จับตาบริษัทผู้ประกอบธุรกิจเหล็ก มีแนวโน้มที่จะแห่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกเพียบ ชี้ความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อขยายธุรกิจ ประกอบกับผู้บริหารรุ่นหลังที่มีความรู้และความเข้าใจที่จะเข้าระดมทุนในตลาดทุน เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับบริษัท
นายปานชัย พิพัฒนสกุล กรรมการผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ บริษัทค้าเหล็กไทย จำกัด(มหาชน)หรือ TMT ในฐานะอุปนายกสมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่นเปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้มีผู้ประกอบธุรกิจเหล็กที่เป็นบริษัทสมาชิกของสมาคม ซึ่งมีศักยภาพสามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกประมาณ 5-10 บริษัท ซึ่งบริษัทเหล่านี้อาจจะต้องมีการปรับโครงสร้างบริษัทเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ทางการกำหนดไว้
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้าจะมีบริษัทซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจเหล็ก เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากต่อไปบริษัทเหล่านี้จำเป็นต้องขยายกิจการ เพื่อให้ธุรกิจขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้นการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะนำเงินทุนไปขยายกิจการ
ทั้งนี้ในระยะหลังผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ประกอบธุรกิจเหล็กนั้นจะเป็นคนหนุ่ม รุ่นใหม่ที่มีการศึกษาระดับสูงและมีความสามารถ ซึ่งเข้าใจที่จะใช้ประโยชน์ของตลาดทุน เพราะการเป็นบริษัทจดทะเบียนนั้นมีประโยชน์ในแง่ของต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับต่ำ และยังสามารถกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ ที่ได้อัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี เพราะการเป็นบริษัทจดทะเบียนนั้นงบการเงินจะถูกตรวจสอบ อยู่แล้ว และการเป็นบริษัทจดทะเบียนยังได้รับความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศมากขึ้น
"ผู้บริหารรุ่นใหม่นั้นจะมีความรู้และความสามารถมาก ซึ่งมีความคิดทันสมัย ซึ่งพร้อมที่จะผลักดันให้บริษัทเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งผู้บริหารเหล่านี้จะมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการสูญเสียความเป็นเจ้าของในธุรกิจน้อยกว่าผู้บริหารรุ่นก่อนๆ"นายปานชัยกล่าว
อุปนายกสมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่นกล่าวต่อว่า ภายในอนาคตถ้ามีบริษัทผู้ประกอบธุรกิจเหล็กเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น เชื่อว่าจะทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมหรือมาร์เกตแคปของหุ้นกลุ่มนี้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับธุรกิจเหล็กมีแนวโน้มที่ดี และมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นได้อีกมาก โดยเฉพาะการที่รัฐบาลยังผลักดันโครงการเมกโปรเจกต์ต่อไปถือเป็นปัจจัยบวกสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจเหล็ก
สำหรับกรณีที่ราคาหุ้นบริษัทค้าเหล็กไทยไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวนั้น นายปานชัยกล่าวว่า เนื่องจากสภาพคล่องของหุ้นมีไม่มากนัก เพราะหุ้นส่วนใหญ่จะอยู่กับคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัท ซึ่งคู่ค้าเหล่านี้จะถือหุ้นระยะยาว เพราะหวังในแง่ของเงินปันผล ดังนั้นจึงไม่ค่อยขายหุ้นออกมา อย่างไรก็ตามในแง่ของฟรีโฟลทของบริษัทก็ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้
ทั้งนี้จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น พบว่ามีบริษัทที่เป็นสมาชิกและยังไม่ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่หลายบริษัทเช่นบริษัทเกรทเซ็นทรัล, บริษัทคอทโก้เมททอลเวอร์คส, บริษัทซี.เอส.สตีล โปรดักส์, บริษัทโตโยมิลเลนเนียม, บริษัทไทยคูณการเหล็ก, บริษัทเทสโก เอ็นจิเนีย, บริษัทนาสโตะ, บริษัทเบสท์เทค แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง, บริษัทเพชร ดี.พี., บริษัทมิตรสตีล, บริษัท เมทัลลิค คอยล์ เซ็นเตอร์, บริษัทยูนิไพพ์
บริษัทลาภทวีผล, บริษัทวิจิตราภรณ์รังสี, บริษัทสยามสตีลเวอร์คส์, บริษัทสยามเฟอร์ไร อินดัสทรี, บริษัท อินเตอร์ เมทัล ทิวบ์ แอลลิแอนช์(ประเทศไทย), บริษัทเอเบิล อินดัสตรีส์, บริษัทเอเชี่ยนสตีล โปรดักส์, บริษัทเอ็มไพร์ สตีล, บริษัทเฮงฮวดสตีลไพพ์(1989), ห้างหุ้นส่วนจำกัด กิมฮงเส็ง, ห้างหุ้นส่วนจำกัดเค.เอส.เมทอลเทค
อย่างไรก็ตามก็มี 2 บริษัทที่อยู่ระหว่างการยื่นแบบรายการแสดงข้อมูลหรือไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือก.ล.ต.ได้แก่บริษัทไทยง้วนเมทัลและบริษัทสหไทย สตีล ไพพ์ ซึ่งยังไม่ได้กระจายหุ้น
|