|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สตง.กังขาแบงก์กรุงไทยมีคำสั่งเลิกจ้าง “สถิต จูพัฒนกุล” รองเอ็มดีแต่กลับประเคนเงินกว่า 10 ล้านบาท หวั่นอาจผิดตามวินัยทางงบประมาณและการคลัง มติบอร์ดระบุพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก้าวร้าว และผลการปฏิบัติงานต่ำกว่าเกณฑ์ วงในเผยหัวแข็ง ไม่สนองคำสั่งเครือข่ายทักษิณที่ยั้วเยี้ยในบอร์ดจนต้องโดนเขี่ยทิ้ง ทั้งๆ ที่ผลประเมินKPI มาเป็นที่ 1
แหล่งข่าวจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) KTB ได้ส่งหนังสือแจ้งผลการประชุมคณะกรรมการธนาคาร ครั้งที่ 18/2549(681) โดยมีมติให้บอกเลิกสัญญาจ้างนายสถิต จูพัฒนกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานเครือข่ายนครหลวงโดยจ่ายเงินตามสัญญาจ้างรวมทั้งเงินชดเชยตามพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2549 เป็นต้นไป โดยจ่ายเงินค่าตอบแทนรวมทั้งสิ้น 10,020,300 บาท เป็นเงินเดือนจ่ายล่วงหน้า 12 เดือนและเงินชดเชยตามกฎหมายอีก 3 เดือน
ซึ่งสตง.จะดำเนินการตรวจสอบการเลิกจ้างดังกล่าวว่าทำให้ธนาคารและผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินผู้ถือหุ้นใหญ่ได้รับความเสียหาย และอาจมีความผิดตามวินัยทางงบประมาณและการคลังได้ ทั้งนี้สตง.ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารมีมติเลิกจ้างนายสถิตแล้วยังต้องจ่ายเงินสูงถึง 10 ล้านบาท
โดยในรายงานการประชุมของคณะกรรมการธนาคารระบุว่านายสถิต มีพฤติกรรมที่ไม่สมควรเป็นผู้บริหารระดับสูง ประพฤติตนก้าวร้าว ข่มขู่ผู้ใต้บังคับบัญชา ใช้วาจาไม่เหมาะสมสั่งห้ามผู้ใต้บังคับบัญชาให้ความร่วมมือกับสายงานอื่นภายในองค์กรเกี่ยวกับการงานในหน้าที่ ก่อให้เกิดความแตกแยกและขาดสามัคคี ใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายผู้ใต้บังคับบัญชาโดยไม่เป็นธรรม ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเสียขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
จนกระทั่งมีผู้บริหารระดับสูงและผู้ใต้บังคับบัญชาอีกหลายระดับในสายงานไม่ยอมรับในพฤติกรรมและไม่ต้องการร่วมปฏิบัติงานด้วย ซึ่งพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์กรโดยรวม กรรมการผู้จัดการผู้บังคับบัญชาโดยตรงได้เรียกนายสถิต มาว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจาหลายครั้งให้ปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมให้ดีขึ้น เพื่อมิให้เกิดความเสียหายโดยรวมต่อพนักงานและธนาคาร แต่นายสถิต ก็ยังมิได้ปรับปรุงพฤติกรรมของตนเองให้ดีขึ้น แต่ยังคงมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นเดิม
นอกจากนี้ผลการปฏิบัติงานตามเกณฑ์ KPI ของสายงาน ซึ่งเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายสถิต ก็ไม่เคยผ่านเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดจนต้องมีการปรับปรุงแก้ไข และแม้ต่อมาผลงานKPI จะดีขึ้น แต่ทางด้านการบริหารจัดการก็ยังปรากฏว่าผลการประเมินความร่วมมือและการประสานงานระหว่างสายงานต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ต่ำมาโดยตลอด ผู้บริหารสายงานอื่นไม่อยากยุ่งเกี่ยวและติดต่อประสานงานด้วย
ดังนั้นหากยังให้นายสถิต ปฏิบัติหน้าที่และอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปและปล่อยให้อยู่ในสภาวะเช่นนี้ในการปฏิบัติงานก็จะส่งผลกระทบและความเสียหายต่อการดำเนินงานและภาพลักษณ์โดยรวมของธนาคาร และโดยที่มีแนวโน้มไปในทางลบมากขึ้นเป็นลำดับ ฝ่ายบริหารจึงมีความเห็นว่าจำเป็นต้องแก้ไขโดยให้มีผลเด็ดขาดอย่างรวดเร็ว
โดยเห็นควรเลิกจ้างนายสถิต แม้จะต้องจ่ายเงินชดเชยเพื่อเลิกจ้างก็คุ้มค่าทั้งในแง่ของการบริหารจัดการ การรักษาขวัญและกำลังใจของพนักงาน และการไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากรกับการดำเนินคดีในศาลจึงเห็นควรเลิกจ้างในทันที โดยจ่ายเงินตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง
แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงไทยกล่าวว่า การที่นายสถิตถูกเลิกจ้างจากธนาคารโดยมติบอร์ดนั้นเนื่องจากเขาเป็นคนที่หัวแข็งไม่ยอมทำตามคำสั่งของบอร์ดซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมาจากบุคคลใกล้ชิดของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น ซึ่งจากการประเมินผลการปฏิบัติงานตามเกณฑ์KPIนั้น นายสถิตก็อยู่ในอันดับต้นๆ มาโดยตลอดและเป็นที่ 1 หลายครั้ง แต่ไม่ยอมทำตามใบสั่งการเมืองจึงเป็นเหตุให้ถูกบอกเลิกจ้างดังกล่าว
|
|
|
|
|