|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ฮิตาชิประเมินการตลาดฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้วจะได้รับความนิยมในตลาดมากขึ้น เหตุโน้ตบุ๊กเติบโตสูง ความต้องการฮาร์ดไดร์ฟโตตาม ชึ้ปี 2553 ขนาดตลาด 2.5 นิ้วเติบโตเป็น 2 เท่า เผยแผนรักษาแชมป์ด้วยการเตรียมวางผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดกลางปีหน้า ชูเทคโนใหม่ป้อนรหัสบนฮาร์ดไดร์ฟป้องกันการรั่วไหลเมื่อคอมพิวเตอร์ถูกขโมย
นายโรเบิร์ต ชู รองประธาน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ฮิตาชิ จีเอสที กล่าวว่า กระแสความต้องการฮาร์ดดิสก์ ไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้ว จะได้รับความนิยมในตลาดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ดูได้จากการคาดการณ์ของไอดีซีที่ว่าภายในปี 2553 การป้อนฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขนาด2.5 นิ้วลงสู่ตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จาก 118 ล้านชิ้นในปี 2549 จนถึง 224 ล้านชิ้น และในปี 2553 ฮิตาชิเชื่อว่าฮาร์ดไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้วจะมีความจุสูงสุดถึง750กิกะไบต์ ผลิตภัณฑ์เกือบทุกประเภทจะต้องมีความต้องการฮาร์ดดิสก์ขนาด2.5 นิ้ว
ในส่วนของฮิตาชิที่ผ่านมามีการส่งฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟเข้าตลาดสูงขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส โดยในปีหน้าฮิตาชิมีนโยบายที่จะรักษาอัตราการเติบโตนี้ไว้
ไอดีซีคาดการณ์ว่าปีหน้าฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟจะมีการเติบโตประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ฮิตาชิมองว่าจะมีการเติบโตในตลาดประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์
การที่ฮิตาชิประมาณการว่าตลาดฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ 2.5 นิ้วจะได้รับความนิยมมากเป็นเพราะมองปัจจัยเอื้อหลายอย่างเช่น การขยายตัวของตลาดโน้ตบุ๊กที่มีมากกว่าพีซีจึงมีความต้องการฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่มีความจุของข้อมูลที่มีขนาดเล็กลง, แอปพลิเคชันใหม่ของการใช้งานเช่นอุปกรณ์ในรถยนต์มีมากขึ้นจึงต้องการฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่มีความจุข้อมูลมากยิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในส่วนเครื่องพีซีเองก็ยังมีพัฒนาการตัวเครื่องที่เล็กลงจึงมีความต้องการฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่มีขนาดเล็กลงเช่นกัน ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ก็มีพัฒนาการเล็กลงจึงมีความต้องการฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟที่มีขนาดเล็กลงเช่นกัน
กลุ่มผลิตภัณฑ์ Travelstar ของฮิตาชิ ได้รับการตอบรับจากตลาดตลอด 15 ปีที่ผ่านมา จากตัวเลขไตรมาส2ของปีนี้ส่งลงตลาดประมาณ7.1 ล้านยูนิต มาในไตรมาส3เพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านยูนิต โดยมีอัตราการเติบโต56 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
กลยุทธ์การพัฒนาของฮิตาชิเพื่อการเติบโตในปี 2550 จะอยู่บนพื้นฐานเทคโนโลยี PMR หรือการบันทึกข้อมูลในแนวดิ่ง อันจะส่งผลให้การพัฒนาฮาร์ดไดร์ฟได้มีความจุสูงขึ้นเพื่อรองรับแอพพลิเคชัน เช่น วิดีโอวงจรปิด ดิจิตอลวีดิโอบนโน้ตบุ๊ก
เป้าหมายของฮิตาชิคือ รักษาความผู้นำในตลาดขนาด 2.5 นิ้ว โดยมีกลยุทธ์หลักคือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรกของปี 2550 จะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ลงสู่ตลาด 2 รุ่นคือที่ขนาดความจุ 200 กิกะไบต์ ความเร็ว 7,200 รอบต่อนาที และอีกรุ่นมีความเร็ว 5,400 รอบต่อนาที ความจุสูงถึง 250 กิกะไบต์ ซึ่งคาดว่าจะลงในครึ่งปีหลังของปี 2550 โดยฮาร์ดไดร์ฟใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีการเขียนรหัสบนฮาร์ดไดร์ฟ เพื่อป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ฮิตาชิยังนำเสนอทางเลือกใหม่ในรูปแบบไฮบริดฮาร์ดไดร์ฟเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่
ฮิตาชิให้ความสำคัญกับสถิติของตัวเลขโน้ตบุ๊กที่ถูกขโมยที่มีมากกว่า 6 แสนเครื่องในปี 2547 มูลค่าข้อมูลเป็นจำนวนเงินสูงถึง5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบบสำรวจระบุว่า 81 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ถูกขโมยมี 1 เครื่องหรือมากกว่าที่หายไปพร้อมข้อมูลความลับทางธุรกิจ โดยในสหรัฐอเมริกาพบว่า การรั่วไหลของข้อมูลทำให้บริษัทสูญเสียเงินเฉลี่ย182 ดอลลาร์สหรัฐต่อครั้ง และมีการสูญเสียเพิ่มขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์ในปี 2548 การสูญเสียข้อมูลมีมูลค่ารวมสูงกว่า 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การป้องกันโดยการป้อนรหัสเข้าฮารด์ไดร์ฟจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
นคร ตั้งสุจริตพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหาร ฮิตาชิ จีเอสที (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฮิตาชิมีโรงงานผลิตในประเทศไทย 2 แห่ง โดยเป็นโรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้วที่ใหญ่ มีการลงทุนในแต่ละปี 3,700 ล้านบาทในแง่การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา ในปี 2003 มีกำลังการผลิตประมาณ 30 ล้านยูนิตต่อปี และเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านชิ้นต่อปี ล่าสุดอยู่ในระหว่างการพิจารณาข้อเสนอของบีโอไอในเรื่องสิทธิพิเศษเรื่องภาษีและอื่นๆ หากฮิตาชิจะเพิ่มเงินลงทุนให้อยู่ในระดับ 40,000 ล้านบาท
|
|
|
|
|