Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ธันวาคม 2537








 
นิตยสารผู้จัดการ ธันวาคม 2537
นายหน้าขายบ้านมืออาชีพเท่านั้น ที่อยู่รอด             
 


   
search resources

Real Estate
ธีรพจน์ จรูญศรี
จุลดิสดีเวลลอป.,บมจ




ตลาดบ้านมือสองโตขึ้น ทุก ๆ วัน ประมากรกันว่า มีบ้านมือสาองที่กำลังประกาศขายผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ผ่านตัวแทนและเจ้าของขายเองกว่าหนึ่งแสนหลัง มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท นับเป็นเค้กชิ้นใหญ่ที่มีความหอมหวานให้บรรดานายหน้าทั้งหลายได้รุมทึ้ง การพัฒนาระบบซื้อขายที่มันสมัยโดยบริษัทขายข้อมูลจึงเกิดขึ้น นายหน้าทั่วไปอาจจะหมดสิทธิ์ หากไม่ได้ฝึกปรือจนมีประสิทธิภาพจากสถาบันเหล่านี้

ปัญหาการจราจร ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นนั้น เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีความรู้สึกอยากเปลี่ยนที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นมาทันที โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องฟันฝ่าการจราจรที่ติดกันยาวเหยียด และมีผู้คนอีกจำนวนมากทีต้องการเปลี่ยนบ้านเพราะแบบบ้านใหม่ ๆ ที่กำลังโฆษณาอยุ่นั้นมีภาพลักษณ์และรูปแบบที่สวยงามเตะตา จนอยากได้มาทแดแทนบ้านที่มีอยู่แล้ว ในขณะที่ อีกหลายรายอยากเปลี่ยนบ้านด้วยเหตุผลทางสังคม และจิตวิทยาที่ว่าเมื่อฐานะร่ำรวยขึ้น บ้านก็ต้องใหญ่ขึ้น เพื่อให้สมฐานะ รวมไปถึงการขายบ้านที่เกิดจาการ ซื้อของบรรดาพวกนักเก็งกำไรในอดีตก็มีจำนวนไม่น้อย

คนกลุ่มนี้ ต้องการบ้านใหม่จะเป็นบ้านใหม่ในโครงการใหม่ ๆ หรือบ้านมือสอง ที่ตรงตามสเป็คของตัวก็ได้ การประกาศขายบ้านมือสอง ก็เลยเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน เช่นเดียวกับความต้องการบ้านมือสอง

" ทุกวันนี้ มีหนังสือพิมพ์ที่ลงโฆษณาบ้านมือสอง มากกว่า 10 ฉบับ มีบ้านขายต่อเดือนประมาณ 5,000 หลัง ใช้งบประมาณในการโฆษณาประมาณเดือนละ 75 ล้านบาทต่อเดือน ถ้าคิดราคาเฉลี่ยหลังละ 2.5 ล้านบาท มุลค่าบ้านมือสองในแต่ละช่วงที่ประกาศขายก็เท่ากับ 12,500 ล้านบาท" ธีรพจน์ จรูญศรี ประธานกรรมการบริหารบริษัทจุลดิสดีเวลลอป จำกัด มหาชน ให้ภาพธุรกิจบ้านมือสองที่กำลังเฟื่องฟู

ธีรพจน์ ยังให้ข้อมุลจากการการศึกษาอีกว่าปัจจุบันบ้านมือสองทั้งหมดในตลาด ประมาณ 180,000 หลัง เฉลี่ยแล้วราคาบ้านหลังละ 2.5 ล้านบาท หรือเท่ากับ 13,500 ล้านบาท ที่จะเป็นค่าคอมมิชั่นให้บรรดาตัวแทนทั้งหลาย

นับเป็นเค้กชิ้นใหญ่ที่บรรดานายหน้าตัวแทนการขายทั้งหลายกำลังรอรุมทึ้ง

จำนวนตัวแทนนายหน้าขายบ้านมือสองทั่วประเทศไทย ในขณะนี้ มีนับหมื่นราย แต่ที่จัดตังเป็นบริษัทมีประมาณ 150-170 บริษัท การแข่งขันเพื่อหากลุ่มลุกค้าที่ต้องการซื้อบ้านมือสองในตลาดนี้จึงเกิดขึ้นสูง

ในขณะเดียวกัน บนสถานการณ์การสู้รบแย่งชิงลูกค้าในสนามตลาดบ้านใหม่เองก็กำลังเข้มข้นดุเดือด การลดแลก แจก แถทม การปรับปรุง รูปแบบบ้านให้สวยงามน่าอยู่ กว่าบ้านมือสอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านที่สร้างเสร็จมาแล้ว 2-3 ปี รวมทั้งเงื่อนไขการชำระเงินดาวน์ที่น้อยลงและผ่อนนานขึ้นเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นก้างชิ้นใหฯ่ที่ทำให้การขายบ้านมือสองประสบความยากลำบาก

ดังนั้น ผู้ขายหรือตัวแทน นายหน้า จะต้องแข่งขันกันในเรื่องข้อมุลของบ้านที่ประกาศขายต้องมีรายชื่อของผู้ที่จะซื้อและผู้ที่จะขายมากพอ เพื่อที่จะได้สามารถจับคู่อุปสงค์และอุปทานกันได้โดยเร็ว จะต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในทำเลของบ้านแต่ละแห่ง สามารถทำให้คำปรึกษาผู้ซื้อได้ ในเรื่องของการกู้ยืมเงิน สามารถประมารมูลค่าทรัพย์สินได้ใกล้เคียงบริษัทประเมินราคาอาชีพ

เรียกได้ว่า เปรียบเสมือน " ซุปเปอร์มาร์เก็ตของอสังหาริมทรัพย์" ไม่ใช่เป็นเพียง " คนกลาง" หรือ " นายหน้า" ในลักษณะเก่าอีกต่อไป

ระบบการซื้อขายบ้าน มือสอง จึงต้องก้าวหน้ามากขึ้น โดยมีการพัฒนาระบบการขายบ้านมือสองที่ทันสมัยกว่าเดิม อาศัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการจัดการฐานข้อมูลทรัพย์สินลักษณะของทรัพย์สิน เช่นประเภทของบ้าน พื้นที่ใช้สอย จำนวนห้องนอน ทำเลที่ตั้ง ระดับราคา ลุกค้าต้องการซื้อบ้านแบบไหน ราคาเท่าไหร่ ก็สามารถเรียกข้อมูลพร้อมแบบบ้านดูได้เลย จากจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องเสียเวลาไปดุถึงที่ตั้ง ของบ้าน ซึ่งในระยะเวลาหนึ่งวัน นายหน้าแบบเก่าจะพาลูกค้าไปดูบ้านได้เพียงหลังเดียวเท่านั้น

ที่สำคัญ แต่เดิม บ้าน 1 หลัง ขายด้วยตัวแทนเพียง 1 คน แต่ในปัจจุบัน ด้วนระบบข้อมูลที่ทันสมัย ก็เกิดเป็นเครือข่ายตัวแทนนายหน้าที่เชื่อมโยงถึงกันได้อย่างกว้างขวาง บ้าน 1 หลัง ก็จะอยู่ในความดูแลของตัวแทน 100 ราย ช่วยกันขาย ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องขายได้เร็วขึ้น

ที่นอกเหนือจากนี้ก็คือ ยังได้มีการริเริ่มนำระบบการซื้อบ้านมือสองแบบใหม่ ในระบบเครือข่ายที่เรียกกันโดยทั่วไป " ระบบสัญญานนายหน้าหลายต่อ" ( Multiple Listing System-MLS) ซึ่งเป็นระบบนายหน้าแบบผสม ระบบนี้จะมีระบบนายหน้าแบบผสม ระบบนี้จะมีบุคคล 3 กลุ่ม ที่จะได้ส่วนแบ่งในค่าบำเหน็จ ที่ได้จากการขายก็คือ ตัวระบบที่เป็นศูนย์กลางนายหน้า หรือเจ้าของระบบกลางนายหน้าสมาชิกที่เป็นคู่สัญญาโดยตรงกับเจ้าของบ้าน ( listing Broker) และนายหน้าสมาชิกที่เป็นผู้ขายบ้าน ( Selling Broker)

" เอ็มแเลเอส" จะมีวิธีของการเชื่อมโยงฐานข้อมูลต่าง ๆ โดยระบบคอมพิวเตอร์ออนไลน์ ทำให้สำนักงานสาขาสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้จากทุกแห่ง และทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถเลือกหารบ้านทั้งประเภทระดับราคา และทำเลที่ตั้งที่ตนต้องการได้ โดยสะดวกและรวดเร็วขึ้น

สำหรับบริษัทที่เปิดบริการจัดให้มีการดำเนินงานในระบบ MLS ในบ้านเราที่รู้จักกันดี ก็คือ " อีเล้คทรอนิคส์ เรียลตี้ แอสโซสิเอทส์" หรือ " อีอาร์เอ" (Electronics Realty Associates-ERA)

"อีอาร์เอ" ในบริษัทขายเทคโนโลยีการซื้อ-การขาย อสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบเฟรนไชส์ของอมริกาที่มีเครือข่ายสำนักงานตัวแทนนายหน้ารับฝาก-ซื้อขายบ้านอยู่ในประเทศต่าง ๆ ประมาณ 3,000 สาขาทั่วโลก เข้ามาเมืองไทยโดยการซื้อมาสเตอร์ แฟรนไชส์ ของบริษัท ดิศดี จำกัด ซึ่งอยู่ในเครือขงอกลุ่มบริษัทจุลดิศ หลังจากนั้นได้ตั้งบริษัททใหม่ชื่อว่า อี.อาร์.อี( ประเทศไทย) เมื่อประมาณ ปี 2535 เพื่อดำเนินธุรกิจซื้อขายบ้านมือสองโดยตรง โดยมี นฤมล ปิยัมปุตระ เป็นกรรมการผู้จัดการ

นฤมล สาวสวย วัย 35 ปี ที่รักงานด้านการขายเป็นชีวิตจิตใจ ทั้ง ๆ ที่ศึกษามาทางด้านการบัญชี เมื่อปี 2539 ธีรพจน์ จรูญศรี ได้ชักชวนมาร่วมงานด้วยในโครงการสนามกอล์ฟที่เขาใหญ่

ต่อมาเมื่อธีรพจน์ ตั้งบริษัทดิศดี ขึ้น เพื่อบริการลูกค้าในการฝากซื้อฝากขาย สินค้าทางด้านอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในเครือจุลดิศ ในปี 2530 นฤมลก็ได้รับผิดชอบในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ

นฤมลประเมินภาวะตลาดบ้านมือสองในช่วงนั้นว่า มีแนวโน้มที่การซื้อขายเปลี่ยนมือจะต้องเพิ่มค้นอีกมากมาย แต่ตลาดจะเป็นนายหน้ามืออาชีพที่มีระบบบริการซื้อ-ขาย อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีโอกาสในการทำงานมากว่า ดังนั้นถ้าบริษัทซื้อลิขสิทธิ์ตัวนี้มา และเปิดขายให้กับบริษัทนายหน้าทั้งหลายในประเทศไทย ก็น่าจะทำรายได้มากว่าค่าคอมมิชชั่นเพียงอย่างเดียว เพราะนอกจากรายได้จาการขายลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ ซึ่งเริ่มแรกทีเดียว นฤมล กำหนดค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ไว้ที่ประมาณ 250,000 บาท แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 750,000 บาท แล้ว ยังมีรายได้จากากรฝึกอบรม รายได้จาการายที่ทางบริษัทที่ซื้อเฟรนไชส์ไปขายได้ก็ต้องจ่ายเงินกลับมาอีก 9% ของรายรับค่าคอมมิชชั่น 3% นั้นต่างหาก

" บริษัทสมาชิกขายได้มาก เราก็มีรายได้มากตามด้วย เราถึงต้องดูข้อมูลและช่วยเหลือเขาอยุ่ตลอดเวลา" นฤมล กล่าว

ขณะนี้ อีอาร์เอ ประเทศไทยมีบริษัทสาขาประมาณ 65 บริษัท เป็นสาขาในกรุงเทพถึง 47 สาขาและต่างจังหวัด อีก 18 แห่ง ส่วนปีหน้าได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มขึ้นไปให้มีจำนวนประมาณ 110 สาขา นฤมลหวังว่า อีอาร์เอ ควรจะมีสาขาทั่วประเทศราวๆ 150-200 สาขา สำหรับผู้ที่สนใจที่สมัครเป็นสมาชิก เริ่มด้วยจะต้องมีที่ตั้งออฟฟิคมาเสนอทางอีเอาร์เอ ออฟฟิคแต่ละแห่งควรมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 30 ตารางเมตร เมื่อทางอีอาร์เอ เห็นชอบในเรื่องที่ตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ จะต้องอยุ่ในย่านชุมชน และไม่ควรอยู่ใกล้กับสาขาอื่นซึ่งเป็นสมาชิกอีอาร์เอ อยู่แล้วมากนัก ก็ตกลงเซ็นสัญญากัน โดยในวันเซ็นสัญญานี้จะต้องชำระค่าธรรมเนียมสมาชิกงวดแรก350,000 บาท ส่วนที่เหลือแบ่งชำระรายเดือน อีก 2 เดือน คืองวดละ 200,000 บาท หลังจากนั้น ก็ดำเนินรายการจดทะเบียนบริษัท จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ( ในกรณีที่เปิดบริษัทใหม่) เมื่อจัดหาบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานได้แล้ว ตัวผู้บริหารเองก็ต้องเข้ารับการปฐมนิเทศ และต้องส่งพนักงงานเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการขาย ส่งพนักงานเข้ารับการฝึกอบรมในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์

ขั้นตอนทั้งหมดนี้ ก็เท่ากับเป็นภาคทฤษฏีที่ทางอีอาร์เอ ต้องติวเข้มให้เข้ากับบริษัทที่เป็นสมาชิกประมาณ 2 เดือน ก่อนที่จะไปเปิดบริษัทเองและนำทฤษฎีความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาไปสู่การปฏิบัติต่อไป

" ผู้ที่ต้องการเปิดบริษัทและเป็นสมาชิกของอีอาร์เอ ควรจะมีเงินในการดำเนินการประมาณ 3 ล้านบาทในช่วง 11 ปี"

นฤมล ให้เหตุผลตรงนี้ว่า เงินส่วนหนึ่งจะต้องจ่ายเป้นค่าออฟฟิคให้เช่า ค่าตกแต่งออฟฟิค ค่าลิขสิทธิ์เฟรนไชส์ และค่าใช้จ่ายด้านการบิรหารงานในช่วง 6 เดือน แรก ที่อาจจะยังไม่มีผลงาน

สำหรับข้อมูลต่อเนื่อง และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่บริษัทสมาชิกจะได้รับก็คือ การฝึกอบรมซึ่งจะมีเนื้อหาตั้งแต่การหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไปจนถึงรายละเอียดซับซ้อนของสัญญการเงิน ระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่จะคอยให้ข้อมูลทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ในคอมพิวเตอร์ออนไลน์ของอีอาร์เอ ก็จะมีรายชื่อลูกค้าทั่วมุมโลกที่จะทำให้สามารถเสนอซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ได้โดยผ่านระบบสื่อสารข้อมูลรายละเอียด และรูปภาพผ่านคอมพิวเตอร์ รวมทั้งให้ความรู้ทางด้านการเงินและสินเชื่อต่าง ๆ

" ใน 6 เดือน เขาต้องมีผลงานแล้ว ถ้ายังไม่มีแสดงว่าจะต้องมีอะไรผิดพลาด เราต้องส่งคนไปดูเพราะมันเท่ากับว่าระบบเราเสียเหมือนกัน"

สมาชิกที่มีประสิทธิภาพของอีอาร์เอ เดือนหนึ่ง ๆ ควรจะมีลุกค้าติดต่อเข้ามาจะซื้อจะขายประมาณ 35 ราย มีการติดต่อกันจริงประมาณ 10 รายใน 10 ราย นี้ถ้าสามารถปิดการขายได้ประมาณ 3-4 ราย ซึ่งถ้าเป็นบ้านหรือทาวเฮ้าส์ จะเป็นวงเงินประมาณ 6 ล้านบาท จะมีรายได้ค่าคอมมิชชั่น 3% ของ 6 ล้านบาท เท่ากับ 180,000 บาท ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายในออฟฟิค ค่าพนักงาน และส่วนที่ต้องจ่ายให้กับอีอาร์เอ ประเทศไทย อีก 9% ของ 180,000 บาทเท่ากับ 16,200 บาท รวมแล้วทังหมดประมาณ 100,000 บาท ทางบริษัททสมาชิกก็ยังมีเงินเหลืออีกประมาณเดือนละ 80,000 บาท

เอกพัฒน์ วิเชียรแพทยาคม กรรมการผู้จัดการบริษัทอีอาร์เออรัลเรียลตี้ จำกัด จบจากคณะนิติศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2526 เป้นทนายความอยู่ในบริษัท อเนกแอนด์แอสโซซิเอท ตำแหน่งสุดท้ายก็คือ หัวหน้าแผนกนิติกรรมเกี่ยวกับเรื่องที่ดินมีลูกความหลายรายที่รู้จักมาฝากขายที่ดินและบ้าน แต่ก็ไม่ได้ทำจริงจัง จนกระทั่งมีลูกความคนหนึ่ง คือธีรพจน์ จรูญศรี มาล่าคอนเซ็ตของอีอาร์เอ ให้ผังก็เลยสนใจสมัครเป็นสมาชิก

" ผมเป็นรายแรกที่สมัครเป็นสมาชิกของอีอาร์เอ ประเทศไทย เลยต้องเหนื่อยหน่อย ในคอมพิวเตอร์ยังมีข้อมูลฝากซื้อฝากขายน้อยมาก เพราะระบบนี้ก็ยังใหม่ในเมืองไทยเช่นกัน"

เอกพัฒน์ เล่าว่า ในปีแรกของการตั้งบริษัท กว่าจะขายบ้านหลังแรกได้ ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 4 เดือน แต่มาในปีนี้ เอกพัฒน์ สามารถทำยอดขายรวมได้ ประมาณ 80-100 ล้านบาท จากค่าคอมมิชั่น 3% เอกพัฒฯ์ จะได้รายได้ ประมาณ 3 ล้านบาท เนื่องจากสมาชิกรายแรกเอกพัฒฯ์ จึงมีสิทธิพิเศษส่งรายได้เดียง 8% แทนที่จะเป็น 9% ให้กับอีอาร์เอ ประเทศไทย เป็นเงินประมาณ 2.4 แสนบาท เอกพัฒน์เหลือเงินหมุนเวียนในบริษัท 2,760,000 บาท ต่อปี ซึ่งก็นับว่าไม่น้อยเลยปี ก็นับว่าไม่น้อยเลยสำหรับบริษัทที่กำลังเริ่มต้น

" ปกติสินค้าส่วนใหญ่ที่เราขาย ได้จะเป็นทาวยเฮ้าส์หลังละ 1-2 ล้านบาท เกือบทุกเดือน ซึ่งมันก็คุ้มค่าใช้จ่ายของออฟฟิค แต่ถ้าเราขายที่ดินแปลงใหญ่ มันก็คือโบนัสเลยล่ะ"

การซื้อขายที่ดิน จึงมักเป็นสินค้าที่สำคัญอีก ตัวหนึ่ง ที่พ่วงไปกับบริษัทแทนขายบ้านมือสอง

กัลยา วรรณวลี กรรมการผู้จัดการบริษัท อาร์เอ วายจี จำกัด เป็นนักศึกษาคณะพาณิชย์ศาสตร์การบัญชีจากมหาวิทยาศาสตร์ จบมาใหม่ ๆ ไฟกำลังร้อนแรงเลยไปทำงานองค์กรพัฒนาเอกชนเริ่มตั้งแต่ทำงานที่แคมป์ผู้อพยพที่พนัสนิคม ทำโครงการพัฒนาชาวเขา ที่เชียงใหม่ ช่วยชาวเขาปลูกพืชแทนฝิ่นอยุ่หลายปี ก็ถึงจุดหักเหของชีวิตที่ต้องการสร้างหลักฐานของชีวิตที่มั่นคงคงกว่านี้

กัลยา สนใจตลาดบ้ามือสอง แต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มอย่างไรเมื่อมีคนรู้จักแนะนำให้รู้จักกับระบบอีอาร์เอ จึงสมัครเป็นสมาชิก

" เป็นมือใหม่จริง ๆ ไม่มีลูกค้าในมือเลยเพราะ ตัวเองก็อยุ่ต่างจังหวัดมาตลอด" กัลป์ยาเล่าให้ " ผู้จัดการ" ฟัง

แต่เป็นเพรราะทำเลที่ตั้งอยุ่ในย่านธุรกิจ คือสยามสแควร์ และขณะนี้ ระบบเครือข่ายอีอาร์เอ ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก ธุรกิจของเธอจึงเริ่มเดินหน้าไปได้บ้าง

" แต่ละเดือน ควรจะปิดการขายให้ได้ประมาณ 5-6 ล้านบาท ถึงจะคุ้มค่าใช้จ่าย เพราะค่าเช่าออฟฟิค ย่านนี้แพงมากประมาณ 4.5 หมื่น บาทต่อเดือน แต่ตอนนี้ ยอมรับว่าเรายังทำได้ไม่ถึง แต่คาดว่าปีหน้าเราทำยังทำได้ไม่ถึง แต่คาดว่าปีหน้าเราทำได้แน่"

และเพื่อเป็นการลดต้นทุนของบริษัทกัลยาจำเป็นต้องเปลี่ยนออฟฟิคใหม่ไปอยู่แถวสี่พระยาซึ่งค่าเช่าถูกกว่า

เรียลตี้ เน็ทเวิร์ค เป็นอีกบริษัทหนึ่ง ที่เริ่มจากากรเป็นบริษัทนายหน้าขายบ้านมือสองโดยเปิดบริษัทมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2535 แต่ต่อมาประมาณเดือนมิถุนายน 2537 บริษัทได้เปลี่ยนนโยบายจากการขายมาเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนตัวแทนขายบ้านมือสอง ในรูปแบบของสมาชิกเครือข่ายโดยสมาชิกสามารถใช้บริการต่าง ๆได้ตามความเหมะสม

ดานิษา โทรางกูร กรรมการผุ้จัดการ บริษัทเรียลตี้เน้ทเวอร์ค ให้เหตุผลจากการเปลี่ยนจากบริษัทตัวแทนตัวแทนมาเป็นบริษัทขายข้อมูลว่า แนวโน้มของคนที่ต้องการบ้านมือสองและคนที่ต้องการบ้านมือสองเพิ่มขึ้นทุกวัน เช่นเดียวกับบรรดานายหน้า ทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้ได้เจอกัน ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ในระดับราคาที่ซื้อราคาขายที่เป็นธรรมมากที่สุด เรียลตี้เน็ทเวอร์ จึงต้องการหาข้อมลต่าง ๆ ที่จำเป็นไว้บริการลูกค้า

" แน่นอน ว่า ถ้าเราเป็นบริษัทตัวแทนการขาย เราจะมีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นมากกว่ากำไรจากากรขายสมาชิกเป็นสิบ ๆ เท่า แต่ในระยะยาวจากากรเติบโตของธุรกิจประเภทนี้ เราเห็นว่ารายได้ในระยะยาวจะดีกว่ามาก ที่สำคัญหากเราทำได้สำเร็จ ก็เท่ากับ ได้ช่วยยกมาตรฐานของผู้ประกอบอาชีพนี้ ให้ดีมีประสิทธิภาพขึ้น" ดานิษา อธิบายเพิ่มเติม

สำหรับบทบาทและหน้าที่ของเรียลตี้เน็ทเวอร์ค นั้นก็คือ การเป็นศูนย์รวมของตลาดด้วยเทคโน
โลยี่เพื่อจะซื้อขายแลกเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์ด้วยเทคโนดลยี่ที่ทันสมัยมีการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรด้านกรค้าอสังหาริมทรัพย์ ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจที่ตนทำอยู่ เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทั้งลูกค้าซื้อและลูกค้าขายที่ส่งผ่านให้กับสมาชิก มีการเสนอข่าวสารจ้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจ ผลิตเอกสารและอุปกรณ์ ส่งเสริมการขายเพื่อจำหน่ายให้กับสมาชิก เป็นผู้จัดสำนักงานและแหล่งเงินกู้คอยให้บริการแก่สมาชิก รวมทั้งเป็นผู้ดำเนินการด้านการตลาดเพือโปรโมทกิจการของสมรชิกให้เป็นที่รู้จักด้วยระบบของเรียลตี้เน็ทเวอร์ค จะแตกต่างกับระบบของอีอาร์เอ ตรง ผู้ที่เข้ามาใช้บริการของเรียลตี้ไม่จำเป็นจะต้องตั้งเป็นบริษัท เพราะระบบนี้จะครอบคลุมถึงทุก ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง กับการค้าอสังหาริมทรัพย์โดยไม่จำกัดเพียงเจ้าของทรัพย์สินรายย่อย หากรวมไปถึงโครงการจัดสรรบ้าน ที่ดินจัดสรรอาคารชุดซึ่งอยู่ในระหว่างการพัฒนาที่กำลังเปิดขายอยู่ และไม่จำเป็นว่าต้องผ่านนายหน้าเท่านั้น ตัวผู้ขายเองและเจ้าของโครงการก็สามารถนำเสนอทรัพย์สินดังกล่าว และดำเนินเป็นตัวแทนการขายเอง ซึ่งจะสามารถประหยัดค่านายหน้าได้ทั้งหมด หรือขอความรวมมือจากนายหน้าในฐานะตัวแทนผู้ซื้อทำให้ลดค่าคอมมิชชั่นได้ครึ่งหนึ่ง

ดังนั้น ผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกของเรียลตี้เน็ทเวอร์ค จึงมีได้หลากหลาย เช่นเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ต้องการจะขาย เป็นเจ้าของโครงการที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการขาย เป็นนายหน้าที่ต้องการายได้ เป็นโบรกเกอร์ที่ต้องการโอกาสและความมั่นคงทางธุรกิจ หรือเป็นบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

การสมัครเข้าเป็นสมาชิกทางเรียลตี้เน็ทเวอร์ค จึงได้จัดไว้หลายประเภทเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ที่จะเข้ามาทำธุรกิจประเภทนี้ คือการเป็นสมาชิกโบรกเกอร์ ( Broker Member) ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นอาชีพโดยมีเงื่อนไขของการรับเป็นสมาชิกคือ จะต้องส่งบุคคลในบริษัทของตนเองเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร R.E. โบรกเกอร์เบื้องต้นจาก เรียลตี้เน็ทเวอร์คหนึ่งคนจะใช้เวลาในการฝึกอบรม 1 เดือน หลังจากนั้นบริษัท
โบรกเกอร์นี้ก็จะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่นโนว์ฮาว ทั้งหมดถ่ายทอดเป็นหลักสูตรอบรม ได้รับโอกาสขายทรัพย์สินที่ประกาศขายจากสมาชิกทั้งออนไลน์ สมาชิกประเภทนี้จะต้องเสียค่าสมาชิกปีแรก 25,000 บาท ปีต่อไป 10,000 บาท ค่าอบรม 25,000 บาทต่อ 1 คน

สมาชิกตัวแทน ( Agent Member) ประเภทนี้เหมาะกับผู้ทีมีความสนใจในอาชีพการค้าอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดกิจการเป็นโบรกเกอร์เต็มตัว สามารถทำในเวลาว่างจางานประจำได้ ผู้ที่สนใจจะเป็นสมาชิตัวแทนขายได้ต่อเมื่อได้ผ่านการอบรมหลักสูตร R.E. Agent ของเรียลตี้เน็ทเวอร์ค ซึ่งจะใช้เวลา 3-5 วัน สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับก็คือสามารถทำการขายทรัพย์สินที่ประกาศขายจากผู้ขายโดยตรงในฐานะสมาชิกผู้ขายหรือจากโครงการประกาศขาย โดยสมาชิกโครงการ และประกาศขายจากสมาชิกโบรกกอร์ในฐานะตัวแทนผู้ขาย โดยที่จะต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ซื้อพาผู้ซื้อเข้าเลือกชมทรัพย์สินดังกล่าว และให้คำแนะนำปรึกษาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อและรับค่านายหน้าตามอัตราที่ได้ตกลงล่วงหน้าจากเรียลตี้เน้ทเวอร์ค

สมาชิกตัวแทนขายนี้ ต้องเสียค่าสมาชิกปีละ 5,000 บาท ค่าอบรม 7,500 บาท

สมาชิกผู้ขาย ( Owner Member) เหมาะสำหรับเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนที่มีทรัพย์สินที่ต้องการขายหรือมีการซื้อมา-ขายไปอยู่เป็นประจำ และมีความประสงค์ที่จะเข้ามามีบทบาทในฐานะตัวแทนผู้ซื้อ และกลุ่มโบรกเกอร์ โดยที่สมาชิกผู้ขายยินยอมจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้แก่ตัวแทนในฐานะผู้ซื้อ ซึ่งเป็นการตกลงล่วงหน้าไว้กับ เรียลตี้เน็ทเวอร์ค ทางเรียลตี้ฯ จะทำการอบรมให้แก่สมาชิกู้ขายเป็นเวลา 1 วัน เพื่อให้เข้าใจถึงกฏเกณฑ์และองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการซื้อ-ขายในภาวการณ์ตลาดปัจจุบัน

วิธีการนี้ ดานิษา ย้ำว่า จะช่วยให้สมาชิกที่ต้องการดูแลรับผิดชอบการขายด้วยตนเองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถปิดการขายด้วยตัวเอง ในขณะเดียวกัน ถ้าเขาขายทรัพย์สินในราคา 1 ล้านบาท หากผ่านโบรกเกอร์จะต้องเสียค่าคอมมิชชั่น 3% คือประมาณ 30,000 แต่ถ้าเข้ามาเป็นสมาชิกผุ้ขายจะเสียค่าสมาชิกเพียง 5,000 บาท เท่านั้น และยังเรียนรู้วิธีการขาย สามารถเข้าถึงข้อมุลการขาย อีกด้วย

ประเภทสุดท้าย คือสมาชิกโครงการ ( project Member) เหมาะสำหรับโครง
การที่กำลังเปิดขายอยู่โดยสามารถที่จะเจากลุ่มผู้ซื้อโดยตรงด้วยการลงประกาศขายในคู่มือซื้อ-ขาย ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลในลักษณะ listing เก็บเข้า เป็นหมวดหมุ่ และเป็นการเปิดขายที่กำลังบริการผู้ซื้อในทำเลต่าง ๆ ได้มีโอกาสนำเสนอบ้านในโครงการให้แก่ลุกค้า

วิธีการนี้เป็นการเปิดโอกาสให้นายหน้าอาชีพได้ช่วยขายเป็นทีมเสริมโดยทางโครงการจะเป็นผู้จ่ายค่าคอมมิชชั่นให้แก่สมาชิกเหล่านั้นในฐานะตัวแทนผู้ซื้อ ตามอัตราที่ได้ตกลงล่วงหน้าไว้กับเรียลตี้เน็ทเวอร์ค ซึ่งควรจะอยู่ระหว่าง 1-2% ของราคาขาย ค่าสมาชิกประเภทนี้ 10,000 บาทต่อปี

ขณะนี้ เรียลตี้ เน็ทเวอร์ค กำลังเปิดรับสมัครสมาชิกทั้ง 4 ประเภทนี้อยู่ โดยจะให้บริการได้ประมาณ ต้นเดือนมกราคม ช่วงนี้ขึงเป็นช่วงที่พัฒนาระบบการเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ

สำหรับแนวโน้มตลาดบ้านมือสองในบ้านเรานี้ คาดว่าในระยะเวลาใกล้ ๆ นี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขึ้นในหลายๆ เรื่อง เช่น การขยายตัวจะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 20-30% ของการซื้อขายบ้าน ใหม่ในปี 2538บริษัทตัวแทน และบรรดานายหน้าต่าง ๆ จะเห็นความสำคัญของการสมัครเป็นสมาชิกเครือข่าย หรือการอบรมและพัฒนาบุคลากรของตนมากยิ่งขึ้น

นอกจากบริษัทนายหน้าต้องมีความรู้มาก ขึ้นแล้ว ยังต้องคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขายมากที่สุด โดยเฉพาะในด้านการหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งสามารถในการกำหนดราคาขายให้เป็นไปได้มากที่สุด การสร้างความสัมพันธฺ์เชิงธุรกิจที่เชื่อมโยงกับปริษัทประเมินราคาและสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้ เป็นเรื่องที่ต้องแข่งขันกันมากขึ้นเช่นกัน

เมื่อประกอบกับการจัดเก็บข้อมูลที่ทันสมัยรวดเร็ว และเป็นข้อมุลล่าสุดในตลาดซื้อขายบ้าน รวมทั้งการฝึกปรือกลยุทธ์ต่าง ๆ อย่างเข้มข้น อย่างสม่ำเสมอของบริษัทขายข้อมูลนี้ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้ผู้ประแอบอาชีพนี้ ประสบความสำเร็จ และเป็นการพัฒนาธุรกิจด้านนี้ให้มีประสิทธิภาพได้รับการยอมรับจากคนทั่วไปมากขึ้น พร้อม ๆ กับนายหน้าแบบเก่า ๆ ที่ไม่มีความรู้ค่อย ๆ หายไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us