Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน8 พฤศจิกายน 2549
พีแอนด์จีปรับทั่วโลกชูกลุ่มบิวตี้ บูม“สกินแคร์-แฮร์แคร์”เป็นเรือธง             
 


   
www resources

P&G Homepage

   
search resources

พร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย), บจก.
Consumer Products




พีแอนด์จี ทั่วโลกปรับตัว โฟกัสการดำเนินธุรกิจใหม่ ชูกลุ่ม “บิวตี้” บูมแฮร์แคร์-สกินแคร์เรือธง หลังเห็นแววตลาดเพื่อความงามมีศักยภาพ ปั้นโลโก้ใหม่ “พีแอนด์จี บิวตี้” สื่อสารผู้บริโภค ทิ้งภาพลักษณ์คอนซูเมอร์ โปรดักส์ โชว์ผลงานนโยบายบริษัทแม่ 9 เดือน แชมพูกวาดแชร์รวม เพิ่มเป็น 34% จาก 31% ล่าสุดระเบิดแคมเปญ “ไม่ได้ผล คืนเงิน 2 เท่า” กระทุ้งแชร์โค้งสุดท้าย ลั่นปีหน้าอัดสื่อรูปแบบใหม่

นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พีแอนด์จี เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแชมพูแพนทีน, รีจอยส์ และ เฮดแอนด์โชว์เดอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้นโยบายพีแอนด์จีทั่วโลกได้ปรับภาพลักษณ์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยหันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความงามมากขึ้น ภายใต้การสื่อสารด้วยโลโก้ใหม่ “พีแอนด์จี บิวตี้” จากเดิมภาพลักษณ์ของพีแอนด์จีเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจคอนซูเมอร์ โปรดักส์มากกว่า ทั้งนี้เป็นเพราะบริษัทแม่เล็งเห็นว่า ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีอัตราการเติบโตที่ดี

“การปรับตัวโดยหันมาโฟกัสผลิตภัณฑ์เพื่อความงามในครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างความสมดุลของรายได้ระหว่างผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและกลุ่มอื่นๆ เพราะที่ผ่านมาในแต่ละประเทศให้ความสำคัญกับการทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะกลุ่มที่นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ทำให้รายได้ในส่วนผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและกลุ่มอื่นๆ ไม่ได้มีความสมดุลกันมากนัก”

สำหรับนโยบายการดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม เน้น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์แชมพู ซึ่งประกอบด้วย แพนทีน, รีจอยส์, เฮดแอนด์โชว์เดอร์ และแคร์รอล เฮอร์เบิ้ลเอสเซ้นส์ และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ได้แก่ โอเลย์ จากโครงการธุรกิจพีแอนด์จีทั่วโลก ประกอบด้วย 7 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ในช่องปากภายใต้แบรนด์ออรัลบี กลุ่มขนมขบเคี้ยว, มันฝรั่ง ตราพริงเกิ้ล กลุ่มกระดาษ-ผ้าอนามัยวิสเปอร์, แพมเพอร์ส ถ่านไฟฉายตราดูราเซลล์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ซักล้าง – ผงซักฟอกแฟ้บ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลภาพลักษณ์บุรุษ ยิลเลตต์

ทั้งนี้พีแอนด์จีทั่วโลกได้เริ่มสื่อสารภาพลักษณ์การดำเนินธุรกิจใหม่ เช่น ในโซนยุโรป ในประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ อเมริกา ส่วนในโซนเอเชียได้สื่อสารบ้างแล้วในบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และออสเตรเลีย ส่วนประเทศไทยเริ่มขึ้นในต้นปี 2548 สำหรับในประเทศไทยการดำเนินธุรกิจรุกตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก เนื่องจากโครงการธุรกิจพีแอนด์จีในไทย 3 ใน 4 เป็นธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อความงามอยู่แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 1 ส่วนมาจากธุรกิจสบู่ ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ

**โชว์กลุ่มแชมพูกวาดแชร์เพิ่ม**

นายเมธี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นผมหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ส่วนแบ่งรอบเดือนมกราคม-กันยายน 49 พีแอนด์จี มีส่วนแบ่งเพิ่มจาก31% เป็น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แบ่งเป็น รีจอยส์เพิ่มจาก 9% เป็น 10.5% แพนทีน 12% เป็น 13% เฮดแอนด์โชว์เดอร์ลดลงจาก 8.4 % เป็น 8% แคร์รอล เฮอร์เบิ้ล เอสเซ้นส์ 1.7% เป็น 2.5% ส่วนยูนิลีเวอร์ค่ายแชมพูคู่แข่ง ส่วนแบ่งลดลงจาก 36% เหลือเป็น 32% แบ่งเป็น ซันซิล จาก 28.7% เป็น 25.5% คลีนิคเคลียร์ 16% เพิ่มเป็น 19% และโดฟจาก 8.3% เป็น 7.4% จากมูลค่าตลาดแชมพู 7,800 ล้านบาท โตขึ้นจากปีที่แล้ว 12% จากมูลค่า 6,900 ล้านบาท


ล่าสุดในช่วงปลายปีนี้ บริษัทจึงได้จัดแคมเปญเฮดแอนด์โชว์เดอร์”ไม่ได้ผล คืนเงิน 2 เท่า” โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์เฮดแอนดโชว์เดอร์สูตร Smart ZPT ใหม่ไปใช้แล้วไม่เห็นผลสามารถติดต่อรับเงินคืนได้เป็น 2 เท่าของราคาสินค้าที่ซื้อ เริ่มตั้งแต่วันนี้- 28 กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งเป็นครั้งแรกของเฮดแอนด์โชว์เดอร์ที่เปิดตัวแคมเปญลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้เป็นเพราะในรอบ 9 เดือนเฮดแอนด์โชว์เดอร์เป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งลดลงเพียงแบรนด์เดียว เพราะคลินิกเคลียร์หรือสินค้าคู่แข่ง มีการจัดกิจกรรมและออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายของการเปิดตัวแคมเปญนานถึง 4 เดือน จะช่วยรักษาส่วนแบ่งหรือผลักดันให้มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 8-10% โดยมาจากการขยายฐานลูกค้าใหม่

สภาพตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 4-5 % ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่ดี ส่วนภาวะน้ำท่วมสำหรับบริษัทได้รับผลกระทบทางยอดขายบ้างในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากการขนส่งไม่สามารถเข้าถึงขณะที่ผู้บริโภคก็ไม่สามารถมาซื้อสินค้าได้ ส่วนในเดือนพฤศจิกายนคาดว่ากำลังการซื้อจะกลับมาดีขึ้น

**แย้มปี50อัดสื่อรูปแบบใหม่แหวกแนว**

นายเมธี กล่าวต่อว่า แผนการตลาดปีหน้านี้จะทุ่มงบเพิ่มขึ้น 5% จากปีนี้ โดยเน้นการทำคอนซูเมอร์ แอคทิเวชั่น การจัดกิจกรรมร่วมกับตราสินค้า รวมทั้งการใช้สื่อในรูปแบบใหม่มีความแปลกแหวกแนว และมีความสนใจที่จะทำสื่อออนไลน์ แต่ต้องพิจารณาถึงจำนวนคนใช้งานเป็นหลักก่อน ทั้งนี้เพื่อสร้างการจดจำและการรับรู้แก่ผู้บริโภค ขณะที่การออกสินค้าจะเน้นนวัตกรรมใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเฉพาะเจาะจง โดยยกตัวอย่างตลาดแชมพูแนวโน้มในอนาคตจะซอยเซกเมนต์ย่อยมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงการรุกตลาดผงซักฟอกเต็มรูปแบบในปีหน้านี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us