แบงก์ชาติ ระบุการเมืองฉุดธูรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดึงครึ่งปีหลังชะลอตัว แม้จะมีปัจจัยบวกจากดอกเบี้ย เงินเฟ้อยังไม่จูงใจผู้บริโภคตัดสินใจซื้อบ้าน
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า ภาพรวมธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2549 แม้ปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวไปในทิศทางที่เอื้ออำนวยต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่เครื่องชี้อสังหาริมทรัพย์บางรายการยังแสดงภาวะอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลเพราะความไม่ชัดเจนทางการเมือง ขณะเดียวกันผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีการชะลอการตัดสินใจ เพื่อหันไปเลือกซื้อในงานมหกรรมบ้านและคอนโดที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน ที่ผ่านมาแทน
ทั้งนี้ ในเดือนนี้มูลค่าการซื้อขายที่ดินทั้งประเทศอยู่ที่ 48,964 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนถึง14.4% ขณะที่จำนวนรายการซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศในเดือนนี้อยู่ที่ 69,813 รายการ ซึ่งลดลง 13.7% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ พื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั่วประเทศอยู่ที่ 1,585 พันตร.ม.ซึ่งลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 7.6% เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้อสังหาริมทรัพย์บางรายการปรับตัวดีขึ้น โดยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนเพิ่มในกรุงเทพและปริมณฑลมีจำนวนถึง 8,952 หน่วย หรือเพิ่มขึ้นถึง 65.8% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนโดยในเดือนนี้บ้านจัดสรร และอาคารชุดเร่งตัวขึ้นมาก ในขณะที่บ้านสร้างเองชะลอลง
โดยในจำนวนบ้านจัดสรรมีจำนวน 4,068 หน่วย ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 50% และในจำนวนแฟลตหรืออาคารชุดอยู่ที่ 2,596 หน่วย เป็นอาคารชุดในโครงการบ้านเอื้ออาทรถึง 47.3% สะท้อนให้เห็นว่าที่อยู่อาศัยใหม่ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กหรืออยู่ในช่วงระดับราคาปานกลางถึงต่ำ และบ้านสร้างเองมีจำนวน 2,288 หน่วย ซึ่งสอดคล้องกับการขอใบอนุญาตจัดสรรที่ดินในเขตกรุงเทพฯ ในเดือนนี้ก็เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 15.2% และยอดจำหน่ายปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้น 4.4% เช่นกัน
ด้านผู้ประกอบการที่ส่วนใหญ่ได้ปรับตัวไปสู่ตลาดระดับกลาง-ล่าง ได้เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนโดยการสำรวจความหนาแน่น และรูปแบบที่อยู่อาศัยตามความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลนั้นๆ ก่อนการลงทุนโครงการใหม่ ขณะที่บางส่วนรอดูสถานการณ์และความชัดเจนทางการเมืองก่อนตัดสินใจลงทุน ส่งผลให้มีการชะลอการซื้อที่ดินสะสมเพื่อรอการพัฒนา
|