|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
ดีลประกันอุบัติเหตุกลุ่มระหว่าง “เมืองไทยประกันชีวิต” และ “ค่ายดีแทค” หรือ "Postpaid Life Care" กลายเป็นบทสรุปที่ลงตัวดีลใหญ่ครั้งหนึ่งในแวดวงธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งต้องอาศัยคอนเน็คชั่นล้วนๆ จากรากฐานการทำธุรกิจที่เชื่อมโยงกันมาตั้งแต่อดีตระหว่างธุรกิจต่างสายพันธุ์ ... “เมืองไทยฯ” มีโอกาสสร้างฐานตลาดแบบเหมาล็อตใหญ่ ในขณะที่ “ดีแทค”ต้องการหลบสงครามราคา หันมาสร้างความรู้สึกจากการให้บริการที่ต่างออกไป จากแคมเปญยั่วยวนใจชั่วครู่ชั่วยาม ที่กำลังสร้างความรู้สึกอึดอัดใจให้กับลูกค้า...
เส้นทางโคจรมาบรรจบกันระหว่าง “เมืองไทยประกันชีวิต” ที่มีบัญชีลูกค้ามากกว่า 5 แสนราย และค่ายมือถือ “ดีแทค” ที่มีลูกค้าทั้งระบบ Postpaid และPrepaid รวมกันเกือบ 9 ล้านราย นอกจากไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ยังเป็นการสร้างฐานธุรกิจบนความสัมพันธ์ในรูปแบบของคู่ค้าในอดีตที่เชื่อมมาถึงความร่วมมือทางธุรกิจที่ค่อนข้างแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ
“ โครงการ Postpaid Life Care ถือเป็นจุดเริ่มต้น และยังนับเป็นดีลประวัติศาสตร์ สำหรับการทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด เพราะมีวงเงินทุนประกันสูงสุดในวงการประกันชีวิต” ... สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ เมืองไทยประกันชีวิต บอกเล่าถึง ความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นระหว่าง 2 ธุรกิจที่มี ที่มา ที่ไป ค่อนข้างแตกต่างกันสุดขั้ว
เมืองไทยประกันชีวิตในยุคของ “สาระ” อยู่ในยุคคนรุ่นที่ 5 ของตระกูลล่ำซำ เป็นเจเนอเรชั่นที่กำลังปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน และรูปแบบการทำธุรกิจประกันชีวิตในลักษณะที่แตกต่างไปจากภาพลักษณ์ในอดีต ไม่ต่างจากแบงก์กสิกรไทย ภายใต้การนำของซีอีโอ “บัณฑูร ล่ำซำ” ญาติผู้พี่....
นอกจากการพลิกโฉมภาพลักษณ์ธุรกิจประกันชีวิตให้ดูมีสีสัน สนุกสนานร่าเริง ก็ยังมีการจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ให้กับกลุ่มสถาบันการศึกษา กิจกรรมบันเทิง ผ่านบัตรสไมล์ พรีวิเลจ การขยายช่องทางขายหลากหลายเพื่อเจาะเข้าถึงชุมชน อาทิ ร่วมกับคาร์ฟูร์ เดอะมอลล์ ตั้งบูทขายกรมธรรม์กันถึงที่ โดยไม่ผูกติดยอดขายไว้กับช่องทางหลัก คือ "ตัวแทน" หรือ "นายหน้า"เพียงอย่างเดียว
เมืองไทยประกันชีวิตในยุค “สาระ” จึงมีรูปลักษณ์และการดำเนินธุรกิจที่เสมือนการ "ปฎิวัติ" ธุรกิจประกันชีวิตเลยทีเดียว ยังไม่นับการรุกเข้าถึงกลุ่มธุรกิจใหม่ๆที่ต้องอาศัยคอนเน็คชั่นล้วนๆ ผ่านความสัมพันธ์กับคู่ค้าในอดีต
โดยเฉพาะการปรับระบบ และช่องทางขายใหม่ในลักษณะ "มัลติแชลแนล-มัลติดิสทริบิวชั่น" จึงทำให้ เมืองไทยฯต้องว่าจ้างผู้รับทำระบบจากค่าย "ดีแทค" ตั้งแต่การวางระบบแบงแอสชัวรันส์ เอสเอ็มเอส และระบบแอร์การ์ด ของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้กของทีมขายสินค้า "ยูนิเวอร์แซลไลฟ์" สินค้านวัตกรรมใหม่ ที่มีส่วนผสมระหว่างการออมควบการคุ้มครอง
ดูเหมือน “ดีแทค” จะเป็นคู่ค้ารายแรก ที่ได้กลายมาเป็น "ลูกค้า" ของเมืองไทยประกันชีวิตเสียเอง จากดีลประกันอุบัติเหตุกลุ่ม ในครั้งที่ “สาระ” สามารถเคลมได้ว่าเป็นดีลใหญ่สุดในประวัติศาสตร์แวดวงประกันชีวิต เพราะมีวงเงินทุนประกันสูงถึง 1.25 แสนล้านบาท มีจำนวนลูกค้าเข้าโครงการร่วม 1.2 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม ดีลครั้งนี้สำหรับ "เมืองไทยฯ" ก็ไม่ใช่รายแรก ถึงแม้คราวนี้จะเป็นโครงการขายยกล็อตที่ไม่ค่อยปรากฏมากนักในธุรกิจนี้ เพราะก่อนหน้านี้ “ภัทรประกันภัย” ธุรกิจเครือญาติ "ล่ำซำ" ก็เคยจับมือกับ ค่าย "ไออีซี" ทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ผ่าน ซิมการ์ด ค่าย ออเรนจ์และดีแทคในลักษณะเดียวกัน คือ ลูกค้ามือถือจะได้รับกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ วงเงิน 100,000 บาท แต่ก็เป็นโปรโมชั่นช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่เดือน
ขณะที่โครงการ "Postpaid Life Care" ที่ถูกยกให้เป็นดีลใหญ่ดีลหนึ่ง จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่จะต่อยอดไปได้ในอนาคต โดยเริ่มจากการทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มให้กับลูกค้าดีแทค ในกลุ่ม Postpaid ที่มีอายุใช้บริการต่อเนื่องตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เพราะถือเป็นกลุ่มที่มีรายได้แน่นอน ใช้บริการโทรมากกว่ากลุ่ม Prepaid ถึง 3 เท่า ขณะที่กลุ่มหลังถือเป็นตลาดระดับล่าง รายได้ไม่แน่นอน
ดังนั้นลูกค้าในกลุ่มแรกก็จะได้รับกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุจากโครงการนี้ ภายใต้เงื่อนไขต้องเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว ขณะที่ดีแทคจะจ่ายเบี้ยแทนลูกค้า ซึ่งเป็นเบี้ยประกันค่อนข้างต่ำ เพราะมีความเสี่ยงต่ำหรือ คิดเป็นอัตรา 0.07% ของวงเงินความคุ้มครอง
โครงการนี้จึงกลายเป็นการขายแบบยกล็อต ด้วยมูลค่าทุนประกันค่อนข้างสูง และมีโอกาสขยับขยายฐานตลาดได้จากพันธมิตรหน้าใหม่ๆในธุรกิจที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง....
สันติ เมธาวิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้า บมจ.โทเทิ่ล แอ๊คเซส คอมมูนิเคชั่น บอกว่า ต่อไปอาจจะต้องรอดูผลตอบรับ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ดีก็อาจจะมีโครงการใหม่ๆออกมาร่วมกับเมืองไทยประกันชีวิตอีก คงไม่จบอยู่เพียงโครงการเดียว
พร้อมกับยอมรับว่า การทำตลาดมือถือด้วยแคมเปญสั้นๆ รวบรัด เพื่อยั่วยวนใจลูกค้า หรือแข่งขันกันทำราคา คงไม่ช่วยให้สถานการณ์ตลาดโดยรวมดีขึ้น ดังนั้น ดีแทคก็จะหันมาโฟกัสที่การให้บริการแทน เพราะที่ผ่านมาการโปรโมชั่นในช่วงสั้นๆ และจู่ๆก็หายไป มักจะทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัด และหัวเสีย
“ เราจะเปลี่ยนจากเกมราคามาเป็นเรื่องบริการมากขึ้น เพราะโปรโมชั่นก่อนหน้านั้นทำให้มีปัญหา ลูกค้าปรับตัวไม่ทันเพราะเปลี่ยนเร็วมาก และแคมเปญแบบนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าธุรกิจไม่จริงใจกับลูกค้า”
ปัจจุบันลูกค้าดีแทคมีอยู่ประมาณ 1.9 ล้านราย ถ้ารวมกับลูกค้าระบบ Prepaid ก็จะมีประมาณ 9 ล้านราย โดยคาดปีนี้ลูกค้าระบบ Postpaid จะวิ่งมาอยู่ที่ 2 ล้านราย โดยอีก 2 ปีจะขึ้นมาที่ 3 ล้านราย
ซึ่งถ้าโปรแกรมนี้มีเสียงตอบรับค่อนข้างดี ก็เชื่อว่า บางส่วนของลูกค้า "บัตรเติมเงิน" จะโยกเข้ามาเป็น "กลุ่มจดทะเบียน"มากขึ้น ในขณะที่มิตรภาพระหว่าง เมืองไทยฯและดีแทคก็อาจจะต่อยอดสูงขึ้นกว่าระดับปกติในอนาคตเช่นกัน...
|
|
 |
|
|