Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 พฤศจิกายน 2549
KTCเล็งโหมสินเชื่อบุคคล             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

บัตรกรุงไทย, บมจ.
นิวัตต์ จิตตาลาน
Credit Card




เคทีซีฟุ้งโรดโชว์ยุโรปผลตอบรับดี เตรียมแผนปีหน้าขยายฐานบัตรใหม่เน้นตลาดสินเชื่อส่วนบุคคล มั่นใจนักลงทุนต่างชาติไม่หวั่นปัญหาการเมืองแห่ลงทุนในไทยเพียบ

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTC) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเดินทางไปโรดโชว์ในแถบประเทศยุโรป ปรากฎว่ามีนักลงทุนต่างชาติให้การตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมทั้งเข้าใจกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยที่เกิดขึ้น โดยในปี 2550 เชื่อว่านักลงทุนแถบประเทศยุโรปจะหันมาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการเงินและธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเรื้อรังได้ประกอบกับมีปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันมองโอกาสในการทำกำไรในประเทศเอเชียมีสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทย อีกทั้งเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยในไทยจะเริ่มนิ่งในช่วงกลางปี 2550 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการตัดสินใจลงทุนที่ง่ายขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานจะถูกลง

“จากการเดินทาง โรดโชว์ ในประเทศแถบยุโรป พบว่านักลงทุนเข้าใจการเมืองไทยเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่มองด้านบวกมากว่าเป็นลบ และไม่มีใครถามถึงเรื่องนี้เลย ซึ่งตอนแรกเราก็ห่วง แต่ได้ฟังแล้วก็สบายใจและขณะนี้นักลงทุนหลายกลุ่มเริ่มมีการลงทุนแล้ว สะท้อนได้จากราคาหุ้นของเคทีซีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น” นายนิวัตต์ กล่าว

ทั้งนี้ ในปีหน้าบริษัทจะเร่งขยายฐานบัตรลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าในช่วงปีที่ผ่านๆ มา ขณะเดียวกันก็จะหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น โดยมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนให้สูงขึ้นกว่าในปีนี้ เนื่องจากธุรกิจบัตรเครดิตให้อัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ถูกกว่า และจำกัดฐานเงินเดือนที่ 15,000 บาท ซึ่งตลาดดังกล่าวถือเป็นตลาดที่ยังแคบ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆตัวอื่นออกมานำเสนอ

“เราพยายามให้น้ำหนักกับสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น รายได้จากอัตราจากดอกเบี้ยก็สมเหตุสมผล ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล 28%ต่อปีทำให้ธุรกิจสามารถอยู่ได้”

สำหรับการหาพันธมิตรต่างประเทศเพื่อมาช่วยในการทำธุรกิจของบริษัท นายนิวัตต์ กล่าวยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเพราะ เชื่อว่าบริษัท มีความสามารถที่จะแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ เนื่องจากเชื่อมั่นว่าบริษัทมีความสามารถเพียงพอที่จะต่อสู่กับคู่แข่งในตลาดได้ ประกอบกับมีธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นบริษัทแม่มีฐานะแข็งแกร่ง รวมทั้งมีเครือข่ายสาขาที่กว้างขว้าง และบริษัท มีนโยบายที่จะมุ่งเป็นบัตรเครดิตของคนไทย โดยจะเห็นได้จากกรรมการของบริษัทที่ไม่มีต่างประเทศมานั่งเป็นกรรมการ

นายนิวัตต์ กล่าวอีกว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาสที่น่าจะมีการเติบโตไม่น้อยกว่าไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการขยายฐานลูกค้าทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่เพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ ต้นปี โดยปัจจุบันมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 400,000ราย ทำให้สร้างรายได้ให้กับบริษัท แต่เฉลี่ยทั้งปีการเติบโตของรายได้บริษัทจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากจากในปีนี้บริษัท มีหุ้นกู้ที่ออกขายและครบอายุการไถ่ถอน ทำให้ต้องรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ดังกล่าว ส่งผลให้ต้นทุนด้านดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้เป็นแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทด้วย

ทั้งนี้ บริษัทมีปัญหาการยกเลิกบัตรเครดิตต่ำกว่า 5% ในแต่ละปี ซึ่งแสงดให้เห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่อยู่กับบริษัท เป็นเวลานาน ดังนั้นเป็นโอกาสที่บริษัท จะมีการเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการให้กับลูกค้า รวมทั้งบริษัทจะเริ่มทยอยปรับเปลี่ยนบัตรเครดิตจากประเภทแถบแม่เหล็กเป็นติดชิพตั้งแต่ปลายปีนี้ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมดไม่เกิน 2 ปี

ซึ่งหลังจากที่เปลี่ยนบัตรเครดิตเป็นบัตรติดชิพ บริษัทจะขยายระยะเวลาการเปลี่ยนบัตรใหม่ให้กับลูกค้า จากเดิมที่ต้องเปลี่ยนทุก 2 ปีเป็นการเปลี่ยนทุก 5 ปี เพื่อไม่ให้กระทบกับต้นทุน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us