"ฮิตาชิ" เชื่ออนาคตความต้องการตลาดฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้วทั่วโลก ยังโตต่อเนื่อง 25% ต่อปีจนถึงปี 2553 เติบโตเป็น 2 เท่าในปัจจุบัน สาเหตุมาจากตลาดโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์เติบโตสูง รวมถึงแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ในตลาด ความต้องการฮาร์ดไดรฟ์โตตาม มั่นใจรักษาผู้นำตลาดได้ต่อ ด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ปีหน้ามีแผนสร้างแบรนด์ให้รู้จักในวงกว้างมากขึ้น

เกมช่วงชิงความเป็นเจ้าตลาดฮาร์ดดิสก์ในระดับโลก สู้กันมันหยด ถึงขั้นที่ผู้ผลิตแต่ละเจ้าต่างหายุทธวิธีช่วงชิงความเป็นผู้นำในส่วนแบ่งตลาดเป็นรายเซกเมนเตชั่น "ฮิตาชิ" หนึ่งในผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายใหญ่ของโลก และขึ้นชื่อว่า เป็นแบรนด์หนึ่งที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอยู่ในมือของตัวเองมากมาย โดยเฉพาะตลาดฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้วนั้น ฮิตาชิประกาศตัวชัดเจนว่า เป็นผู้นำตลาด

โรเบิร์ต ชู รองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ฮิตาชิ โกลบอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ จำกัด ผู้บริหารคนใหม่ของฮิตาชิที่เข้ามาดูแลด้านการบริการลูกค้าในตลาดเอเชียแปซิฟิกทั้งที่เป็นกลุ่มลูกค้าโออีเอ็ม โอดีเอ็มและตัวแทนจำหน่ายได้กล่าวถึงแนวโน้มความต้องการบริโภคฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้วในตลาดโลกให้ฟังว่า กระแสความต้องการฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว จะได้รับความนิยมในตลาดมากยิ่งขึ้น จากการคาดการณ์ของไอดีซีที่มองว่า ภายในปี 2553 จะมีการผลิตฮาร์ดดิสก์ขนาด2.5 นิ้วป้อนสู่ตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากจำนวน 118 ล้านชิ้นในปี 2549 เป็น 224 ล้านชิ้น ซึ่งทางฮิตาชิเชื่อว่าในปี 2553 นั้น ความจุของฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้วจะมีความจุได้สูงถึง 750 กิกะไบต์

ส่วนปัจจัยที่ทำให้ฮิตาชิเชื่อมั่นว่า ตลาดมีความต้องการฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้ว ชู กล่าวว่า มีหลายปัจจัยที่เอื้อให้เกิดความต้องการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น การขยายตัวของตลาดโน้ตบุ๊กที่มีมากกว่าพีซีจึงมีความต้องการฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีความจุของข้อมูลที่มีขนาดเล็กลง เครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ๆ ที่ติดตั้งฮาร์ดดิสก์มาพร้อมในเครื่อง ฮาร์ดดิสก์แบบภายนอก แอปพลิเคชั่นใหม่ของการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ในรถยนต์ที่ใช้ฮาร์ดดิสก์มากขึ้น เป็นต้น แถมยังมีความต้องการฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีความจุข้อมูลมากยิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในส่วนเครื่องพีซีเองก็ยังมีพัฒนาการตัวเครื่องที่เล็กลงจึงมีความต้องการฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีขนาดเล็กลงเช่นกัน ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ก็มีพัฒนาการเล็กลงจึงมีความต้องการฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีขนาดเล็กลงเช่นกัน

"ผลิตภัณฑ์ในตลาดเกือบทุกประเภทต่างมีความต้องการใช้งานฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว ในปีที่ผ่านมา ฮิตาชิได้ทำการผลิตฮาร์ดดิสก์ส่งเข้าสู่ตลาดโออีเอ็ม โอดีเอ็มสูงขึ้นถึง 36% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ฮิตาชิมีนโยบายที่จะรักษาอัตราการเติบโตนี้เอาไว้ในปีหน้า"

เวลานี้ ฮิตาชิถือเป็นผู้นำในตลาดฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้ว มีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกประมาณ 30% ดูได้จากอัตราการเติบโตทั่วโลกของฮิตาชิในแต่ละไตรมาสที่เพิ่มขึ้น 36% โดยที่ฮิตาชิมีกำลังผลิตในไตรมาส 3 รวมทั้งสิ้น 9.6 ล้านชิ้น เพิ่มจากไตรมาส 2 ที่อยู่ประมาณ 7.1 ล้านชิ้น และคาดว่าในปีนี้ จะเติบโตจากปีที่ผ่านมา 56% ปีหน้า ฮิตาชิก็จะยังเน้นการผลิตฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้วต่อ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดนี้เอาไว้

ส่วนสาเหตุที่ทำไมฮิตาชิถึงมั่นใจว่าจะยังรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้นั้น โรเบิร์ต ชูบอกว่า โรงงานผลิตในประเทศไทย นับเป็นโรงงานที่มีศักยภาพการผลิตฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้วเพื่อรองรับความต้องการของตลาดได้ต่อเนื่อง โดยจะยังมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ฮิตาชิได้ลงทุนเพิ่มประมาณ 3,700-4,000 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิต และปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ใช้ในฮาร์ดดิสก์จากเทคโนโลยี แอลเอ็มอาร์มาเป็นพีเอ็มอาร์ คาดว่าภายในสิ้นปีหน้า บริษัทจะยกเลิกการผลิตในระบบเดิมได้ทั้งหมด

"พีเอ็มอาร์ถือเป็นเทคโนโลยีที่ฮิตาชินำมาใช้ในตลาดรายเดียวอยู่ในเวลานี้ ซึ่งทำให้ฮิตาชิสามารถขยายความจุของฮาร์ดดิสก์ได้เพิ่มขึ้นด้วย"

ชู ยังบอกว่า ปีหน้าบริษัทมีนโยบายที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งฮิตาชิถือว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดโออีเอ็ม และโอเอ็มดี แต่สำหรับในตลาดรีเทลโดยเฉพาะตลาดประเทศไทยนั้น ฮิตาชิจะทำการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตร การจำแนกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้ เสริมจุดแข็งที่มีอยู่ในฐานะผู้นำด้านการผลิตฮาร์ดไดรฟ์เทคโนโลยีการบันทึกข้อมูลในแนวดิ่ง และการพัฒนาความจุของฮาร์ดไดรฟ์

โรเบิร์ต ชู ยังบอกอีกว่า เราจะเพิ่มมูลค่าเพิ่มสำหรับฮาร์ดดิสก์ของฮิตาชิขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีที่เรียกว่า ไฮบริด ที่ช่วยประหยัดพลังงานและยืดอายุแบตเตอรี่ รวมถึงพัฒนาระบบความปลอดภัยข้อมูลให้กับฮาร์ดไดรฟ์ด้วยการเขียนรหัสผ่านและระบบ Free fall sensor

ส่วนนคร ตั้งสุจริตพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหาร บริษัท ฮิตาชิ จีเอสที (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นอกจากการรุกตลาดฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้วแล้ว บริษัทยังมีแนวทางที่จะเข้าสู่ตลาดขนาด 3.5 นิ้วเพิ่มขึ้นอีกด้วย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงในตลาดที่เป็นรีเทลโดยเฉพาะในประเทศไทย