|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นักค้าเงินคาดการณ์ค่าบาทปลายปีแตะระดับ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เล็งเศรษฐกิจสหรัฐ ค่าเงินหยวน การเมืองไทย เป็นแรงผลักดันสำคัญ จับตานักลงทุนโยกย้ายแหล่งลงทุนเข้าสู่ยุโรป เอเชีย มากขึ้น ด้าน รมว.คลัง รับมีเงินไหลเข้าไม่หยุดทั้งระยะสั้นและเพื่อลงทุน เหตุต่างชาติเริ่มมั่นใจเข้าลงทุนมากขึ้น
นักค้าเงินธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในสิ้นปีนี้คาดการณ์ว่าแนวโน้มค่าเงินบาทจะปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยการปรับตัวดังกล่าวมีปัจจัยมาจากเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัวลง รวมถึงการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมา ประกอบกับปัจจัยจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ที่หลายฝ่ายมองว่าไม่น่าจะมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ หรือหากมีการปรับขึ้นก็อาจขึ้นต่ออีกเพียงครั้งเดียว ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลทำให้นักลงทุน เริ่มมีความไม่แน่ใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงต้องทำการโยกย้ายการลงทุน หรือขายพอร์ตการลงทุนที่มีอยู่ แล้วหาลู่ทางใหม่ในกระจายพอร์ตการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยเล็งการลงทุนมาในแทบประเทศยุโรป และเอเชียมากขึ้น
ทั้งนี้ในต้นปีหน้าคาดการณ์ว่าค่าเงินบาทน่าจะมีโอกาสปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ต้องจับตาดูในปีหน้าคือเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ค่าเงินหยวนของจีนว่าจะมีทิศทางต่อไปอย่างไร ประกอบกับการเมืองของประเทศไทยว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนที่เข้ามาไม่ค่อยสนใจลงทุนในระยะยาวมากนัก ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างไม่ค่อยสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมากนัก
สำหรับค่าเงินบาทวานนี้ (13 พ.ย.) เปิดตลาดที่ 36.50-36.53 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และปิดคลาดที่ 36.50-36.54 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
จับตาจีนเทขายเงินดอลลาร์
นักค้าเงินจากธนาคารกรุงเทพกล่าวว่า เงินบาทวานนี้(13 พ.ย.)เคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน โดยเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 36.56/60 บาทต่อดอลลาร์และปรับตัวแข็งค่าต่ำสุดของวันที่ระดับ 36.50/53 บาทต่อดอลลาร์ และเคลื่อนไหวอยู่ในระดับดังกล่าวตลอดวัน โดยแนวรับระดับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์ถือเป็นแนวรับสำคัญที่ค่าบาทยังไม่ทะลุลงไป
ทั้งนี้ การที่เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการปรับการถือครองเงินตราสกุลต่างประเทศในเงินทุนสำรองของประเทศจีน ทำให้มีการเทขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าเงินสกุลที่จะถูกปรับหรือถูกลดการถือครองเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในส่วนนี้คงจะต้องรอความชัดเจนจากทางการจีนอีกครั้ง
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทในช่วงเดือนนี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 36.50-36.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอาจจะมีการอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงสั้นๆเป็นการรีบาวน์หลังจากที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
อุ๋ยเผยทุนนอกทะลัก
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวถึงการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.จนถึงปัจจุบัน มีเงินไหลเข้าอย่างไม่หยุด เป็นข้อเท็จจริงที่แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่การลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) ก็มีการจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งพบว่าปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้ว ส่วนเรื่องการลงทุนได้พบกับนักลงทุนต่างประเทศ หลังจากเราประกาศจะทำขนส่งมวลชนจาก 3 สาย เป็น 5 สาย และกำหนดเวลาการประมูลไว้ เดือน มี.ค. บรรยากาศทุกอย่างดีขึ้นมาก
"เงินลงทุนจากต่างชาติจะเข้ามาเยอะในโครงการรถไฟฟ้า เชื่อว่าระบบขนส่งมวลชนเป็นตัวที่ช่วยให้ต่างชาติเชื่อว่ารัฐบาลนี้ทำเป็น ทำได้เร็วและทำอย่างมีเป้าหมายที่แน่ชัด" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
|
|
|
|
|