Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2539
ดาลิป กุมาร ปาวา เมื่อเวิร์ลพูลต้องรุกทุกแนวรบ             
 

 
Charts & Figures

ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านของเวิร์ลพูลในภูมิภาคต่างๆ


   
search resources

เวิร์ลพูล คอร์ปอเรชั่น
ดาลิป กุมาร ปาวา
Electric




แม้ว่าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน "เวิร์ลพูล" ของบริษัทเวิร์ลพูล คอร์ปอเรชั่น แห่งสหรัฐอเมริกาจะมียอดการผลิตและจำหน่ายสูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ นอกเหนือไปจากการมียอดขายเป็นอันดับ 3 ในตลาดยุโรป

แต่สำหรับในเอเชีย เนื่องจากเวิร์ลพูลเพิ่งเริ่มขยายธุรกิจเข้ามาสู่ภูมิภาคนี้เมื่อปี 2532 ซึ่งเป็นช่วงที่แทบทุกประเทศถูกครอบครองตลาดโดยบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าจากญี่ปุ่นแล้วทั้งสิ้น จึงเป็นธรรมดาที่ส่วนแบ่งการตลาดหรือยอดขายของเวิร์ลพูลในเอเชียยังต่ำมาก (ดูตารางยอดขายประกอบ)

สาเหตุที่ทำให้เวิร์ลพูลตัดสินใจรุกตลาดเอเชีย เนื่องมาจากผลการวิจัยตลาดของบริษัทที่ยืนยันว่า ความสำเร็จระดับโลกของเวิร์ลพูลจะเป็นจริงได้ต้องมีความสามารถในเอเชียให้ได้ก่อน เพราะเศรษฐกิจของอาเซียนมีแนวโน้มที่จะเติบโตถึงปีละ 6% ไปจนถึงปี 2000 รวมทั้งมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอนาคตอันใกล้ จากปัจจุบันที่เป็นตลาดใหญ่อันดับสองของโลก

กลยุทธ์สำคัญในการก้าวสู่เวทีการแข่งขันระดับโลกของเวิร์ลพูล เริ่มต้นเมื่อปี 2431 ด้วยการเข้าร่วมทุนกับบริษัท ฟิลิปส์ ยักษ์ใหญ่ของยุโรป ในส่วนของสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยมีสัดส่วนการร่วมทุน 53% และ 47% ตามลำดับ

การร่วมทุนกันครั้งนี้ทำให้เวิร์ลพูลก้าวขึ้นมามีบทบาทในระดับโลก เพราะได้อาศัยเครือข่ายของฟิลิปส์ที่มีอยู่ทั่วโลก รวมทั้งได้แบรนด์ อิมเมจที่มีอยู่ในตลาดเป็นเวลานานและกระจายอยู่ทั่วโลกมาเป็นประโยชน์ในการทำตลาด ภายใต้เครื่องหมายการค้า "ฟิลิปส์-เวิร์ลพูล"

หลังจากร่วมมือกันอยู่ 3 ปี เวิร์ลพูลได้เข้ามาเทคโอเวอร์หุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดจากฟิลิปส์ ซึ่งส่งผลให้เวิร์ลพูลกลายเป็นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (Home Appliance) ที่ใหญ่ที่สุดของโลก คือ มีสินค้าจัดจำหน่ายอยู่ในกว่า 120 ประเทศ ด้วยยอดขายทั่วโลก 8,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 202,500 ล้านบาทในปี 2537

แม้ว่าจะแยกทางกับฟิลิปส์ แผนการรุกตลาดเอเชียของเวิร์ลพูลก็ยังดำเนินต่อไป และถือว่าเป็นเป้าหมายหลักประการหนึ่งของวิชั่น 2000 ของบริษัทที่กำลังจะมาถึงในอีก 5 ปี อันเป็นขั้นตอนที่จะนำไปสู่เป้าหมายสำคัญสูงสุด คือ การขึ้นมาเป็น TOP 3 ในภูมิภาคนี้ภายใน 7-8 ปีข้างหน้า และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวเวิร์ลพูลจะต้องลงทุนสร้างโรงงานในภูมิภาคนี้จำนวนทั้งสิ้น 14-15 โรงงาน

เวิร์ลพูลแบ่งตลาดเอเชียเป็น 3 เขตหลักคือ เขตที่ 1-จีน เขตที่2-อินเดีย ส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลียและเอเชียเหนืออยู่ในในเขตที่ 3 โดยใน 2 เขตแรกเวิร์ลพูลได้เข้าไปตั้งโรงงานแล้ว 7 โรงเมื่อปลายปีที่ผ่านมา อยู่ในจีน 5 โรง คือ โรงงานผลิตตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เตาอบ ไมโครเวฟ และคอมเพรสเซอร์ ในอินเดียมีโรงงานผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้าด้วยเงินลงทุนทั้งสิ้น 700 ล้านดอลลาร์

นายดาลิป กุมาร ปาวา อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทเวิร์ลพูล (ประเทศไทย) ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นประธานและกรรมการผู้จัดการเวิร์ลพูลประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลียและเอเชียเหนือ เมื่อต้นปีที่ผ่านมากล่าวถึงเหตุผลที่เวิร์ลพูลเลือกตั้งโรงงานในจีนและอินเดียว่า เพราะทั้งสองประเทศเป็นตลาดใหญ่ มีความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านสูง ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้ในปริมาณที่มาก ประกอบกับค่าจ้างแรงงานยังต่ำ ซึ่งยิ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้

"ในทวีปเอเชียตัวแปรสำคัญอยู่ที่ประเทศจีน อินเดียและญี่ปุ่น ถ้าเราโตใน 3 ประเทศนี้ได้เร็วมาก โอกาสจะประสบความสำเร็จก็จะมีมาก"

ตามแผนการที่วางไว้ นอกจากจะผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศแล้ว โรงงานในจีนและอินเดียจะเป็นผู้ผลิตสินค้าป้อนให้กับเวิร์ลพูลในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นทั่วโลก แต่ถ้ากำลังการผลิตไม่เพียงพอ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจที่สุดในการตั้งฐานผลิต เพราะการเกิดขึ้นของเขตการค้าเสรีอาเซียนที่จะมีการลดภาษีกันอย่างมโหฬารในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเรื่องนี้คงจะมีการพิจารณากันในอีก 2 ปีข้างหน้า

กล่าวสำหรับประเทศไทย แม้ว่าในแง่ยุทธศาสตร์อาจจะไม่สำคัญเท่า 3 ประเทศดังกล่าวข้างต้น แต่ก็นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะเวิร์ลพูลในประเทศไทยประสบความสำเร็จในการทำตลาดมากที่สุด เมื่อเทียบกับเวิร์ลพูลประเทศอื่นในเอเชียด้วยกัน จนกระทั่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดูแลกิจการเวิร์ลพูลตลาดอินโดจีนและพม่า

เวิร์ลพูล ประเทศไทย ถูกก่อตั้งขึ้นมาในปี 2533 เริ่มจากยอดขาย 480 ล้านบาท ก่อนที่จะขึ้นมาเป็น 1,252 ล้านบาทเมื่อปี 2537 และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และ 2,000 ล้านบาทในปีนี้

ประยงค์ ตรีรัตนกุลชัย กรรมการผู้จัดการเวิร์ลพูล ประเทศไทย กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญในการทำตลาดประเทศไทยว่า จะพยายามผลักดันสินค้าเวิร์ลพูลให้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งขณะนี้มีเพียงตู้เย็นเท่านั้นที่เข้าใกล้ตำแหน่งดังกล่าวมากที่สุด รองลงมา คือ เตาอบไมโครเวฟ ส่วนเครื่องซักผ้าและเครื่องปรับอากาศนั้นคงต้องออกแรงมากกว่าเพื่อน เพราะเป็นสินค้าที่ไม่มีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน

ในปีที่ผ่านมาตู้เย็นเวิร์ลพูลมีส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 20% คือ หรือ 30,000 ตู้ของตลาดรวม 1.7-1.8 แสนตู้ เตาอบไมโครเวฟมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% เครื่องซักผ้าเกือบ 10% ส่วนเครื่องปรับอากาศมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ไม่ถึง 5%

แผนการรุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของเวิร์ลพูล นอกจากการแนะนำสินค้ารุ่นใหม่เข้าตลาดแล้ว อีกสิ่งที่เวิร์ลพูลจะเร่งผลักดันก็คือ การสร้างแบรนด์เวิร์ลพูลให้ชัดเจน เพราะที่ผ่านมาผู้บริโภครู้จักแต่ตู้เย็นของเวิร์ลพูลเท่านั้น ส่วนสินค้าอื่นๆ ยังเป็นที่รู้จักน้อย พร้อมกันนี้ยังจะสร้างภาพพจน์ของสินค้าให้เป็น USA Image

นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะนำสินค้า Fighting Brand มาขยายตลาด โดยจะเริ่มจากการนำตู้เย็นยี่ห้อ "Ignis" เข้ามาวางขายในดิสเคาน์สโตร์อย่างแม็คโคร ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และเป็นช่องทางการจำหน่ายที่เวิร์ลพูลยังไม่ได้เข้าไปเล่น เพราะไม่ต้องการให้มีการตัดราคากับสินค้ายี่ห้อเวิร์ลพูลที่วางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าตัวแทนจำหน่าย โดยคาดว่าจะเริ่มต้นในกลางปีนี้

กลยุทธ์สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การรุกตลาดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Domestic Appliance) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในโลกที่เวิร์ลพูลรุกเข้าสู่ตลาดนี้

ประยงค์กล่าวถึงสาเหตุที่ลงมาเล่นในตลาดนี้ว่า เนื่องจากเป็นตลาดน่าสนใจ เพราะมีมูลค่าสูงถึง 3,000 ล้านบาท สินค้าตัวแรกที่บริษัทแนะนำไปแล้วคือ หม้อหุงข้าว ส่วนในปีนี้มีแผนจะแนะนำพัดลมและเตารีด โดยคาดว่าภายในปีนี้จะมีส่วนแบ่งตลาดนี้ประมาณ 5%

"นอกเหนือจากสินค้าญี่ปุ่นแล้ว เรามั่นใจว่าเวิร์ลพูลจะเป็นสินค้าอเมริกาที่บุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้มากกว่าใครในภูมิภาคนี้ เพราะเราพัฒนาทุกๆ อย่างควบคู่กันไป" ดาลิป กุมาร ปาวากล่าวทิ้งท้าย เพราะคาดหมายว่า ความสำเร็จของประเทศไทยจะยิ่งทำให้ความสำเร็จในภูมิภาคเอเชียของเวิร์ลพูลเป็นจริงขึ้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us