Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 พฤศจิกายน 2549
UMSยันปีนี้โกยรายได้1,400ล้านคาดปีหน้าเติบโตอีกไม่ต่ำกว่า30%             
 


   
search resources

ยูนิค ไมนิ่ง
Mining




UMS ยันปีนี้ทำผลงานได้ตามเป้า 1,400 ล้านบาท ส่วนปี 50 ผลงานเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เหตุแนวโน้มการใช้ถ่านหินจะสูงขึ้น หลังต้นทุนพลังงานน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มสต๊อกถ่านหินมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ขณะที่คลังสินค้าแห่งใหม่เปิดใช้ได้กลางปีหน้า ทำให้มีพื้นที่สต๊อกถ่านหินมากขึ้น เผยขณะนี้มีลูกค้าเพิ่มเป็น 150 ราย และจะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า หลังลูกค้าทะยอยเปลี่ยนเตาบอยล์เลอร์เพื่อใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง

นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (UMS) เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทมีลูกค้าหันมาสั่งซื้อถ่านหินกับบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 150 รายแล้ว และเป้าหมายปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกมาก หลังจากต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงเป็นวัตถุดิบ ได้หันมาใช้ถ่านหินเป็นเป็นเชื้อเพลิงแทน เพราะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงได้ถึง 30% โดยตั้งแต่ปี48 พบว่ามีผู้ประกอบการที่พยายามจะเปลี่ยนจากที่ใช้หม้อต้มไอน้ำ (Boiler)จากถ่านหิน แทนพลังงานจากน้ำมัน

ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทได้รับผลดีตามไปด้วย โดยคาดว่าผลการดำเนินงานปี 50 ของ UMS ยังจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือที่ระดับไม่ต่ำกว่า 30% แม้มองจากแนวโน้มโดยรวมที่การหันมาใช้จะมีเพิ่มสูงขึ้น แต่บริษัทก็ตั้งเป้าไว้แบบอนุรักษ์นิยม ซึ่งผลงานปีนี้มั่นใจว่าจะทำผลงานได้ตามเป้าหมายคือ 1,400 ล้านบาท จากการที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากที่ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นต่อในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าระยะหลังนี้ราคาได้ปรับลดลงมาจากก่อนหน้านี้บ้าง แต่ก็ยังเป็นราคาที่สูงกว่าที่เคยซื้อขายอย่างเห็นได้ชัด

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่าปีหน้ายังเป็นปีที่ดี และมั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ว่าค่าระวางเรือก็ส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทด้วย เนื่องจากต้องนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศเข้ามา ทำให้บริษัทมีภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้นอันเป็นผลจากการปรับเพิ่มของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่ง UMS ก็พยายามหาวิธีลดต้นทุนการผลิต ด้วยการสต๊อกถ่านหินให้ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลของการสต๊อกถ่านหินเมื่อปี 48 ที่ส่วนต่างราคาเพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องจากเกิดขาดแคลนในตลาด ทำให้ UMS ได้รับกำไรจากส่วนต่างนั้น เนื่องจากมีสต๊อกถ่านหินไว้มาก ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีกำไรก้าวกระโดด

นอกจากนี้ การที่บริษัทได้สร้างโกดังสินค้าแห่งใหม่ และสามารถใช้การได้กลางปี 50 จะทำให้บริษัทมีพื้นที่ในการเก็บสต๊อกถ่านหินได้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งการที่คลังสินค้าแห่งนี้ได้ยืดเปิด เนื่องจากมีการต่อต้านจากประชาชนที่มีพื้นที่รอบ ๆ กับคลังสินค้า แต่บริษัทได้พยายามทำความเข้าใจและการใช้ถ่านหินในปัจจุบันหลายคนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นด้วย ซึ่ง UMS ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ได้รับการยกเว้นภาษีตามเกณฑ์

"แม้ก่อนหน้านี้ภาพถ่านหินจะถูกต่อต้านจากคนรอบด้าน แต่ทุกวันนี้คนเริ่มกลับหันมาให้ความสนใจและทำความเข้าใจกับผลของการใช้พลังงานถ่านหิน ซึ่งเป็นพลังงานทดแทนอย่างหนึ่ง เนื่องจากน้ำมันเตาราคาแพงมากและเริ่มจะหมดไปแล้ว ซึ่งการใช้พลังงานทดแทนเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุดในยุคนี้และผลเสียก็ไม่ได้มีมากมายเหมือนที่ต่อต้านกัน " นายชัยวัฒน์

โดยลูกค้าของ UMS ยังคงเป็นรายกลางไปถึงใหญ่บางรายและรายเล็ก ซึ่งปีหน้าบริษัทมั่นใจว่าจะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ปี 49 ลูกค้าหลายรายอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนเตาบอยล์เลอร์ใหม่และทยอยแล้วเสร็จ เพื่อที่จะหันมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันเหมือนที่เคยใช้มา เพื่อลดต้นทุนส่งผลให้แนวโน้มของการใช้ถ่านหินเพิ่มสูงขึ้นด้วย

นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มว่าปัจจุบันที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นนั้น ส่งผลดีต่อ UMS เนื่องจากทำให้ต้นทุนการนำเข้าถ่านหินถูกลง ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมกับราคาค่าระวางที่ปรับเพิ่มขึ้นมา แม้ราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงมาระดับหนึ่งแล้วก็ตาม ซึ่งความผันผวนของราคาน้ำมันก็อาจเกิดขึ้นได้ ในอนาคต ดังนั้น รัฐควรแนะนำหรือมีนโยบายเพื่อหาทางออกให้ประชาชน เพื่อหันมาใช้พลังงานแทดแทนเพื่อลดการใช้น้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีต้นทุนที่ถูกกว่า และไม่สนใจที่จะลงทุนในธุรกิจอื่น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us