Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 กุมภาพันธ์ 2546
ธ.ก.ส.เสนอคลังใส่ทุนเพิ่ม ลดภาระ-สางแยงกี้บอนด์             
 


   
search resources

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร - ธ.ก.ส.




ธ.ก.ส.หวังรัฐบาลเสริมฐานะของธนาคารฯ ทั้งการใส่เงินเพิ่มทุนในส่วนที่ขาด อีก 4,000 ล้านบาทให้ครบที่ชำระแล้ว 36,000 ล้าน บาท ขณะที่ปัญหาเรื่องเงินกู้ต่างประเทศเป็นตัวบั่นทอนธนาคารฯ เสนอเพิ่มทุนอีก 10,000 ล้าน บาท โดยให้แปลงหนี้เป็นทุนส่วนของเงินกู้ญี่ปุ่นYankee Bond ประมาณ 8,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่หลัง ไม่ผิดเงื่อนไขของกทม.เตรียมเสนอกนข.ปรับวิธีการรับจำนำข้าวให้เกษตรกรและสหกรณ์เข้ารับจำนำข้าวเหมือนกับโรงสีทั่วไป เพื่อลดการทุจริต-คอร์รัปชั่น

นายบรรลุ จารุกิจโสภา รองผู้จัดการ ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาธ.ก.ส.ได้เข้าไปมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรทั้งในรูปของเงินทุน การพัฒนาอาชีพ ตลอดจนการเชื่อมโยงระบบตลาด ซึ่งส่งผลทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศ ธ.ก.ส.ได้ถูกชะลอการจัดสรร การเพิ่มทุนจากรัฐบาล ซึ่งตามปกติรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง จะต้องถือหุ้นเป็นวงเงิน 30,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันธ.ก.ส.ได้รับชำระค่าหุ้นในส่วนนี้อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท ประกอบกับในช่วงปี 2540 การ ดำเนินงานของธ.ก.ส.ต้องอาศัยแหล่งเงินทุนจาก ต่างประเทศ อาทิ เงินกู้ Yankee Bond เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต้นทุนเงินที่สูง อันเป็นภาระที่ธ.ก.ส.ต้องรับอยู่ในขณะนี้

"ธ.ก.ส.มีความเข้าใจถึงภาระงบประมาณของประเทศ จึงไม่ได้มีการร้องขอแต่ประการใด แต่ในช่วงระยะเวลานี้ ธ.ก.ส.เล็งเห็นว่าฐานะทางการคลังและระบบเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นกว่าในอดีต จึงอยากจะให้รัฐบาลได้ช่วยเพิ่มทุนในส่วนที่ยังเหลืออีก 4,000 ล้านบาทให้กับ ธ.ก.ส.อันจะเป็นการช่วยลดภาระที่ธ.ก.ส.ได้ประสบอยู่ ซึ่งในเรื่องนี้ จะได้ทำเรื่องเสนอต่อกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาจัดตั้งงบประมาณ ในปีงบประมาณ 2547 ต่อไป" นายบรรลุกล่าวและย้ำว่า

นอกจากการเพิ่มทุนจะช่วยลดภาระต้นทุน หนี้เงินกู้ต่างประเทศแล้ว การเพิ่มทุนให้กับธ.ก.ส. ยังส่งผลดีต่อเกษตรกรลูกค้าของธ.ก.ส.ทั้งในแง่ของต้นทุนของธนาคารที่ลดลง และการเพิ่มขีด ความสามารถในการสนับสนุนสินเชื่อของธ.ก.ส. ให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับภารกิจของ ธ.ก.ส.ที่มุ่งไปสู่ธนาคารพัฒนาชนบท ธนาคารที่ให้มากกว่าสินเชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าธ.ก.ส.มีแผนที่จะลดภาระดอกเบี้ยจากเงินกู้อย่างเช่น Yankee Bond ซึ่งมียอดเงินกู้ประมาณ 182.91 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 8,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่7.75 % อายุ 10 ปี ครบกำหนดในวันที่ 15 เมษายน 2550 ซึ่งตามแผนธ.ก.ส.เสนอให้กระทรวงการคลังเพิ่มทุนอีก 10,000 ล้านบาทจาก ทุนจริงๆ 30,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังแปลงหนี้เป็นทุนในส่วนของ Yankee Bond และอีกประมาณ 2,000 ล้านบาททางธ.ก.ส.จะรับผิดชอบโดยการหาแหล่งเงินทุนเอง

เดินหน้าก่อสร้างสำนักงานใหญ่

นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า กรมโยธาธิการและสำนักงานผังเมือง มีมติว่า ธ.ก.ส.เป็นหน่วยงานราชการ จึงไม่ผิดเงื่อนไขและระเบียบของกรุงเทพมหานคร ในการสร้างอาคารบริเวณที่เป็นพื้นที่สีส้มได้ ธ.ก.ส. จึงสามารถเดินหน้าสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของธนาคารต่อไปได้

ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ต้องรอมติของกรมโยธาธิการและสำนักงานผังเมืองอย่างเป็นทางการก่อน หลังจากนั้น จึงจะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารพิจารณาภายในเดือนมีนาคมนี้ จึงจะสามารถก่อสร้างสำนักงานได้ ซึ่งล่าสุดการก่อสร้างหยุดอยู่ที่การตอกเสาเข็ม ขั้นตอนต่อไปคือ การจัดทำแบบและเปิดประมูลผู้ก่อสร้าง คาดว่าจะใช้เวลาในการสร้างประมาณ 3 ปี 6 เดือน

ก่อนหน้านี้ ธนาคารได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า การตัดสินใจสร้างสำนักงานพื้นที่ดังกล่าวไม่ขัดกับระเบียบของกรุงเทพมหานคร เมื่อการก่อสร้าง เสร็จจะรวมสำนักงานทั้ง 3 แห่งไว้ด้วยคือ สำนักงานที่นางเลิ้ง จตุจักร และประชาชื่น ซึ่งปัจจุบันสำนักงานแต่ละแห่งมีพนักงานจำนวนมาก แต่พื้นที่เดิมคับแคบ

ธ.ก.ส.เสนอแก้วิธีจำนำข้าว ดึงเกษตรกรและสหกรณ์ร่วม

นายเอ็นนู กล่าวว่าในเร็ว ๆ นี้ ธ.ก.ส.จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) พิจารณาปรับปรุงวิธีการรับจำนำข้าวนาปี ในฤดูการผลิต 2546/2547 เพิ่มเติมโดยให้เกษตรกรที่ดีรวมกลุ่มกัน หรือ ให้สหกรณ์การเกษตร เข้ามาทำหน้าที่รับจำนำ เช่นเดียวกับโรงสีข้าวโดยทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำ กับรัฐบาลด้วย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร และช่วยเพิ่มความสามารถในการดำเนินงานของ สหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกรที่ดี และที่สำคัญจะเป็นการป้องกันปัญหาการคอร์รัปชั่นและลดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวได้อีกแนวทางหนึ่ง

ทั้งนี้เพราะเห็นว่าในปัจจุบันกลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์การเกษตร ต่างมีความพร้อมในเรื่องของลานตากข้าวและยุ้งฉาง ที่จะสามารถเก็บข้าวจากเกษตรกรที่นำมาจำนำได้ รวมทั้งกลุ่ม เกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร ต่างมีสมาชิกเกษตรกรที่สามารถตรวจสอบคุณสมบัติได้ และสามารถเอาผิดได้หากมีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการนำกลุ่มเกษตรและสหกรณ์การ เกษตร เข้ามาดำเนินการเช่นเดียวกับโรงสีข้าวนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเสนอให้ยกเลิกการทำหน้าที่ของโรงสีข้าว เพียงแต่เป็นการเสริมหน้าที่ของโรงสีข้าวเท่านั้น

นอกจากนี้ในส่วนของ ธ.ก.ส.เอง ก็ได้มอบหมายให้รองผู้จัดการ และผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. เข้าไปคุมเข้มการดำเนินการรับจำนำของ ธ.ก.ส.อย่างใกล้ชิด โดยแบ่งเป็นพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นขึ้นทั้งในส่วนของ ธ.ก.ส.เอง หรือส่วนที่อาจเกี่ยวข้องด้วย โดยรองผู้จัดการ หรือผู้ช่วย ผู้จัดการ ที่ได้รับมอบหมายจะต้องดูแลไม่ให้เกิดการทุจริตหรือคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นในส่วนที่ ธ.ก.ส.ต้องเป็นผู้ดำเนินงาน ซึ่งหากพบว่ามีการทุจริตหรือคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น ผู้บริหารนั้นๆต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินงานรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ของ ธ.ก.ส.แต่ละปีจะมีเพียงเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เข้าไปดูแล ซึ่งอาจไม่มีความเข้มงวดมากนัก จึงได้มอบหมายให้ผู้บริหารระดับสูงเข้าไปดูแลอย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้นอีกชั้นหนึ่ง

สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีประจำฤดูการผลิตที่ 2545/2546 ได้เข้าไปรับจำนำในพื้นที่ภาคกลาง เหนือและอีสาน แล้ว โดยล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2546 สามารถรับจำนำได้จำนวน 2.8 ล้านตัน และจ่ายเงินกู้ไปแล้วจำนวน 14,700 ล้านบาท โดย ในส่วนภาคใต้จะเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีเกษตรกร นำข้าวมาจำนำเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านตัน

โดยคาดการณ์ว่าตลอดทั้งโครงการจะมีเกษตรกรมาจำนำข้าวไม่เกิน 4 ล้านตัน และขณะนี้ราคาข้าวเปลือกในท้องตลาดนั้นมีราคาที่สูงกว่าราคารับจำนำ โดยเฉลี่ยราคาข้าวเปลือกตามราคาตลาดตกตันละ 6,600 บาท ขณะที่ราคารับจำนำอยู่ที่ระดับ 4,500 บาท ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us