|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ปตท.สผ. เตรียมออกหุ้นกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ซามูไรบอนด์ 193 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ครบกำหนดไถ่ถอน ก.ย.50 คาดว่าได้ข้อสรุปต้นปีหน้า ยอมรับปี 2551 ปริมาณก๊าซฯขาดไม่พอต่อความต้องการ 50-100 ล้านลบ.ฟุต/วัน ชี้คนใช้เอ็นจีวีมากก็จะขาดมาก
นายชัชวาลย์ เอี่ยมศิริ รองผู้จัดการใหญ่สายการเงินและบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่าในปีหน้า บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้หรือตั๋วบี/อี เพื่อนำมารีไฟแนนซ์หุ้นกู้ซามูไรบอนด์จำนวน 193 ล้านเหรียญสหรัฐ อัตราดอกเบี้ย 7.8% ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย. 2550 คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาสแรกปี 2550
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวขึ้นอยู่กับภาวะอัตราดอกเบี้ยและหากไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนก็จะออกเป็นตั๋วบี/อี แต่ถ้าเป็นหุ้นกู้ระยะยาวจะออกเป็นบาทบอนด์
นอกจากนี้ ปตท.สผ.ยังมีหุ้นกู้อีกส่วนหนึ่งวงเงิน 60 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเดิมเป็นหุ้นกู้สกุลบาทแต่ได้สว็อปเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ มีอายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.8% เนื่องจากเป็นหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ยดี จึงจะไม่มีการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ดังกล่าว
นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2551 ปริมาณก๊าซธรรมชาติจะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ 50-100 ล้านลบ.ฟุต/วัน ทำให้ต้องมีการเร่งจัดหาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นๆเพิ่มเติมและใช้พลังงานทดแทนอย่างอื่น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) รวมทั้งการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (NGV) หากพบว่ามีการใช้NGV เพิ่มสูงขึ้น ก็จะทำให้ปริมาณก๊าซฯขาดมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปตท.ได้เล็งเห็นถึงการจัดหาก๊าซฯเพิ่มเติมในแหล่งอาทิตย์ รวมทั้งรักษาระดับอัตราการผลิตจากแหล่งบงกชไว้ที่ 630 ล้านลบ.ฟุต/วัน และเพิ่มปริมาณการผลิตจากแหล่งเชฟรอน รวมไปถึงการปรับลดความดันท่อก๊าซฯหลักเพื่อเพิ่มการผลิตก๊าซฯให้มากขึ้น
นายมารุต กล่าวถึงการเจาะหลุมสำรวจต้นจัน-1X จากแหล่งบงกชพบก๊าซฯในชั้นหินกักเก็บซึ่งมีความหนารวม 143 เมตร ซึ่งการพบก๊าซฯดังกล่าวจะทำให้โครงการบงกชสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯจากปัจจุบัน ผลิตที่ 630 ล้านลบ.ฟุต/วันได้ หรือรักษาอัตราการผลิตดังกล่าวได้ในระยะยาว ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนจะขุดเจาะหลุมสำรวจในแหล่งบงกชเพิ่มเติมอีก 1 หลุม
ก่อนหน้านี้ บริษัทฯมีแผนจะเจาะสำรวจหลุมในโครงการบงกชใต้ เพื่อหาปริมาณก๊าซฯเพิ่มเติมหวังรักษาระดับอัตราการผลิตของแหล่งบงกชเดิมไว้ในระยะยาว จากธรณีวิทยาของบงกชเหนือเชื่อว่าสามารถรักษาระดับการผลิตที่ 630 ล้านลบ.ฟุตได้ด้วยตัวเอง
ส่วนแหล่งก๊าซฯนาทูนา อินโดนีเซียนั้น บริษัทเห็นว่าเป็นแหล่งปิโตรเลียมที่น่าสนใจ เพราะมีปริมาณก๊าซฯจำนวนมาก สามารถป้อนเพื่อเสริมด้านพลังงานให้ไทยได้ แต่ติดตรงที่เป็นแหล่งที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 70% ทำให้ต้องพิจารณาต้นทุนการผลิต ซึ่งแหล่งดังกล่าวทางเอสโซ่และเปอร์ตามิน่าเป็นเจ้าของสัมปทานที่จะหมดอายุลงในต้นปี 2550
ในไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าจะปริมาณการขายปิโตรเลียมจะสูงกว่าไตรมาส 3 ปีเดียวกัน เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างการทดสอบการผลิตและส่งก๊าซฯ และคอนเดนเสทจากแหล่งชามส์ในโครงการโอมาน 44 คาดว่าจะเริ่มผลิตก๊าซฯอย่างเป็นทางการประมาณ 40ล้านลบ.ฟุต/วัน และคอนเดนเสทในอัตรา 3400 บาร์เรล/วัน ในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งในอนาคตจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตอีก รวมทั้งโครงการภูฮ่อมคาดว่าจะป้อนก๊าซฯให้ปตท.ในอัตรา 79 ล้านลบ.ฟุต/วันในเดือนพ.ย.เช่นเดียวกัน ส่วนโครงการS1 จะพยายามเร่งผลิตได้มากขึ้น หลังจากประสบปัญหาพบน้ำปนมากับน้ำมัน ทำให้กำลังการผลิตเดินไม่เต็มที่ และมีปริมาณน้ำมัน
นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 นี้ ปตท.สผ.จะตัดจำหน่ายหลุมแห้ง 1 หลุมของโครงการในเวียดนาม ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอ่อนตัวลง จะส่งผลทำให้ราคาขายเฉลี่ยของปตท.สผ.บ้าง แต่ไม่หวือหวา เพราะราคาเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีก๊าซฯถ่วงอยู่ด้วย เชื่อว่าไตรมาส 4 ผลการดำเนินงานไม่น้อยกว่าไตรมาส 3 ปีนี้
"หวังว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 4 จะใกล้เคียงไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีเงินสดในมือ 2.2 หมื่นล้านบาท อัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ ทำให้มีศักยภาพในการก่อหนี้เพิ่มเพื่อใช้ลงทุนเพิ่มเติมได้"
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3ปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวม 23,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,910 ล้านบาทหรือ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยไตรมาสนี้สูงขึ้นเป็น 38.25 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล รวมทั้งปริมาณการขายได้เพิ่มขึ้นเป็น 168,830 บาร์เรล ซึ่งส่วนใหญ่มาจากยอดขายน้ำมันดิบของโครงการB8/32 &9A ส่งผลให้ไตรมาสนี้ ปตท.สผ.มีกำไรสุทธิ 6,813 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5% เนื่องจากมีการตัดจำหน่ายหลุมแห้งของโครงการพม่าM7&M9 , เวียดนาม16-1 ,L22/43 และ G4/43 รวมทั้งค่าเสื่อมราคาจากโครงการอื่นๆ
|
|
|
|
|