Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 พฤศจิกายน 2549
ผู้ประกอบการคอนโดฯแข่งเดือด "เมโทรสตาร์ฯ"ปักธงรัชโยธินปะทะปริญสิริ             
 


   
search resources

เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.
Real Estate




ผู้ประกอบการคอนโดฯแข่งเดือด "เมโทรสตาร์ฯ"ปักธงรัชโยธินปะทะปริญสิริ

ค่ายเมโทรสตาร์ฯขยับทำเล บุกปักธงคอนโดมิเนียมนอกเมือง ยึดทำเลเส้นส่วนต่อขยายบีทีเอสเส้นสีเขียวเข้ม พัฒนาโครงการภายใต้ชื่อ "เมโทร อเวนิว รัชโยธิน " พหลโยธินปากซอย 30 ใกล้สถานีขึ้นและลง พัฒนาในรูปแบบสังคมเมือง บนเนื้อที่เบื้องต้น 13 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 4,500 ล้านบาท จับตาสมภูมิการแข่งขันคอนโดฯโซนรัชโยธินแข่งดุเดือด จากที่ค่ายปริญสิริ ผุดคอนโดฯโลว์ไรท์ 2 พหลโยธินซ.35 ส่วนค่ายเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯร่อนแบรนด์น้องใหม่ WIND เจาะลูกค้าระดับกลางถึงบน

การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมลูกค้า ที่เริ่มหันมาเลือกที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองและรวมถึงนอกเมือง ที่สามารถเดินทางเข้าสู่แหล่งงานในเมืองได้ กลายเป็นตลาดที่กำลังส่งเสริมให้ตลาดคอนโดมิเนียมทั้งในกลางเมืองและรอบนอกเมือง มีแนวโน้มเติบโตทั้งเรื่องของปริมาณการเปิดโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่นอกตลาดและรวมถึงบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก ต่างหันมาให้ความสำคัญเพิ่มการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะการชู"จุดเด่น"ในเรื่องของทำเล ใกล้แหล่งระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เปิดอยู่เดิม และยิ่งทางกรุงเทพฯได้เดินหน้าส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้งจากฝั่งสาทรและฝั่งหมอชิต (สายสีเขียวเข้ม) ได้จุดประเด็นต่อการเคลื่อนย้ายการลงทุนของผู้ประกอบการมากว้านซื้อที่ดินและขึ้นโครงการ หวังรองรับกำลังซื้อลูกค้า ที่ยังคงให้น้ำหนักกับตลาดคอนโดฯ ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ราคาน้ำมันยังไม่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง

ยึดทำเลรัชโยธินผุดโครงการ

หากจะพิจารณาทำเลที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้ามาลงทุนแล้ว อันดับต้นๆแล้วคงหนีไม่พ้นตลอดเส้นสุขุมวิท ที่การก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเส้นสุขุมวิทดำเนินการอยู่ และเส้นทางดังกล่าวยังสามารถเดินทางไปสู่สนามบินสุวรรณภูมิได้ด้วย ขณะที่โซนพหลโยธิน เส้นลาดพร้าว รัชดาภิเษก การแข่งขันในทำเลนี้ ก็เริ่มขยายตัวจากการที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ามากว้านซื้อที่ดินและลงทุนเปิดโครงการสูง อย่างค่าย บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่แตกแบรนด์น้องใหม่ภายใต้ชื่อ WIND นำร่องโครงการแรกบริเวณที่จอดรถข้างกับเมเจอร์ รัชโยธิน ซึ่งได้ซื้อที่ดินมาจากธนาคารไทยพาณิชย์ เนื้อที่ 3 ไร่ รูปแบบโครงการจะพัฒนาเป็นอาคารสูง 37 ชั้น มีจำนวนยูนิต 390 ยูนิต พื้นที่ขายทั้งสิ้น 19,866 ตร.ม. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 36-176 ตร.ม. ราคาขายเฉลี่ย 70,000-90,000 บาท/ตร.ม. ใหญ่ประมาณ 30-50 ตร.ม.

ขณะที่บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดินบนถนนพหลโยธิน ซ.35 จำนวน 3.5 ไร่ เพื่อสร้างเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรท์ 2 อาคาร จำนวน 400 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท

ล่าสุดบริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้ตัดสินใจเปิดโครงการคอนโดฯใหม่ ภายใต้ชื่อ "เมโทร อเวนิว รัชโยธิน "ติดถนนใหญ่พหลโยธินปากซอย 3 ซึ่งอยู่เยื้องกับโครงการของค่ายปริญสิริฯ และถือเป็นโครงการของบริษัทเมโทรสตาร์ฯ ที่อยู่นอกเหนือทำเลหลักของบริษัทฯที่โครงการส่วนใหญ่จะบริเวณสาทรและสีลม เป็นการขยับฐานเข้ามาบุกเบิกตลาดในทำเลนอกเมือง

นายวีระ บูรพชัยศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเมโทรสตาร์ฯเปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นการมุ่งสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลาง ในรูปแบบ Trendy ที่เน้นคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน มีราคาขายอยู่ที่ 59,000 บาทต่อตร.ม. ระดับราคาเริ่มต้น 1.6 ล้านบาทจนถึงกว่า 4 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย 28-60 ตร.ม. จำนวนรวม 1,500 ยูนิต รวมทั้งหมด 4 อาคาร มีความสูงอาคารละ 24 ชั้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าจะมีรายได้ตั้งแต่ 25,000-30,000 บาทขึ้นไป ผ่อนชำระเดือนละประมาณ 6,500 บาท คาดว่าจะเริ่มเปิดการขายได้ประมาณเดือนธ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวในเบื้องต้นจะนำที่ดินประมาณ 13 ไร่ จากจำนวนเนื้อที่ทั้งหมด 15 ไร่ มาพัฒนา มูลค่าโครงการเมโทร อเวนิว รัชโยธิน กว่า 4,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2 ไร่ อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมของการพัฒนา คาดว่ารวมแล้วทั้งหมดจะมีมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท

"บริษัทเล็งเห็นว่าจะมีส่วนตัวขยายเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีเขียวเข้มในอนาคต แม้ว่าในตอนนี้จะเริ่มตั้งแต่หมอชิตและสิ้นสุดสถานีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำให้ในอนาคตมูลค่าเพิ่มของที่ดินจะสูงขึ้น" นายวีระกล่าว

นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการบริษัทเมโทรสตาร์ฯกล่าวว่าได้ตั้งเป้าการขายว่าภายใน 6 เดือนข้างหน้าจะปิดการขายได้ เนื่องจากผลการสำรวจพบว่า ลูกค้ามีความต้องการที่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยและทำเลดังกล่าวมีชุมชนอยู่จำนวนมาก มีห้างสรรพสินค้าที่รองรับการใช้ชีวิตของได้ ซึ่งที่ดินดังกล่าวทางบริษัทได้ซื้อมาในราคาประมาณ 800 ล้านบาท โครงการน่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50-60 % นั่นหมายความว่าอัตรากำไรจากโครงการดังกล่าวจะประมาณ 35-40%

นอกจากนี้ทางบริษัทฯเตรียมที่จะเจรจาซื้อดินบริเวณรัชดา ลาดพร้าว และเส้นสุขุมวิท รวมแล้วราคาประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีน่าจะได้ข้อตกลงได้บางแปลง ส่วนที่จะใช้ผลักดันแบรนด์อเวนิวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ลักษณะของโครงการที่จะพัฒนา บางแปลงอาจจะเหมาะสมทำคอนโดฯระดับกลาง หรือบางแปลงอาจจะพัฒนาเป็นโครงการโรงแรมระดับ 4 ดาว เป็นต้น

อนึ่ง โครงการดังกล่าว เมโทร อเวนิว รัชโยธิน ยังอยู่ภายใต้โครงการของบริษัทเมโทรฯ แต่ทางบริษัทได้เตรียมความพร้อมโดยเปิดบริษัทลูกคือ บริษัท เมโทร อเวนิว จำกัด ทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 1 ล้านบาทขึ้นมารองรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ทั้งในส่วนกลางและอาจจะรวมถึงการเข้าไปพัฒนาโครงการตามแหล่งท่องเที่ยวในต่างจังหวัด

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 2549 นายรัตนชัย กล่าวยืนยันว่าจะได้ตามเป้ารายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยจะมียอดโอนที่เข้ามาเป็นรายได้ เช่น โครงการ สีลม แกรนด์ เทอเรสประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่ทยอยโอนมาตั้งแต่ต้นปี โครงการเซ็นหลุยส์ แกรนด์ เทอเรส ประมาณ 800-900 ล้านบาท

" บริษัทลูกค้าที่ตั้งขึ้นมา อาจจะรองรับแผนการหาพันธมิตรร่วมทุนในอนาคต ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาแล้วหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละกลุ่มล้วนแล้วแต่มีความเชี่ยวชาญหลายด้าน เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ค้าปลีก เป็นต้น "   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us