Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 พฤศจิกายน 2549
หุ้น MCOT เจ๊งกำไร 30% ผวา พนง.ป่วน โบรกฯ แนะขายทิ้ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย

   
search resources

องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (MCOT)
News & Media




แฉผู้ถือหุ้น MCOT กำไรวูบกว่า 30% หลังราคาหุ้นร่วงหนักสุด 12.25 บาท นับแต่ปฎิวัติรัฐประหาร ส่วนมาร์เกตแคปหดกว่า 8 พันล้าน เหตุนักลงทุนสับสนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเรียกร้องของพนักงานให้ปลดบอร์ดและรักษาการเอ็มดี ประกอบกับความขัดแย้งภายในทั้งพนักงานและสหภาพฯ โบรกเกอร์ประสานเสียงขายทิ้ง

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ในช่วงเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมานอกเหนือจากภาพความรุนแรง ความไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างผู้บริหารของบริษัทกับกลุ่มพนักงานที่ออกมาเคลื่อนไหว ทั้งในเรื่องความต้องให้มีการถอดถอนคณะกรรมการของบริษัทจนถึงการล่ารายชื่อเพื่อให้มีการถอดถอนรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และคณะกรรมการของบริษัทต่อนายกรัฐมนตรี และความคิดที่สวนทางของกลุ่มพนักงานกับสหภาพแรงงานของบริษัทสะท้อนให้เห็นถึงความสั่นคลอนขององค์กรขนาดใหญ่ในประเทศ

ทั้งนี้ นอกเหนือจากบทบาทการเป็นองค์กรขนาดใหญ่ของอสมท แล้วการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งทำให้สถานะการเป็นบริษัทที่มีประชาชนเข้ามาร่วมเป็นเจ้าของบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในบริษัทไปโดยปริยาย

การปรับลดลงของราคาหุ้นบริษัทตั้งแต่การเข้ามายึดอำนาจการปกครองของคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาแม้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในทันทีโดยราคา ณ วันดังกล่าวปิดที่ 40 บาทก่อนที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังมีกระแสข่าวให้นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ลาออกเพื่อรับผิดชอบในเรื่องการนำเสนอแถงการณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งภายหลังวันที่ 26 กันยายน นายมิ่งขวัญ และคณะกรรมการบริษัทประกาศแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 29.50 บาท ลดลง 10.50 บาท หรือ 26.25% ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ มาร์เกตแชร์ ปรับตัวลดลงจาก 27,483.97 ล้านบาท มาอยู่ที่ 20,269.43 ล้านบาท โดยปรับลดลงถึง 7,214.54 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังการลาออกจากตำแหน่งของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อเข้ามากำหนดนโยบายและบริหารงาน รวมถึงการตั้งนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร เข้ามาดำรงตำแหน่งรักษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท ซึ่งจากกรณีดังกล่าวกลุ่มพนักงานที่ไม่พอใจกับนโยบายการบริหารงานบางอย่างที่อาจจะต้องเปลี่ยนไปจึงแสดงจุดยืนและแสดงการต่อต้านโดยการเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้นายพงษ์ศักดิ์ และบอร์ดของบริษัทลาออกจากตำแหน่งทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่ไม่มั่นใจต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่างขายหุ้นออกมาจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปต่ำสุดในช่วงที่ผ่านมาโดยราคาปิดเมื่อวันที่ 3 พ.ย.อยู่ที่ 27.75 บาท ลดลง 12.25 บาท หรือ 30.625% ซึ่งในวันดังกล่าวราคาปรับลดลงไปต่ำสุดที่ 27 บาท ขณะที่มาร์เกตแคปของบริษัทลดลงไปต่ำสุดที่ 19,067 ล้านบาท ลดลง 8,416.97 ล้านบาท จากวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับข้อมูลการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ของอสมท โดยบริษัทเข้าจดทะเบียนในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 ทุนจดทะเบียน 3,835 ล้านบาท จำนวนหุ้นจดทะเบียนในตลท. 687,099,210 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนบริษัทกำหนดราคาขายที่ 22 บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้บริษัทได้แบ่งจำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่จะเสนอขาย โดยแบ่งให้กับพนักงานและผู้บริหารสูงสุดของบริษัทจำนวน 17.1 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท แต่ติดเกณฑ์การขายหุ้น (ไซเลนต์พีเรียด) ตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ในส่วนของเกณฑ์ไซ่เลนต์กำหนดให้ผู้จองซื้อสามารถทยอยขายหุ้นที่สั่งห้ามซื้อขายได้ในจำนวน 25% ของจำนวนหุ้นที่ถูกสั่งห้ามขายเมื่อครบกำหนดระยะเวลาทุกๆ 6 เดือนภายหลังจากวันที่หุ้นของบริษัทเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และจะสามารถขายหุ้นได้ครบทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 1 ปี 6 เดือนนับตั้งแต่วันซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

**โบรกฯประสานเสียงขายทิ้ง

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) ระบุว่าการกลับไปเป็นแดนสนธยาของอสมท ทำให้บริษัทแนะนำขายหุ้น โดยประเมินมูลค่าที่เหมาะสมที่ 25 บาทต่อหุ้น เนื่องจากบอร์ดชุดใหม่ยังไม่มีการแสดงนโยบายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นผลให้ภาพของบริษัทตอนนี้กำลังกลับเข้าไปสู่แดนสนธยาอีกครั้ง

นอกจากนี้ความไม่ชัดเจนของนโยบายและ Concept ของสถานี รวมไปถึงการตัดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็นของภาครัฐอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปีหน้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเราคาดว่าจากผลกระทบข้างต้นจะส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิในปีหน้าจะลดลง 22.5% ทำให้บริษัทปรับ Prospective PE ในการประเมินราคาจาก 20 เท่าเป็น 17 เท่า ได้มูลค่าเหมาะสมใหม่ที่เท่ากับ 25 บ. เทียบกับราคาปัจจุบันยังมี Downside อีก9% ดังนั้นเราจึงแนะนำ “ขาย”

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/49 แม้ว่าจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจโทรทัศน์ที่คาดว่าจะเติบโตสูงถึง 45% เทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ลดลง 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาอันเป็นผลจากการเติบโตของทั้งงบภาคเอกขนและงบภาครัฐโดยในไตรมาส 3 มีโครงการใหญ่เช่นการประชาสัมพันธ์สนามบินสุวรรณภูมิมูลค่าสูงถึง 60 ล้านบาท อย่างไรก็ตามแม้ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะดีขึ้นแต่คงไม่สามารถชดเชยกับมุมมองในเชิงลบต่อมุมมองที่เกิดขึ้นได้

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำขายหุ้นอสมท โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 30 บาทต่อหุ้น บทวิเคราะห์ระบุว่าความไม่ชัเจนในเรื่องนโยบายการบริหารงานของผู้บริหารชุดใหม่ ทั้งในเรื่องการปรับผังรายการ และการดำเนินธุรกิจ ถือว่าเป็นความเสี่ยงของหุ้น MCOT เนื่องจากผลกระทบในเรื่องรายได้ เพราะความมั่นใจของเอเจนซี่ลดลงตั้งแต่ 4Q49 อย่างแน่นอน

**ประชุมปรับผังสัปดาห์นี้

นายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานคณะกรรมการ อสมท เปิดเผยว่า ในวันที่ 14 พ.ย. คณะกรรมการบริษัทจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องผังรายการของสถานี โดยยืนยันว่าคณะกรรมการบริษัทจะไม่เข้าแทรกแซงการจัดทำผังรายการอย่างแน่นอน โดยจะยังคงใช้ผังรายการปัจจุบันไปจนถึง มี.ค. 2550 แต่ในระหว่างนี้อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบางรายการที่เป็นเวลาของบริษัทเอง เพื่อพัฒนารูปแบบรายการให้ดีขึ้น ในส่วนของนโยบายในการบริหาร คณะกรรมการจะยังคงนโยบายสังคมอุดมปัญญาเหมือนเดิม และจะเน้นรายการที่มีความหลากหลายมากขึ้น ขณะที่เรื่องการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คาดว่าจะเรียบร้อยภายใน 2-3 เดือนนี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us