|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
2 หุ้นเก็งกำไร IEC-BLISS กลับมาคึกคักอีกครั้งรับข่าวลือนักลงทุนขาใหญ่พร้อมใจตะลุมบอลโดย IEC ปิดชนซิลลิ่งด้วยวอลุ่มสูงถึง 1.1 พันล้านบาท ขณะที่ BLISS ไม่น้อยหน้าพุ่ง 15% "สุมิท"งงหุ้นขึ้นไร้สาเหตุ ด้านโบรกฯพร้อมใจงดให้มาร์จิ้นป้องกันความเสี่ยง ผู้บริหาร POWER สั่งบรรจุ วาระด่วนเข้าบอร์ดพิจารณางบการเงินไตรมาส 3/49
วานนี้(9 พ.ย.)หุ้นบริษัทอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC และหุ้น บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก โดยมีกระแสข่าวลือว่านักลงทุนรายใหญ่เข้ามาไล่ราคาหุ้น โดยเฉพาะกับหุ้นที่มีขนาดเล็ก โดยหุ้นบริษัทไออีซีนั้นราคาปิดที่ 1.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.38 บาท หรือ 29.69%ถือว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นชนเพดาน และมีมูลค่าการซื้อขายที่ระดับ 1,176.03 ล้านบาท ถือว่าเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายมากสุดเป็นอันดับ 2 ของวัน ขณะที่หุ้นบลิสเทล ราคาปิดที่ 3.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.44 บาท หรือ 14.97% มูลค่าการซื้อขาย 32.04 ล้านบาท
นายสุมิท แช่มประสิทธิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด(มหาชน )เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่เข้าใจสาเหตุที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก เพราะบริษัทยังไม่มีข่าวที่จะเข้ามาสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะนักลงทุนกลับเข้ามาซื้อขาย เป็นปกติเนื่องจากราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงไปค่อนข้างมากก่อนหน้านี้ โดยการซื้อขายของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาดูแลว่ามีความผิดปกติหรือไม่
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า มีกระแสข่าวลือที่ระบุว่ากลุ่มนักลงทุนรายใหญ่รวมตัวกันกลับเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยยังเน้นเข้าไปลงทุนในหุ้นที่เคยได้รับความสนใจมาก่อนหน้านี้ทำให้หุ้นอย่าง หุ้นไออีซี และ บลิสเทล
ทั้งนี้ การตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลการซื้อขายให้เป็นไปอย่างปกติ ควรจะต้องนำเรื่องบรรยากาศการลงทุน เข้ามาพิจารณาประกอบด้วย เนื่องจากหากการปรับขึ้นของราคาหุ้นใดแล้วมีการใช้มาตรการที่อาจจะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนคงไม่ใช่เรื่องที่ดีที่ จะดำเนินการในช่วงปลายปีเพราะอาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนหยุดการเข้ามาลงทุนได้
โบรกฯพร้อมใจห้ามมาร์จิ้น
แหล่งข่าวจากบล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทไม่ให้มาร์จิ้น หุ้นไออีซี เนื่องจากเป็นหุ้นเก็งกำไรมีความเสี่ยงทั้งในส่วนของนักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุน และมีความเสี่ยงต่อบริษัทหากปล่อยมาร์จิ้น ทั้งนี้เชื่อว่าในช่วงสั้นราคาหุ้นอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรต้องระมัดระวัง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง โดยประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 1.66 บาท และแนวต้านที่ ระดับ 2.14 บาท และแนวต้านถัดไปที่ระดับ 3 บาท
แหล่งข่าวจากบล.กสิกรไทย กล่าวว่าบริษัทได้ควบคุมความเสี่ยงในหุ้น IEC โดย 60% ของมูลค่าหุ้นลุกค้าจะต้องซื้อด้วยเงินสด ส่วนอีก 40% นั้นบริษัทจะให้ยมาร์จิ้น โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 1.55-1.54 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1.70 บาท
POWERดันวาระด่วนเข้าบอร์ด
นายปิยะ พูลสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์-พี จำกัด (มหาชน) หรือ POWER แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แจ้งกล่าวโทษผู้บริหารของบริษัทนั้น บริษัทพิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องดัง กล่าว เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทจึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบ โดยบริษัทจะจัด ให้มีกำหนดการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2549 เพื่อพิจารณาอนุมัติงบการเงินประจำไตรมาสที่ 3/2549 ดังนั้นบริษัทฯจะได้นำเรื่องดังกล่าวนี้เข้าสู่การประชุมคณะกรรมการบริษัทในครั้งที่ดังกล่าว เป็นวาระพิเศษเร่งด่วน
ด้านตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่าตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้รับคำชี้แจงถึงผลกระทบจากบริษัทเพาเวอร์-พี ในเรื่องการจัดทำบัญชี โดยตลาดหลักทรัพย์ ได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพียงว่า POWER จะต้องนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไข ภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2549 ตลาดหลักทรัพย์จึงหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของหุ้นเพาเวอร์-พีต่อไป โดยขึ้นเครื่องหมาย "SP" สำหรับการซื้อขายวันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขและรายงานตรวจสอบพิเศษตามที่ ก.ล.ต. กำหนด
|
|
|
|
|