Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มกราคม 2539








 
นิตยสารผู้จัดการ มกราคม 2539
เก้าอี้ดนตรีที่ 'เป๊ปซี่' ยุคผู้บริหารอิมพอร์ตและคนรูปหล่อ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท เสริมสุข จำกัด (เป๊ปซี่)

   
search resources

เสริมสุข, บมจ.
ปริญญา เพิ่มพานิช
Soft Drink




เป๊ปซี่ได้ประกาศจุดประสงค์ไว้อย่างชัดเจนในการเข้าไปเทกโอเวอร์บริษัทเสริมสุข เมื่อปลายปี 2537 ที่ผ่านมาว่า เพราะต้องการมีอำนาจเด็ดขาดในไทย เพื่อจะได้วางกลยุทธ์ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการรุกธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ แถบอินโดจีน

หลังจากที่เป๊ปซี่เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ไม่นาน ทั้งเสริมสุขและเป๊ปซี่ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับตัวผู้บริหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของเป๊ปซี่มีการเปลี่ยนแปลงชนิดที่เรียกว่า เกือบจะถอนรากถอนโคนทีเดียว

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเสริมสุขครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่มากมาย แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กล่าวคือ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเป๊ปซี่โคล่าได้มีการส่งผู้บริหารระดับสูง 2 คนเข้าไปช่วยงานที่เสริมสุขจำนวน 2 คน

เริ่มจากการส่งนายบี.ที.เล้า ซึ่งเคยทำงานที่เป๊ปซี่-โคล่า อินเตอร์เนชั่นแนล สาขาสิงคโปร์ เข้ามานั่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน ทั้งนี้เพื่อทดแทนสมุห์บัญชีคนเก่าของเสริมสุขที่ถึงคราวเกษียณอายุไป

นอกจากนี้เป๊ปซี่ยังส่งมร.โทนี่ แพง มาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาดที่เสริมสุขด้วย เพื่อดูแลรับผิดชอบด้านการขายควบคู่ไปกับการตลาด โดยต้องทำงานประสานกับนายสุทธิ ศุภโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ที่ผ่านมาทั้งสองคนก็ดูแลทั้งฝ่ายการตลาดและการขายควบคู่ไปด้วยกันอยู่แล้ว

นายปริญญา เพิ่มพานิชกล่าวกับ "ผู้จัดการรายเดือน" ว่า การที่เป๊ปซี่-โคล่าส่งผู้บริหารของตนเองเข้ามาร่วมบริหารงานที่เสริมสุข นับว่าเป็นผลดีกับบริษัท เพราะจะได้มีโอกาสเรียนรู้โนว์ฮาวใหม่ๆ จากบริษัทแม่

แต่ฝ่ายเป๊ปซี่จะคิดอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่ภาพที่มองเห็นก็คือ จุดที่เป๊ปซี่ส่งคนเข้าไปดูแลนั้นอยู่ในขั้นมีความสำคัญมาก

ในส่วนการเปลี่ยนแปลงของเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้งนั้น แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบเงียบๆ และค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อย

ถ้ายังจำกันได้ เมื่อต้นปี 2537 เป๊ปซี่ได้แต่งตั้งนายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธ์ ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ซึ่งต้องดูแลรับผิดชอบด้านการตลาดให้กับเป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่นอัพ แทนนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งถูกโยกย้ายไปเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัทเป๊ปซี่ โค ฟูดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด

แต่ปรากฏว่าสุรินทร์รับตำแหน่งดังกล่าวอยู่ไม่กี่เดือน ก็ถูกย้ายให้ไปดูแลด้านผลิตภัณฑ์ประเภท Non-Cabornate และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้กับประเทศไทยและอินโดจีน แม้ว่าตำแหน่งสุรินทร์จะยังคงเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเหมือนเดิม แต่ถ้าพูดถึงบทบาทแล้ว ออกจะแตกต่างกันอยู่มาก เพราะถ้าพูดกันจริงๆ แล้ว ขณะนี้ในประเทศไทยยังไม่มีผลิตภัณฑ์ประเภท Non-Carbonate ให้สุรินทร์ดูแลแม้แต่ตัวเดียว ขณะที่เป๊ปซี่ มิรินด้า และเซเว่น-อัพล้วนแล้วแต่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของเป๊ปซี่ทั้งสิ้น

แต่ถ้าจะมองอีกแง่หนึ่ง สุรินทร์อาจจะเหมาะกับงานผลักดันสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดมากกว่า เพราะสมัยที่อยู่กับลิเวอร์ ผลงานที่โดดเด่นของเขา คือ การนำไอศกรีมวอลล์เข้าสู่ตลาดเมื่อปี 2531 และเคยเป็นผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจที่ลีเวอร์ด้วย

"PCI มองว่าตลาด Non-Carbonate จะมาแรงและมีศักยภาพสูงมาก จึงต้องการให้มีผู้บริหารเข้ามาดูแลรับผิดชอบอย่างจริงจัง ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาให้เห็น แต่ตอนนี้ยังเป็นความลับอยู่" แหล่งข่าวของเป๊ปซี่เล่าให้ฟัง

ตัวสุรินทร์เองเคยพูดถึงแผนการนำสินค้าใหม่ๆ ของเป๊ปซี่-โคล่า อินเตอร์เนชั่นแนลเข้าสู่ตลาดประเทศไทยว่า จะเป็นสินค้าระดับพรีเมียมประเภทสปาคกิ้ง และนอนสปาคกิ้ง ซึ่งจะมีรสชาติคล้ายโซดา โดยอาจจะเป็นน้ำดื่ม น้ำผลไม้ หรือสปอร์ตดริ้งค์ก็ได้ ซึ่งคงต้องรอดูต่อไปว่า สินค้าใหม่ที่สุรินทร์จะเข็นออกมานั้นจะเด็ดขนาดไหน

สำหรับงานที่สุรินทร์เคยดูแลนั้น เป๊ปซี่ โคล่า อินเตอร์ฯ ได้ส่งนายเอส.ไอ. ลี เข้ามารับผิดชอบแทน ในตำแหน่งผู้นวยการฝ่ายขายและการตลาด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ตำแหน่งนี้ตกไปเป็นของผู้บริหารจากต่างประเทศ ถ้าจะหาเหตุผลก็น่าจะเป็นเพราะเป๊ปซี่กำหนดให้ทุกประเทศใช้แผนแม่บททางการตลาดที่บริษัทแม่กำหนดไว้ให้ ดังนั้น เมื่อนโยบายเป็นระดับโลกเช่นนี้ ผู้บริหารก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนไทยก็ได้

นอกจากนี้เป๊ปซี่ยังดึง แมทธิว กิจโอธาน อดีตผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นผม บริษัท ลีเวอร์ บราเธอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มานั่งเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด ดูแลผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่และเป๊ปซี่แม็กซ์ อันเป็นตำแหน่งเก่าที่สุรินทร์เคยนั่งก่อนที่จะเลื่อนขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

ในปีที่ผ่านมาเช่นกันที่เป๊ปซี่มีการเพิ่มตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายโพสต์มิกซ์ขึ้นมาอีกตำแหน่งหนึ่ง โดยผู้ที่เข้ามารับผิดชอบในฐานะผู้จัดการคือ ฐิติวุฒิ บุลสุข ลูกชายคนโตของสมชาย บุลสุข ซึ่งสำเร็จการศึกษาด้านการเงินมาจากสหรัฐอเมริกานั่งเอง

"ตำแหน่งนี้ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมาก เพราะช่องทางการจำหน่ายของฝ่ายโพสต์มิกซ์ ถือว่าเป็น High Growth Channel ที่ทั้งเสริมสุขและเป๊ปซี่ให้ความสำคัญมาก และในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถเจาะลูกค้ารายใหม่ๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าจำพวกสวนสนุกอย่างลีโอแลนด์ ฟาสต์ฟูดใหม่ๆ อย่างลองจอห์น ซิลเวอร์และคันทรี่ สไตล์ โดนัท ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ โรงหนังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า เป็นต้น" ผู้บริหารระดับสูงของเสริมสุขเล่าให้ฟัง

โดยฐิติวุฒิต้องทำงานประสานกับปริญญาของเสริมสุขที่ดูแลรับผิดชอบตลาดโพสต์มิกซ์ด้วยเช่นกัน

ในขณะที่ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาช่องทางการขายพิเศษของมกร พฤฒิโฆสิต ที่ลาออกไปร่วมงานกับมีเดีย ออฟ มีเดียส์ เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมานั้น ไม่มีการแต่งตั้งใครมาดูแล แต่มีส่วนหนึ่งที่โอนมาให้ฐิติวุฒิดูแล

มกรเคยกล่าวกับผู้จัดการถึงสาเหตุการลาออกว่า เพราะงานการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายที่เขาทำมาหลายปีที่เป๊ปซี่นั้น ส่วนใหญ่เสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงต้องการเปลี่ยนไปทำงานที่อื่นที่ท้าทายความสามารถมากกว่าแทน

จะเห็นว่ามีเพียงแบรี่ เช ซึ่งเป็นประธานกรรมการและวีณา อรัญเกษม ที่เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด ดูแลผลิตภัณฑ์น้ำสีเท่านั้นที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเกิดขึ้น แต่เสริมสุขก็มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จะเห็นได้จากตัวเลขกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2538 ที่เพิ่มขึ้น 69.14 ล้านบาท รวม 3 ไตรมาสแล้วมีกำไร 307.42 ล้านบาท

ทั้งนี้เนื่องมาจากเสริมสุขสามารถทำรายได้จากการจำหน่ายสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 13.05% รวมกับยอดการจำหน่ายสินค้าอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น 9.06% รวมทั้งมีรายได้จากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับปรุงกิจการภายในอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลงเป็นที่น่าพอใจ เป็นผลให้บริษัททำกำไรได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 107 ล้านบาท หรือ 53.58%

ที่สำคัญผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่ยังสามารถทำส่วนแบ่งทางการตลาดน้ำดำเพิ่มขึ้นจาก 57% เมื่อปีที่แล้วเป็น 59% ในปีนี้อีกด้วย ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดรวมของบริษัทก็เพิ่มจาก 42% เป็น 43% ด้วย

การโยกย้ายในเป๊ปซี่และเสริมสุขอาจจะยังไม่จบลงง่ายๆ และอาจต้องติดตามให้ดี เพราะเปลี่ยนกันเกือบจะเป็นเก้าอี้ดนตรีไปแล้ว

แต่ถ้าเปลี่ยนบ่อยๆ แล้วยอดขายกับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นก็น่าอยู่หรอก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us