แอล.เอ็ม.อี.แตกไลน์ธุรกิจใหม่จากเสื้อผ้าสู่กลุ่มความงาม ล่าสุดนำเข้าผลิตภัณฑ์ “ซี ออฟ ไลฟ์” จากทะเลเดดซี ชูจุดเด่นสินค้าภาพลักษณ์สูงแต่ราคาปานกลาง ลุยทำตลาดไทยทั้งค้าปลีกและช่องทางสปา เผยแผนปีหน้าเตรียมงบลงทุน 60 ล้านบาททั้งทำตลาดและขยายสาขาเพิ่มกว่า 5 แห่ง ตั้งเป้ายอดขายปีหน้า 100 ล้านบาท
ดร.พงค์ศานติ์ อภิรติเกียรติ กรรมการบริหาร บริษัท แอล.เอ็ม.อี. จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้า 7 แบรนด์ อาทิ เอสพาด้า(Espada) ,อีเอสพี(ESP),อีพี(EP) และร็อค เอ็กซ์เพรส (Rock Express) ฯลฯ เปิดเผยว่า บริษัทฯเล็งเห็นช่องว่างของธุรกิจเพื่อความงามในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตที่สูงในแต่ละปี ประกอบกับคนรุ่นใหม่พิถีพิถันในการดูแลสุขภาพและผิวพรรณตัวเองมากขึ้น ดังนั้นบริษัทฯจึงได้บุกตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม โดยการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ “ซี ออฟ ไลฟ์(See of Life)” ในตลาดประเทศไทยและย่านภูมิภาคนี้ ยกเว้นไต้หวันและจีน
แผนการทำตลาดสินค้าตัวใหม่นี้จะแบ่งออกเป็น 2 ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางค้าปลีก ซึ่งบริษัทฯจะทำการตลาดเอง โดยจะมีการเปิดสาขาทั้งในรูปแบบแฟลกชิฟ สโตร์และเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า ล่าสุดร้านซี ออฟ ไลฟ์ในรูปแบบแฟลกชิฟสโตร์มี 1 แห่งที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งเปิดบริการไปแล้วกว่า 1 เดือนพบว่าได้รับการตอบรับดี โดยสาขานี้ใช้งบลงทุนกว่า 5 ล้านบาทแบ่งเป็นงบลงทุนร้าน 2 ล้านบาทและสต็อกสินค้า 3 ล้านบาท ภายใต้พื้นขนาด110 ตารางเมตร ต่อจากนั้นบริษัทฯมีแผนขยายสาขาเพิ่ม อาทิ โรบินสัน ซีคอนสแควร์ คาดว่าจะเปิดปลายเดือนพ.ย.นี้ และห้างเซน คาดว่าจะเปิดได้เดือนธ.ค.2549
ส่วนช่องทางที่สอง คือ ร้านสปา บริษัทฯจะนำสินค้าซี ออฟ ไลฟ์และทรีตเมนต์เมนูไปนำเสนอสปากลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในระดับกลางจนถึงระดับบน ซึ่งขณะนี้มีสปาบางแห่งเริ่มนำสินค้าเข้าไปแล้ว โดยปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะมีสปาที่สนใจจะนำสินค้าเข้าไปประมาณ 30-50 แห่ง อาทิ สปาที่อยู่ในกรุงเทพฯและหัวเมืองหลักอย่างภูเก็ต,เชียงใหม่และหัวหิน
สำหรับผลิตภัณฑ์ของซี ออฟ ไลฟ์จะมีจุดเด่นที่วัตถุดิบหรือส่วนผสมจะนำมาจากทะเลเดดซี ประเทศอิสราเอล ปัจจุบันสินค้าที่จำหน่ายในไทยมีให้เลือกกว่า 500 เอสเคยู แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กลุ่มผม,กลุ่มผิวหน้าและร่างกาย โดยบริษัทฯยังมีบริการอื่นๆ เช่น ทำทรีตเมนต์หน้า สปามือ และสปาเท้า ในสาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว ส่วนโพซิชั่นนิ่งของตัวสินค้าจะมีภาพลักษณ์ที่สูงแต่ราคาปานกลางหรือประมาณ 100-1,800 บาท
ขณะที่คู่แข่งของซี ออฟ ไลฟ์บริษัทฯคาดว่าจะเป็นบอดี้ชอปและอีฟโรเช่ รวมถึงระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ เช่น ล็อคซิทาน ซึ่งหากเทียบระดับราคาจะพบว่าซี ออฟ ไลฟ์จะถูกกว่าบอดี้ชอปอยู่10-20% ทั้งนี้หลังจากเปิดตลาดได้กว่า 1 เดือนพบว่าซี ออฟ ไลฟ์มีฐานลูกค้าหรือสมาชิกอยู่ 1,000 ราย ในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มเป็น 10,000 ราย
ดร.พงค์ศานติ์ กล่าต่อว่า แผนการทำตลาดซี ออฟ ไลฟ์ในปีหน้าบริษัทฯเตรียมงบประมาณไว้ 60 ล้านบาทแบ่งเป็นงบขยายสาขาและซื้อสินค้าใหม่ 40 ล้านบาท ซึ่งรูปแบบการเปิดสาขาจะเปิดเป็นแฟลกชิฟ สโตร์ 1 แห่งและชอป อิน ชอปในดีพาร์ทเมนต์สโตร์อีก 5 แห่ง ส่วนงบการตลาดอีก10-20 ล้านบาทโดยจะเน้นการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านนิตยสาร,โปรโมชั่น และจับมือกับพันธมิตรอย่างเวดดิ้งสตูดิโอและสินค้าแฟชั่น
สำหรับยอดรายได้ของซี ออฟ ไลฟ์ในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะมีประมาณ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางค้าปลีก 80% และสปา20%
ส่วนการทำตลาดต่างประเทศบริษัทฯจะเริ่มทำหลังจากทำตลาดในไทยเป็นระยะเวลา 6 เดือน ล่าสุดมีส่งสินค้าไปจำหน่ายที่สิงคโปร์และอินเดียแล้ว ทั้งนี้รูปแบบการทำตลาดในต่างประเทศของบริษัทฯอาจทำในรูปแบบต่างๆ เช่น หาคู่ค้าหรือพันธมิตร เป็นต้น
|