Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 พฤศจิกายน 2549
“ค่าเงินบาท”ทุบสถิติแข็งสุดรอบ 8ปี 8 เดือนต่างชาติขนเงินทุ่ม3.6แสนล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
Currency Exchange Rates




ธปท.เผยดุลการชำระเงิน 8 เดือนแรกของปีนี้ มีเม็ดเงินจากต่างชาติทะลักเข้าไทยผ่านภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคารถึง 3.6 แสนล้านบาท โดยเฉพาะเงินลงทุนโดยตรงในภาคเศรษฐกิจจริงกว่า 1 แสนล้านบาท ขณะที่ค่าเงินบาทเมื่อวานนี้แข็งค่าสูงสุดในรอบ 8 ปีแตะที่ 36.39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหตุนักลงทุนต่างชาติแห่ลงทุนไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดความกังวลจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้รายงานดุลการชำระเงิน ล่าสุด 8 เดือนแรกของปี 2549 พบว่า ยังคงมีเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่องจากต่างประเทศต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมา มีเงินไหลเข้าจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในส่วนของภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคารสูงถึง 9,726 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 359,862 ล้านบาท (37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) โดยเป็นเงินลงทุนโดยตรงในภาคเศรษฐกิจจริง 4,106 ล้านเหรียญฯ หรือ 151,922 ล้านบาท เป็นเงินกู้เข้ามาลงทุน 890 ล้านเหรียญฯหรือ 32,930 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนในหลักทรัพย์ 3,868 ล้านเหรียญฯ หรือ 143,166 ล้านบาท และเป็นเงินลงทุนอื่นๆ 862 ล้านเหรียญฯ หรือ 31,894 ล้านบาท

สำหรับค่าเงินบาทในช่วงเปิดตลาดของเมื่อวานนี้(14 พ.ย.) แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตลาด ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 36.41บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปรับแข็งค่าขึ้นจากวันก่อนหน้า0.27% และเมื่อเทียบกับสิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งค่าเงินบาทอยู่ที่ 37.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นแล้ว 3.05% หรือ 1.11 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้สาเหตุหลักๆ เกิดจากมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมากนับตั้งแต่ต้นปี 2549ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันเมื่อเทียบค่าเงินบาทกับค่าเงินสกุลยูโรของสหภาพยุโรป พบว่า อยู่ที่ระดับ46.65 บาทต่อยูโร แข็งค่าขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.68% และเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนก่อนที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น2.09% หรือ 0.98 บาทต่อยูโร ส่วนค่าเงินบาทเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่นต่อ 100 เยน พบว่าค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.95 บาทต่อ 100 เยน แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า 0.65% และเมื่อเทียบกับสิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แข็งค่าขึ้น2.88% หรือ 0.89 บาทต่อ 100 เยน

ด้านนักค้าเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ค่าเงินบาทเมื่อวานนี้ (14 พ.ย.) ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักอื่นๆ โดยในช่วงเช้าเปิดอยู่ที่ระดับ 36.53 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในระหว่างวันมีการปรับตัวแข็งค่าสูงสุดอยู่ที่ 36.39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 8 ปี และกระทั่งปิดตัวค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 36.41-36.43 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้สาเหตุหลักๆ ที่ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากเงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยทั้งตลาดหุ้นและพันธบัตรยังคงมีมาก ขณะเดียวกันค่าเงินบาทได้รับผลมาจากปัจจัยนอกประเทศทั้งค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐที่มีทิศทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง และการประกาศตัวเลขของญี่ปุ่นที่ออกมาไม่ดีนัก ทำให้นักลงทุนต่างชาติหันมาลงทุนในไทยมากขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us