Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 พฤศจิกายน 2549
งบพีอาร์รัฐปีหน้าลดเหตุพอเพียง "124"รุกตัวแทนขายสื่อทำตลาด             
 


   
www resources

124 Communications Home Page

   
search resources

124 คอมมิวนิเคชั่นส์, บมจ.
นิมิตร หมดราคี
Advertising and Public Relations




"124 คอมมิวนิเคชั่นส" คาดปีหน้าตลาดประชาสัมพันธ์โตแค่ 10% ต่ำกว่าทุกปีที่โต 20% เหตุงบของรัฐบาลลดลง เอกชนชะลอการใช้เงิน รับเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมรุกหนักธุรกิจขาใหม่ ตัวแทนสื่อโฆษณา หลังรุกเงียบมาแล้วเข้าท่า สร้างโอกาสเติบโตสู้ภาวะตลาด ประเดิมพันธมิตรซีเอ็นบีซีและแฟมิลี่โนว์ฮาว์ คาดปีนี้รายได้ทะลุ 200 ล้านบาท

นายนิมิตร หมดราคี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้าคาดว่าตลาดรวมธุรกิจที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาที่เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เนื่องจากว่า ยังมีตัวแปรคือเรื่องของความเชื่อมั่น และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของรัฐบาลที่เป็นรัฐบาลรักษาการ อีกทั้งคาดว่างบประมาณประชาสัมพันธ์ภาครัฐจะลดลงด้วย ขณะเดียวกันภาคเอกชนก็ยังคงชะลอการใช้งบประมาณอยู่

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้งบประมาณทางด้านการประชาสัมพันธ์มากกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเม็ดเงินที่มากพอสมควรแต่คาดว่าในปีหน้างบประมาณด้านประชาสัมพันธ์นั้นอาจจะไม่มากเท่านี้แล้ว เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการและดำเนินนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงด้วย

อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทฯนั้นตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือไม่ต่ำกว่าตลาดรวม โดยจะเป็นผลมาจาการที่บริษัทฯมีฐานลูกค้าที่ขยายกว้างมากขึ้น ลูกค้ามีการใช้งบประมาณมากขึ้น อีกทั้งการขยายธุรกิจของบริษัทฯเพิ่มขึ้นด้วย จากฐานเดิมที่ทำเป็นที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์องค์กรและสื่อสารการตลาด ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์เพื่อการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์เพื่อนักลงทุน

สำหรับธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ คือ บทบาทของการเป็นตัวแทนขายโฆษณาของสื่อใหม่ๆ ซึ่งได้มีการตั้งทีมงานใหม่ขึ้นมาดูแลรับผิดชอบ โดยที่ถือเป็นบริษัทประชาสัมพันธ์ของคนไทยรายแรกที่ทำธุรกิจแบบนี้ก็ได้ในไทย อย่างไรก็ตามธุรกิจนี้เริ่มมาได้ประมาณปีเศษแล้วเป็นการทดลอง ยังไม่ได้รุกหนักเท่าใด แต่ในปีหน้าจะเริ่มจริงจังและมีบทบาทมากยิ่งขึ้น โดยปีนี้มีรายได้จากธุรกิจแบบนี้ประมาณ 40 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาบริษัทฯได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับทาง สถานีซีเอ็นบีซี นาน3 ปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่สองแล้ว เพื่อเป็นตัวแทนในการซื้อสื่อและทำตลาด ในประเทศไทย ลูกค้าที่ผ่านมาเช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ทำเป็นสกู๊ปผ่านทางเครือข่ายของซีเอ็นบีซีทั่วโลก ในการรายงานข่าวความพร้อมของสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น

นายนิมิตร กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายเปิดกว้างในการเปิดรับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรและผู้ถือหุ้นทั้งด้านการตลาด การลงทุน และขยายธุรกิจใหม่ๆ แต่บริษัทฯยืนยันว่าจะไม่มีการร่วมมือในลักษณะของการให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในบริษัทฯแต่อย่างใด แต่เนื่องจากบริษัทฯเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น ดังนั้นการที่จะมีใครเข้ามาถือหุ้นผ่านทางการซื้อหุ้นในตลาดก็เป็นเรื่องที่ทำได้

สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวมทั้งสิ้น 160 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19.2 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ หากแบ่งตามประเภทงานได้ดังนี้ 1.ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์ องค์กรและสื่อสารการตลาด คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 92% 2.ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์เพื่อการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สัดส่วน 5% 3.ที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์เพื่อนักลงทุน สัดส่วนรายได้ 3%

แต่ถ้าหากแบ่งตามประเภทลูกค้าจะประกอบด้วย1.รายได้จากลูกค้าภาครัฐ สัดส่วน 65% 2.รายได้จากลูกค้าภาคเอกชนสัดส่วน 35% เพราะงบของรับบาลยังมีอยู่ แต่ปีหน้าคาดว่าสัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนไปเป็น รัฐบาลกับเอกชนเท่ากัน

ขณะที่รายได้รวมในปี 2547 มีทั้งสิ้น 134.22 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22.35 ล้านบาท ส่วนปี 2548 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 183.20 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 30.05 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีรายได้รวมมากกว่า 200 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us