|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จีเอ็มเอ็มแกรมมี่เผย ธุรกิจเพลงและภาพยนตร์ ไปโลดส่งผลต่อผลประกอบการไตรมาสสาม รายได้รวม 1,601 ล้านบาท กำไร 73 ล้านบาท ส่วนวิทยุรายได้ลดฮวบ 32% คาดทั้งปีรายได้รวมทะลุ 6,000 ล้านบาท
นางบุษบา ดาวเรือง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ว่า บริษัทฯมีรายได้รวม 1,601.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไรสุทธิ 73.1 ล้านบาทสำหรับสาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ เพลงและภาพยนตร์
โดยธุรกิจเพลงมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเพลงและค่าลิขสิทธิ์ในไตรมาสนี้ จำนวน 696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจเพลงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ประมาณ 50% ของรายได้รวมของบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯยังคงได้รับผลดีอย่างต่อเนื่องจากการปรับโครงสร้างต้นทุนเพลงไปตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว โดยไตรมาสที่ 3 ได้ออกอัลบั้มใหม่ทั้งหมด 62 อัลบั้ม
“แกรมมี่ยังประสบความสำเร็จจากการนำศิลปินไปสร้างผลงานในต่างประเทศ เช่น การนำศิลปินดูโอ กอล์ฟ-ไมค์ ไปร่วมออกอัลบั้มกับ Yamashita ศิลปินวัยรุ่นที่มีชื่อเสียงของค่ายเพลง Johny Junior ในประเทศญี่ปุ่น ในนามวง GYM ยอดจำหน่ายทั้งในญี่ปุ่นและไทย ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกเกือบ 5 แสนแผ่น นอกจากนี้เรายังได้นำ จิม บริคแมน นักเปียโนที่มีชื่อเสียงก้องโลก มาเล่นเปียโนในอัลบั้มใหม่ล่าสุด ของใหม่ เจริญปุระ ด้วย”
นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯได้เน้นการขายเพลงผ่านช่องทางดิจิตอลมากขึ้น ซึ่งถือเป็นช่องทางรายได้สำคัญของธุรกิจเพลง โดยทางแกรมมี่ได้ให้บริการดาวน์โหลดเพลงแบบเต็มเพลง หรือผู้บริโภคสามารถเลือกดาวน์โหลดเพลงแบบเต็มอัลบั้มผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ และทางอินเทอร์เน็ต ภายใต้ชื่อบริการ ikey การจัดให้มีบริการประเภท first load โดยผู้บริโภคสามารถเลือกดาวน์โหลดเพลงก่อนวางจำหน่ายบนแผงเทปได้ ซึ่งหลังจากเปิดตัวบริการ ikey ไปได้ประมาณ 1 เดือน มียอดดาวน์โหลดเข้ามามากกว่า 1 แสนโหลด
ส่วนธุรกิจภาพยนตร์ ในไตรมาสที่ 3 แกรมมี่ประสบความสำเร็จกับภาพยนตร์ที่เข้าฉายทั้ง 3 เรื่อง คือ แก๊งชะนีกับอีแอบ โกยเถอะโยม และ Season Change ที่มี box office รวมแล้วประมาณ 200 ล้านบาท ทำให้รายได้จากภาพยนตร์และจากการผลิตภาพยนตร์โฆษณา มีรายได้ 125.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ด้านธุรกิจสื่อ ยังคงประสบความสำเร็จจากธุรกิจโทรทัศน์ ซึ่งมีรายได้ 238.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และธุรกิจการจัดกิจกรรมทางการตลาด โดยมีรายได้ 158.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับธุรกิจวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯได้ลดจำนวนสถานีลง จาก 5 คลื่นเหลือ 4 คลื่น ทำให้รายได้จากธุรกิจวิทยุลดลงเหลือ 134.7 ล้านบาท ลดลง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามผลของการปรับรูปแบบรายการคลื่นวิทยุทั้ง 4 คลื่น ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา เริ่มจะส่งสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เรตติ้งในแต่ละรายการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ EFM 94.0 FM และ HOT WAVE 91.5 FM
“สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้าย เรายังคงเน้นธุรกิจเพลงเป็นหลัก โดยจะมีอัลบั้มใหม่ของศิลปินดังๆ ออกวางตลาดในช่วงปลายปีนี้ เช่น บิ๊กแอส , บอย พีช เมกเกอร์ และแคลช เป็นต้น โดยคาดว่ารายได้ทั้งปีของกลุ่มบริษัทแกรมมี่ จะมากกว่า 6,000 ล้านบาท” นางบุษบากล่าว
|
|
|
|
|