในระยะยาวเอาไว้โดยการใช้ฝ่ายส่งเสริมการเกษตรเข้ามาทำการวิจัย และรณรงค์ให้มีการปลูกข้าวโพดเพื่อนำมาผลิตอาหารสัตว์ ในตอนแรกนั้นได้ทำการสำรวจในมณฑลยูนนานแต่ปรากฏว่าทำไม่ได้ ทั้งนี้เพราะทางมณฑลยูนนานมี ชื่อเสียงมากในเรื่องยาสูบ ทางรัฐบาลส่งเสริมการปลูกยาสูบมากว่าเพราะสามารถทำรายได้ให้เกษตรกรรมมากกว่าการปลูกข้าวโพด

ทางซีพี ก็ไม่อับจนหนทางเพราะขณะนี้ได้มีทีมจากฝ่ายส่งเสริมการเกษตรได้เข้าไปทำการสำรวจ เพื่อทำการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดในมณฑลยนนานแล้วปรากฏว่าสามารถทำได้ ซึ่งทางคุนหมิง เจิ้งต้า คาดว่าเมือที่เสฉวนพัฒนาขึ้นมาแล้ว ก็คงจะซื้อจากเสฉวนเพราะระยะทางใกล้กว่ามาก และปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบก็คงจะลดลง

นอกจากปัญหาเรื่องการผลิตแล้ว ในเรื่องของการลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมืองที่เพิ่งจะเปิดอย่างมณฑลยูนนานนั้น เรื่องกฎระเบียบและการทำความเข้าใจกันในเรื่องของการลงทุนและร่วมทุนนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเผชิญ

ในฐานะของผู้ที่เข้ามาคลุกคลีอยู่ในประเทศจีนเป็นเวลานาน วิทิตได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ว่า รัฐบาลจีนนั้นส่งเสริมเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศขึ้นมา แต่ผู้ที่มีอำนาจในการปฏิบัติคือ รัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งผู้นำในแต่ละที่ก็มีวิธีคิดที่แตกต่างกัน อาจจะเห็นหรือไม่เห็นด้วยกับนโยบายเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศของรัฐบาลกลางที่กรุงปักกิ่ง

" การลงทุนในยูนนานนี้ ผมคิดว่าที่สำคัญคือต้องคัดเลือกผู้ร่วมทุนให้ถูกต้อง ถ้าใครคัดเลือกคนที่มีความคิดสอดคล้องกับรัฐบาลให้เข้ามาร่วมกันได้ก็จะทำให้การดำเนินงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us