|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เวิร์คพอยท์ ยิ้มรับสถานการณ์ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เผยได้ทำการต่อสัญญาของปีหน้ากันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทำตามกติกาที่ สคบ. ต้องการ ไม่หวั่นหากสปอนเซอร์รายการกลุ่มแอลกอฮอล์ ต้องหยุดการโฆษณาลง เหตุมีสินค้าอื่นเตรียมจ่อคิวรับอาสาเพียบ มั่นใจรายได้จากโฆษณาปีนี้ยังเติบโตที่ 20 % คุยปีหน้าทุ่มอีก 50 ล้านบาท ทำหนัง 2 เรื่อง ผุดรายการใหม่ 3-4 รายการ พร้อมชูกลยุทธ์สร้างแวลูให้แต่ละรายการ กับการจัดแคมเปญพิเศษ ล่าสุดจับมือทรู เปิดตัว ชิงร้อยชิงล้าน ตอนพิเศษ “ชิงล้าน ชิง 100 ล้าน กับทรูมูฟ”
นายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่ทางคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ที่ได้มีการกำหนดแนวทางบังคับห้ามโฆษณาสินค้าประเภทผสมแอลกอฮอล์ผ่านสื่อออกมานั้น สำหรับทางบริษัทฯเองที่บางรายการมีสปอนเซอร์หลักเป็นกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น มองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้น
ขณะเดียวกันกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นสปอนเซอร์หลักให้แต่ละรายการนั้น ขณะนี้ก็ได้มีการต่อสัญญาของปี 2550 กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากผลบังคับใช้ที่จะประกาศออกมาในวันที่ 3 ธันวาคม ที่จะถึงนั้น คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด และทางสปอนเซอร์เอง น่าจะแก้ไขสถานการณ์ได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับกฎ กติกา ทีทาง สคบ.กำหนดด้วย ซึ่งทางบริษัทฯเองก็ให้การสนับสนุนเต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากผลบังคับใช้ออกมาว่า ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาดไม่ว่าจะกรณีใดๆ การต่อสัญญาก็จะต้องถูกยกเลิกไป ขณะที่บริษัทฯเองก็ได้มีการติดต่อจากกลุ่มสินค้าประเภทอื่นๆที่มีความประสงค์จะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์รายการอีกเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่สปอนเซอร์เดิม จึงยังคงมีความร่วมมือที่ดีต่อกันต่อไป
ปัจจุบันบริษัทฯมีรายได้จากโฆษณากว่า 1,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20 % จากปีที่ผ่านมา ขณะที่ 5 % มาจากการลงโฆษณาของกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นสปอนเซอร์หลักให้ 3 รายการ คือ เบียร์ช้าง เป็นสปอนเซอร์หลักให้รายการ แฟนพันธุ์แท้ และชัยบดินทร์ บลู และลีโอ เบียร์ เป็นสปอนเซอร์หลักให้รายการชิงร้อยชิงล้าน
ด้านนายครรชิต ควะชาติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปีหน้าว่า จะมีการผลิตรายการใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3-4 รายการ ขณะนี้กำลังเจรจากับทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆอยู่ ขณะเดียวกันในส่วนของธุรกิจภาพยนตร์นั้น บริษัทฯได้เตรียมการลงทุนกว่า 50 ล้านบาท สำหรับผลิตภาพยนตร์อีก 2 เรื่อง จะยังคงเป็นภาพยนตร์ตลก ขณะนี้มีการถ่ายทำกันไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปชื่อเรื่องได้ ซึ่งแต่ละเรื่องนั้น ได้มีการลงทุนเรื่องละประมาณ 25 ล้านบาท โดยยังคงเป็นการลงทุนร่วมกับทางสหมงคลฟิล์มอยู่
ส่วนธุรกิจในกลุ่มโทรทัศน์นั้น บริษัทฯจะเน้นกลยุทธ์การสร้างแวลูให้แต่ละรายการให้เพิ่มสูงขึ้น โดยจะมีการจับมือกับทางพาร์ทเนอร์ หรืออีเวนต์ต่างๆมากขึ้น เพื่อให้แต่ละรายการที่บริหารอยู่ บนเวลาที่คงเดิม และมีรายได้เพิ่มขึ้น
ล่าสุดบริษัทฯได้จับมือกับทางบริษัท ทรู คอร์ปเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับการจัดแคมเปญขอบคุณลูกค้าที่ใช้ทรูมูฟ ผ่านรายการชิงร้องชิงล้าน ในตอนพิเศษที่ชื่อว่า “ชิงล้าน ชิง 100 ล้าน กับทรูมูฟ” โดยมีกติกาหลักในการเล่น คือ ผู้โชคดีที่ใช้บริการทรูมูฟและบริการทรูมันนี่ ทั่วประเทศ จะได้รับคัดเลือกมาในแต่ละสัปดาห์รวมทั้งสิ้น 100 คน จะมีสิทธ์เลือกตัวเลข 5 หลัก ผู้เข้าแข่งขันที่เลือกตัวเลขได้ใกล้เคียงกับเลขแจ๊คพอตท่วางไว้ 7 ท่าน จะเป็นผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลทองคำมูลค่า 100 ล้านบาท และไม่มีใครที่มีตัวเลขตรงกับเลขแจ๊คพอต จะได้รับรางวัลเป็นทองคำมูลค่า 1 ล้านบาทแทน ซึ่งจะเริ่มออกอากาศเทปแรกในวันที่ 8 พ.ย. นี้ รวมจำนวน 5 เทป และในวันที่ 3 มกราคม 2550 จะเป็นการถ่ายทอดสด หาผู้โชคดีที่จะได้รับรางวัลทองคำมูลค่า 100 ล้านบาทอีกด้วย
ปัจจุบันบริษัทฯแบ่งโครงสร้างรายได้ออกเป็น กลุ่มโทรทัศน์ 90 % ภาพยนตร์ 4% และพับบิชิ่งรวมกับอัลนิเมชั่นอีก 6 % โดยในปีนี้ตั้งเป้ารายได้การเติบโตกว่า 10-15 % จากรายได้รวมในปีที่ผ่านมากว่า 1,100 ล้านบาท
ขณะที่เป้ารายได้ 10-15% นั้น เป็นการปรับเป้าลดลงจากตอนต้นปีที่วางไว้กว่า 20 % ทั้งนี้เนื่องมาจาก ปัจจัยลบต่างๆที่เกิดขึ้นตลอดปี ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาเศรษฐกิจ และการเมืองนั้นเอง
|
|
|
|
|