|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ดีพีซีทำยอดขายถล่มทลายเกินเดือนละ 3 แสนเครื่อง คาดสิ้นปีทะลุเป้า 3.4 ล้านเครื่อง เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 45% รายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท ขายดีจนโนเกียต้องให้รางวัล Overall Sales Performance พร้อมเปิดกลยุทธ์เบอร์หนึ่งดิสทริบิวเตอร์มือถือ
นายกุลดิษฐ์ สมุทรโคจร ผู้จัดการทั่วไปบริษัท ดิจิตอลโฟน หรือดีพีซีผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ Big Brand อย่างโนเกีย ซัมซุง และมือถือเฮ้าส์แบรนด์เอ็มเอฟเอ กล่าวว่าปีนี้คาดว่าดีพีซีจะขายมือถือได้ทั้งหมดประมาณ 3.4 ล้านเครื่องจากตลาดรวมประมาณ 7.4 ล้านเครื่องมูลค่าประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทหรือมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 45% จากปีที่ผ่านมาที่ขายได้ 2.6 ล้านเครื่องมีส่วนแบ่งตลาด 40% โดยที่รายได้ในปีนี้อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 1.1 หมื่นล้านบาท
“ปีหน้าคาดว่าตลาดรวมมือถือจะโตขึ้นประมาณ 5% หรือมีจำนวนประมาณ 7.8 ล้านเครื่องซึ่งดีพีซีจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 45% หรือ 3.5 ล้านเครื่องเป็นอันดับหนึ่งในตลาดด้วยรายได้ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทโดยมีเอ็ม-ลิ้งค์เป็นอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 35%”
ดีพีซีขายโนเกียประมาณ 70% ของจำนวนมือถือที่ขาย ซึ่งทำให้ได้รับรางวัล Overall Sales Performance จากโนเกีย เอเชีย แปซิฟิก โดยที่ปีนี้ทำยอดขายสูงกว่า 3 แสนเครื่องต่อเดือนติดต่อกันหลายเดือน อย่างเดือนก.ย.ที่ผ่านมาดีพีซีมียอดขาย 3.3 แสนเครื่องหรือส่วนแบ่งตลาด 53% จากขนาดตลาดรวม 6.25 แสนเครื่อง ซึ่งการเติบโตของดีพีซีเกิดจาก 4 ปัจจัยหลักคือ
1.การทำงานร่วมกับเอไอเอสในการขายโทรศัพท์มือถือที่มีซิมการ์ดบรรจุอยู่ในเครื่องพร้อมใช้งานได้ทันที ในระดับราคาไม่เกิน 2 พันบาทเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ในระดับรากหญ้า โดยหลังจากที่เปิดแคมเปญไปเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือนต.ค.ขายได้ทั้งหมด 1.2 แสนเครื่อง
2.ในกลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องหรือระดับกลางถึงสูง มีการบันเดิลมิวสิคคอนเทนต์ในลักษณะมิวสิคโฟนไม่ว่าจะเป็นการนำอัลบั้มโอ๋ลำดวนลงมือถือ ร่วมกับค่ายเพลงลิคควิด แพลนเน็ตนำศิลปิน 3 สาวบาบาเอ้ ให้ฟรี ริงโทน วอลเปเปอร์ พร้อมคลิปวิดีโอ ในซีดีที่สามารถโหลดลงโนเกียเอ็นซีรีส์
3.ทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ช่องทางจำหน่าย โดยดีพีซีมีดีลเลอร์และร้านเทเลวิซกว่า 500 แห่ง ซึ่งดีลเลอร์เหล่านี้จะมีเน็ตเวิร์กการจัดจำหน่ายที่แข็งแรง มีความร่วมมือกับรีเทล เชนอย่างเจ-มาร์ท บลิสเทล ทีจีและไออีซี พร้อมทั้งขยายช่องทางไปโมเดิร์นเทรดต่างๆไม่ว่าจะเป็นเพาเวอร์บาย เทสโก้โลตัส
4.แคมเปญที่สร้างความเข้มแข็งให้แบรนด์ดีพีซีอย่าง 7 Days Special CARE สำหรับลูกค้าที่ซื้อมือถือจากดีพีซี สามารถเปลี่ยนเครื่องใหม่ หากเกิดปัญหาการใช้งานภายใน 7 วันนับจากวันที่ซื้อเครื่อง สำหรับแผนการตลาดในไตรมาส 4 ดีพีซีจะยังมีแคมเปญเดิมต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องมือถือพร้อมใช้เจาะตลาดรากหญ้า โดยมีโนเกียและเอ็มเอฟเอรุ่นใหม่ๆในระดับราคาพันกว่าบาท ยังเน้นเรื่อง7 Days Special CARE มีการบันเดิลมิวสิคคอนเทนต์ที่กำลังเป็นที่นิยม พร้อมโนกียเอ็นซีรีส์รุ่นที่เป็น Music Edition โดยเฉพาะรวมทั้งเปิดแคมเปญใหม่ Trade in คือนำเครื่องเก่าจอขาวดำหรือจอสีที่ไม่มีกล้องมาแลกซื้อเครื่องใหม่ โนเกีย 6230i ได้รับส่วนลดทันที 1 พันบาทหรือขายในราคา 7.8 พันบาท ซึ่งดีพีซีคาดว่าจะมีคนนำเครื่องมาแลกซื้อประมาณ 3 เครื่องต่อเดือน
“การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงของโอเปอเรเตอร์ทำให้ตลาดลูกค้าใหม่เติบโตสูง ในขณะที่ตลาดเปลี่ยนเครื่องก็เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ตลาดมือถือเติบโตโดยยอดขายดีพีซีประมาณ 30-35% มาจากลูกค้าใหม่และ 65-70% มาจากการเปลี่ยนเครื่องที่ปัจจุบันวงจรเหลือเพียง 1 ปี”
นอกจากนี้เพื่อเป็นการสร้างความแตกต่างท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดจนมาร์จิ้นหรือกำไรจากการขายเครื่องเหลือไม่ถึง 2% ดีพีซียังมีกลยุทธ 3 More ประกอบด้วย More Privilege อย่างลูกค้าเอไอเอสจะได้โทร.ฟรีสูงสุด 300 บาทหากมาซื้อเครื่องดีพีซี หรือถ้าซื้อซิมการ์ดใหม่พร้อมเครื่องก็จะได้โทร.ฟรีสูงสุด 900 บาทขึ้นอยู่กับราคาเครื่อง More Care เครื่องที่อยู่นอกการรับประกัน จะคิดค่าบริการเพียง 50% หากนำมาตรวจสภาพ และให้ส่วนลด 10% ในการเปลี่ยนอะไหล่
More Style หรือการมีเครื่องให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นบิ๊กแบรนด์อย่างโนเกีย ซัมซุง โซนี่อีริคสัน แอลจี รวมทั้งสมอลแบรนด์อย่างเบนคิว-ซีเมนส์ กลุ่มพีดีเอโฟนอย่างดูพอด โอทู แบล็คเบอรี่ และเฮ้าส์แบรนด์ของเอ็มเอฟเอหลายรุ่นในระดับที่ฟังก์ชั่นฟีเจอร์เทียบเท่าบิ๊กแบรนด์ แต่ราคาจะถูกกว่า 20-25% โดยเอ็มเอฟเอจะเลือกเจาะกลุ่มในระดับเบสิกโฟนหรือราคาประมาณ 4-7 พันบาทเนื่องจากยังมีช่องว่างพอแข่งขันได้ แต่หากสูงกว่านั้นคือระดับ 7 พัน-1 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็น Full Feature Phone ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญคือจอสีตั้งแต่ 65k-262k กล้องระดับล้านพิกเซล มีหน่วยความจำภายนอก มีบลูทูธ จะเป็นตลาดที่พวกมีแบรนด์แข่งขันสูงมาก ซึ่งผู้บริโภคจะเลือกมือถือมีแบรนด์มากกว่าเฮ้าสแบรนด์
สำหรับสัดส่วนการขายเครื่องของดีพีซีจะต้องมีส่วนแบ่งตลาดระดับกลางถึงสูงประมาณ 35% และมีระดับตลาดเกิดใหม่ Emerging Market (ราคาต่ำกว่า 2,000 บาท) และระดับ Entry Market ประมาณ 65-70% (2,000-4,000 บาท)
|
|
|
|
|